การได้เมกเลิฟกับหญิงสาวที่นอนเปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนนุ่มช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าและบรรเทาความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจให้นายแพทย์น่านฟ้าได้เป็นอย่างดี
“ขอบคุณนะหญ้า ขอบคุณที่คุณเข้ามาในชีวิตผม” มีความสุขที่ได้มีดอกหญ้าอยู่เคียงข้าง กระนั้นเธอหาใช่ผู้หญิงที่เขาจะรับเข้ามาในหัวใจไม่ พื้นที่ในก้อนเนื้อใต้แผงอกข้างซ้ายยังคงเป็นของแพทย์หญิงรวินท์วิภา
หยดน้ำตาร่วงหล่นลงบนสองแก้มนายแพทย์น่านฟ้า ไหลเป็นสายธารจนทำให้อกแกร่งเปียกชุ่ม ชายหนุ่มมองรูปคู่ของตนกับอดีตภรรยาที่ไม่เคยลบทิ้งไปจากโทรศัพท์ หากวันใดที่รวินท์วิภากลับมา เขาพร้อมอ้าแขนรับหล่อนสู่อ้อมกอดโดยไม่มีข้อแม้ใด
ส่วนดอกหญ้า เชื่อเหลือเกินว่าสักวันสาวน้อยแสนดีอย่างเธอต้องได้พบเจอผู้ชายดีๆ
นายแพทย์น่านฟ้าทิ้งสายตาตัวเองไว้ที่ผู้หญิงซึ่งนอนหลับไม่รู้เรื่องราวนานพอสมควร ชายหนุ่มคิดไปถึงเบื้องหน้าว่าหากสักวันต้องบอกลาหญิงสาวจะเป็นยังไง เธอจะฟูมฟายหรือไม่ หรือยอมไปจากเขาแต่โดยดีหรือเปล่า กระนั้นเมื่อวันสุดท้ายระหว่างเรามาถึง อย่างไรดอกหญ้าก็ต้องยอมรับทุกอย่างให้ได้
“พี่น่านคะ ไม่นอนเหรอ” หญิงสาวงัวเงียปรือตาขึ้นมา แสงสว่างจากหน้าจอสมาร์ตโฟนทำให้เธอเห็นว่าน่านฟ้านั่งอยู่ขอบเตียง ไม่ใช่นอนอยู่ข้างกัน
“ผมลุกมาเข้าห้องน้ำน่ะ”
“อย่าเล่นโทรศัพท์ในที่มืดสิคะ เปิดโคมไฟดีกว่าค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ นอนกันเถอะ” เขาทิ้งตัวลงนอนข้างดอกหญ้า คว้าหญิงสาวมากอดไว้ “ผมทำให้คุณตื่นหรือเปล่าฮึ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ”
“งั้นนอนกันดีกว่านะครับคนดี”
“กล่อมหนูหน่อยสิคะ เริ่มไม่ง่วงแล้ว”
“กล่อมแบบไหนดีละ” นอกจากเรื่องความรู้สึก ฮอร์โมนนี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวไม่หยอกเลยนะ ไม่รักแต่ผูกคนสองคนให้เกี่ยวเหนี่ยวเป็นก้อนกลมเพราะ ‘เซ็กซ์’
นับวันนายแพทย์น่านฟ้ายิ่งรู้สึกว่าตัวเองต้องการดอกหญ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ ยิ่งได้ยิ่งละโมบอยากได้มากกว่าเดิม
“มะ ไม่ใช่กล่อมแบบนั้นค่ะพี่น่าน” ฝ่ามือร้อนผ่าวที่นาบสัมผัสร่างกายบอกได้เป็นอย่างดีถึงความต้องการของคนตัวใหญ่ กระนั้นถึงอยากตามใจหมอหนุ่มแค่ไหน แต่ด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าทำให้ดอกหญ้าจำต้องหยุดทุกอย่างไว้ก่อนเลยเถิด “พี่น่านขา วันนี้ต้องไปประชุมที่พัทยาไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ครับ” เพราะอย่างนั้นถึงต้องตักตวงความสุขไว้ก่อนไง ด้วยงานประชุมที่จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นในการรักษาผู้ป่วยด้านออร์โธปิดิกส์จัดสองวันหนึ่งคืน เขาจึงจำต้องนอนค้างที่พัทยา ไม่ได้กลับมากอดดอกหญ้าเหมือนอย่างทุกคืน “คิดถึงหญ้าแย่เลย”
“ให้หนูไปด้วยไหมล่ะคะ”
หมอหนุ่มชะงักไป ทว่าน่านฟ้าสามารถเก็บอาการไว้ได้ทันก่อนที่ดอกหญ้าจะรู้สึกได้
ไปด้วยงั้นหรือ
ไม่หรอก
ไม่มีทาง
จะไปด้วยได้อย่างไร ไปในฐานะอะไรอย่างนั้นเหรอ จริงอยู่ที่ไม่ได้ซุกซ่อนหญิงสาวเอาไว้ เราทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง กระนั้นตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ไม่เคยมีสักเสี้ยวความคิดที่จะพาดอกหญ้าก้าวเข้าสู่สังคมหมอที่หลายคนรู้จักรวินท์วิภา หาใช่เพราะกลัวเด็กนี่รู้ แต่ไม่อยากให้เรื่องที่ว่าเขามีดอกหญ้าถึงหูอดีตภรรยาต่างหากเล่า
“อย่าเลยครับ ผมประชุมทั้งวัน กลัวหญ้าจะเบื่อเอาได้ ไว้จะรีบกลับมาหานะ” ความหฤหรรษ์ที่ตั้งใจจะทำพลันหยุดลง นายแพทย์น่านฟ้าลอบพรูลมหายใจออกมา เขาอยากเก็บดอกหญ้าไว้ข้างกาย เขาเสพติดร่างกายหญิงสาวไปแล้ว แต่รู้ดีว่านั่นเป็นการเห็นแก่ตัวนัก
“ประชุมคราวหน้าหนูขอไปด้วยนะคะ ครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ แหละ ถ้าหนูไป พนักงานได้โอดครวญกันแน่”
ไม่อาจรับปากในเรื่องที่รู้ว่าให้ไม่ได้ ดอกหญ้าไม่มีวันได้ไปยืนในจุดที่เป็นของแพทย์หญิงรวินท์วิภา “งานประชุมน่าเบื่อจะตาย ผมพาคุณไปเที่ยวดีไหม หญ้าอยากไปที่ไหน บอกผมได้เลยนะ เดือนหน้าผมมีเวลาพักร้อนอยู่สามวัน”
“จริงเหรอคะ พี่น่านพักช่วงไหนเอ่ย”
“เดี๋ยวผมส่งตารางงานให้” น้ำเสียงกังวานใสที่เต็มไปด้วยความดีใจทำให้นายแพทย์น่านฟ้ายิ้มกว้าง “ดีใจขนาดนั้นเชียว”
“ดีใจสิคะ ได้ไปเที่ยวกับพี่น่านนี่นา แต่เอ๊ะ หรือว่าเราจะอยู่บ้านดีคะ”
“หืม ทำไมถึงอยากอยู่บ้านล่ะ”
“พี่น่านทำงานหนักนี่คะ ถ้ามีวันหยุดหนูก็อยากให้พี่น่านพักผ่อนมากกว่า”
ความรู้สึกผิดที่มีต่อดอกหญ้ายิ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ รู้ดีว่าหญิงสาวรักตนมากแค่ไหน ไม่น่าเลยน่านฟ้า ไม่น่าปล่อยให้ทุกอย่างมาถึงจุดที่กำลังเป็นอยู่เลย “ไปเที่ยวกับคุณดีกว่า นอนอยู่บ้านเบื่อแล้ว”
“งั้นให้หนูขับรถให้พี่น่านนะคะ” คุณหมอน่านฟ้าจะได้นั่งสบายๆ
“กลัวผมเหนื่อย?”
“ค่ะ”
คำตอบชวนให้ชื่นใจ แต่ทำไมกลับหน่วงหนักในความรู้สึกนัก
“อย่าดีกับผมนักเลยดอกหญ้า”
“ไม่ดีกับพี่น่าน แล้วจะให้หนูไปดีกับใครล่ะคะ”
“ดีกับตัวเอง ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อยเพราะผม”
ไม่เลย..
ทุกอย่างที่เธอทำเพื่อนายแพทย์น่านฟ้า เธอเต็มใจทำให้ชายหนุ่ม มีความสุขที่ได้ทำให้เขา อาจเหนื่อยกายบ้าง ทว่าความสุขที่เกิดขึ้นในหัวใจมันเหลือล้นจนทำให้เรื่องอื่นเล็กน้อยเหมือนละอองฝุ่นที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรือเก็บนำมาคิด
“หนูมีความสุขที่ได้ทำเพื่อพี่น่าน อีกอย่างถ้าหนูไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะคะ เรามีกันอยู่สองคน พี่น่านดูแลหนู ให้เงินเดือนหนูใช้ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน จะให้หนูนั่งๆ นอนๆ คงเป็นไปไม่ได้”
ความรับผิดชอบเพียงเล็กน้อยเทียบไม่ได้สักนิดกับเรื่องที่เขาเอาเปรียบหญิงสาว ลูกคุณหนูที่มีคนดูแลตั้งแต่เกิด กลับต้องมาทำงานบ้านด้วยตัวเองเพียงเพราะไม่อยากให้เขาเปลืองเงินไปกับการจ้างแม่บ้าน
“ต่อไปไม่ต้องจ้างแม่บ้านนะคะพี่น่าน หนูจะทำงานบ้านเอง” ในวันที่ดอกหญ้าเห็นเขานั่งมองบิลค่าใช้จ่าย เธอเอ่ยกับเขาด้วยประโยคที่ทำให้คนฟังชะงักไป น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเห็นใจและสายตาที่บ่งบอกว่าอยากแบ่งเบาภาระทำเขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
หลายครั้งที่บอกเจ้าหล่อนว่าไม่ต้องทำงานบ้านเอง ทว่าหัวเด็ดตีนขาดดอกหญ้าก็ไม่ยอมจ้างแม่บ้าน หญิงสาวบอกว่าจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้เขาโดยใช่เหตุ คิดแล้วน่าขันนัก เด็กนี่คิดว่าเขาไม่มีอันจะกินขนาดไหนกันนะ
“จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดบ้านเถอะนะหญ้า ช่วงนี้งานหญ้าก็หนักไม่ใช่เหรอ ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อยมากไปกว่าที่เป็นอยู่”
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ หนูทำไหวน่าพี่น่าน บ้านเราก็ใช่ว่าจะสกปรกอะไรมากมาย” พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ดอกหญ้าจึงนึกอะไรบางอย่างได้ “พี่น่านคะ กุญแจห้องเก็บของอยู่ไหนเหรอ หนูว่าจะเข้าไปทำความสะอาดหน่อย”
ความหวงแหนที่มีต่อทุกอย่างในห้องเก็บของเกือบทำให้นายแพทย์น่านฟ้าเผลอตะคอกใส่หญิงสาวที่นอนข้างตน ยังดีที่ว่าชายหนุ่มยั้งคำพูดไว้ได้ทัน เขาหลับตาลงข่มอารมณ์ไว้ ก่อนเอ่ยบอกดอกหญ้าออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ไม่มีอะไรให้คุณต้องเข้าไปทำความสะอาดหรอก ของในห้องนั่นไม่มีอะไรให้คุณต้องสนใจ คุณดูแลในส่วนที่คุณทำตลอดมาน่ะดีแล้ว”
ในส่วนที่ยอมให้ดอกหญ้าได้ เขาได้ให้หญิงสาวไปหมดแล้ว แต่กับบางเรื่องย่อมยอมไม่ได้ที่จะให้เจ้าหล่อนล้ำเส้น
ดอกหญ้า.. บ้านหลังที่คุณอยู่ คุณไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง ทุกพื้นที่มีเงาของผู้หญิงอีกคนซ้อนทับเสมอ เมื่อไหร่ที่รวินท์วิภากลับมา อย่างไรคนอาศัยเพียงชั่วคราวย่อมต้องเป็นฝ่ายไป
“หญ้าครับ คอนโดฯ ห้องที่คุณเคยอยู่ปล่อยเช่าไปแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ พี่น่านถามทำไมเหรอคะ”
“แล้วโครงการคอนโดฯ ที่คุณดูแลอยู่สร้างเสร็จเมื่อไหร่ คุณเลือกมาให้ผมสักห้องสิ เอาห้องที่หญ้าชอบนั่นแหละ ผมจะซื้อไว้ให้น้องสาว”
“พี่น่านมีน้องสาวด้วยเหรอคะ?”