บทที่6
นาเดีย นอนลืมตาตื่นมาบนแคร่ไม้เก่าๆ มีเพียงฟูกบางๆปูทับ เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเรื่องราวที่ผ่านมาเธอนั้นไม่ไก้ฝันไป เธอหลุดมาอยู่ในโลกอดีต นัยต์ตาหวานไหวระริกน้ำตาคลอไปทั้งหน่วย ตอนที่ประสบอุบัติเหตุฟื้นตื่นขึ้นมาแม้จะจำอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังมีป๊าและม๊าค่อยอยู่ข้างๆ แต่คราวนี้กลับตื่นขึ้นมาโพล่ที่ไหนก็ไม่รู้ ตัวคนเดียวไม่มีใครเลย ไม่รู้เกิดจากสาเหตุอะไรทำให้เธอมาอยู่ที่นี่ เพราะสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา หรือเกิดเหตุลึกลับตอนที่ฟ้าผ่า ตัวเธอเองทำได้เพียงคาดเดาไปต่างๆนาๆ ร่างบางลุกขึ้นจากเตียง เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเดิมที่ใส่นิดตัวมา วิ่งออกจากกระท่อมหลังน้องมุ่งตรงไปยังทิศทางที่คิดว่าน่าจะสามารถนำเธอไปยังชายหาดได้
เธอวิ่งตรงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มองเห็นสีฟ้าจากน้ำทะเล
“แล้วจะกลับไปโลกเดิมได้ยังไง พี่ๆคนอื่นหลุดมาแบบเดียหรือเปล่า” นาเดียพึมพำกับตัวเอง เดินลุยทรายสีขาวจนไปถึงน้ำทะเล คลื่นซัดกระทบจ้อเท้านวลลออ เธอไม่คิดจะเดินลุยออกไปไกลกว่านี้ เพราะนังรักตัวกลัวตายอยู่ ต่อให้เสี่ยงเดินออกไปก็คงหากทางกลับโลกเดิมไม่ได้ เผลอตะจมหน้ำทะเลตายซะก่อน
“กลับไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับหรอก” แม่เฒ่าม่านม่าน เดินทามาตั้งแต่เห็นหยางจื่อวิ่งหน้าตื่นออกจากกระท่อม กลัวนางจะหลงทาง เพราะต้องแต่พบกันหยางจื่อไม่เคยไปไหนไกลจากกระท่อมที่นางพามาอาศัยเลยซักครั้ง เพียงช่วยงานเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
“ท่านยาย ข้ามาจากที่อื่น ข้าไม่รู้ว่ามาอยู่ที่หาดนี้ได้ยังไง ข้าอยากกลับไปหาบิดามารดาของข้า” นาเดียพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ตอนนี้แน่ชัดแล้วว่าทำไมไม่มีหน่อยกู้ภัยถึงไท่มาตามหาเธอ จะตามมาได้อย่างไร ในเมื่ออยู่คนล่ะโลก ไม่รู้ว่านี้โลกอดีต หรือโลกขั้วขนาดเหมือนที่เคยอ่านจากในหนังสือ
“แล้วเจ้ารู้วิธีกลับไปที่ที่เจ้าว่าอย่างงั้นหรือ” หญิงชราทรุดตัวลงนั่งเคียงข้า
ร่างบางนั่งกอดเข่าตัวเอง ส่ายหน้าทั้งน้ำตา
“ทุกชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอด ดูจากรูปร่างผิวพรรณของเจ้า เจ้าคงจะใช้ชีวิตแบบชาวประมงไม่ได้หรอก ตัวข้าเองก็แก่แล้วลูกหลานก็มีครอบครัวไปหมดแล้ว นานๆจะเอาของกินของใช้มาให้ ข้าอยู่ตัวคนเดียวจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่กับหลานสาวของข้าในเมือง เมื่อรับปากว่าจะช่วยข้าก็จะช่วยจนถึงที่สุด”
“ขอบคุณท่านยาย” นาเดียโผเข้ากอดแม่เฒ่า เธอไม่อยากอยู่เป็นภาระของท่านยาย ไปอยู่ในเมืองค่อยๆคิดหาทางที่จะกลับไป แต่ถ้าหากกลับไปไม่ได้เธอก็จะต้องอยู่ต่อไปให้ได้
ในที่วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศดี ฝนคงไม่ตกแล้ว แม่เฒ่าม่านม่านจึงพาหยางจื่อเดินเท้าเข้าไปในเมืองหยางไห่ ระหว่างทางก็สอนวิธีการพูด การวางตัวอย่างเช่นหญิงสาวคนอื่นในแคว้นเว่ย แม่เฒ่าม่านม่านเดิมที่นางเป็นแม่นมของจวนเจ้าเมือง แต่เพราะบุตรชายเสียชีวิตจากเมื่อครั้งการก่อกบฏของจ้าวหลงฮองเต้ หลานสาวคนเดียวก็แต่งงานออกเรือนไปแล้ว แม่เฒ่าจึงออกมาใช้ชีวิตคนเดียวห่างไกลผู้คน เพราะเหนื่อยหน่ายกับผู้คนอีกทั้งก็แก่ชรามากแล้ว อยากใช้ชีวิตบั่นปลายอย่างสงบ
“เจ้ายืนรอข้าตรงนี้ ห้ามไปไหนเด็ดขาด ข้าจะเข้าไปคุยกับม่านเจียวเดี๋ยวข้ากลับมา” หลังจากเดินทางหลายชั่วยามก็มาถึงเมืองหยางไห่ แม่เฒ่าสั่งให้หยางจื่อยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าถนนการค้า หลานสาวของนางแต่งานกับพ่อค้าขายเต้าหู้ แม่เฒ่าจะให้หยางจื่อมาช่วยงานในร้านขายเต้าหู้ แต่นางจะเข้าไปคุยฝากฝั่งหยางจื่อเบื้องตนซะก่อนค่อยพาเข้าไปพบ อยู่ๆพาคนแปลกหน้ามาหลานสาวคงจะตกใจไม่น้อย
“เจ้าค่ะท่านยาย ข้าจะยืนรอท่านตรงนี้ ต่อให้ใครเอาขนมมาล่อข้าก็จะไม่ตามไป” ดวงตาคู่งามส่องประกายแวววาว มองผู้คนที่เดินผ่านไปมา ยามที่เธออยู่โลกเก่าเวลาเข้าเมืองไปช๊อปปิ้งเหตุใดไม่เคยตื่นตาตื่นใจเท่าครั้งนี้มาก่อน
มือหนากระชากผ้าม่านรถม้าให้เปิดออกสั่งลูกน้องที่ขี่ม้าอยู่ด้านข้างเสียงเข้ม
“ไปสืบมาว่านางเป็นลูกเต้าใคร”
เพ่งมองหญิงสาวในชุดสีมอยืนอยู่คนเดียว แม้จะท่ามกลางผู้คนมากมายแต่ดวงหน้าของนางนั้นกลับเด่นชัดดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่น้อย แม่กระทั้งตัวเขาเองเพียงแค่นั่งรถม้าผ่านยังต้องหยุดมองนางไม่วางตา