“พี่แดน...”
“...” ร่างใหญ่ผุดลุกจากที่นอนดีดตัวนั่งอัตโนมัติพร้อมกับลมหายใจหอบถี่ เขากะพริบตาแล้วสำรวจรอบๆ ก็พบว่าทุกอย่างยังมืดมิด และเขายังคงอยู่ในกระท่อมกลางป่าใหญ่ เพียงแต่บัดนี้ไม่ได้นิทราอยู่เพียงลำพังเหมือนก่อนเท่านั้น
คนตัวเล็กที่หลับใหลอยู่ข้างกายทำให้ฝันร้ายหวนกลับคืนมาประหนึ่งคนในฝันนั้นได้รับรู้ในสิ่งที่เขากำลังกระทำ
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วผละลงจากแคร่ซึ่งดัดแปลงเป็นเตียงนอนเล็กๆ ขนาดสี่ฟุต มีฟูกรองไม่หนานักพร้อมกับผ้าห่มนวมผืนสะอาด
ที่นี่ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย แต่ก็พอเพียงสำหรับการดำเนินชีวิตและไม่ได้เลวร้ายอย่างกระท่อมซอมซ่อที่เขาพามาเรียมไปขังไว้ในตอนแรก
ที่นี่ห่างไกลออกมา...
“มีผู้หญิงมานอนข้างๆ แล้วหลับไม่ลงเหรอครับคุณแดน...” เสียงนั้นทำให้เจ้าของชื่อซึ่งกำลังเปิดประตูแล้วเดินออกมาด้านนอกหันมอง
“ลุงแสง...ป่านนี้แล้วยังดื่มอยู่อีกเหรอ” แทนคำตอบเขากลับตั้งคำถามกับชายวัยกลางคนที่กำลังยกเหล้าเถื่อนในขวดเครื่องดื่มมึนเมาเทเข้าปาก
“อากาศมันหนาว...เดินไปเดินมาเฉยๆ ไม่ไหวหรอกครับ อีกครึ่งชั่วโมงผมก็ว่าจะไปนอนแล้วล่ะ เดี๋ยวไอ้เพิกมันมาเปลี่ยนเวรแทน”
“ออ...”
“เอาหน่อยไหมครับ” ลุงแสงยกน้ำเมาในขวดโชว์แล้วพยักหน้าเชิญชวน แสงไฟจากคบเพลิงไม้ไผ่ที่จุดเอาไว้ตรงหน้ากระท่อมทำให้แดนสรวงมองเห็นค่อนข้างชัดเจน
“ไม่ล่ะ...ขอสูบบุหรี่ดีกว่า” พูดพลางเขาก็หยิบบุหรี่ที่นำติดมือมาจากด้านในยกขึ้นจุดไฟแล้วสูบควันเข้าเต็มปอด บรรเทาความตึงเครียดในใจ ก่อนจะเดินลงบันไดลงมานั่งบนแคร่ไม้ใต้ถุนกระท่อมนั้น
“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอครับ คุณผู้หญิงคนนั้นน่ะ...ผมว่าเราพาเข้าไปให้หมอในหมู่บ้านดูอาการเสียสักหน่อยก็น่าจะดี” ลุงแสงเดินเข้ามาใกล้แล้วนั่งลงข้างๆ ยังคงยกน้ำเมาขึ้นดื่ม
“ไม่ตายง่ายๆ หรอก สายส่งข่าวพวกกะเหรี่ยงฝั่งโน้นหรือยัง”
“พวกมันก็คงระวังเราอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวนี้เจ้าหน้าที่เองก็กวดขันเข้มงวดอย่างกับอะไรดี ไม่แน่มันอาจจะพบช่องทางใหม่ไปแล้วก็ได้”
“ผมก็คิดว่าแบบนั้น...นี่ก็เกือบปีแล้วที่พวกมันเงียบผิดปกติ แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะหยุด...”
“สายของเราก็ทำงานลำบากขึ้นกว่าเก่ามาก หวังว่าคงไม่มีการขนยาล็อตใหญ่เข้าประเทศมาแล้วหรอกนะครับ”
“ไม่นะ...น่าจะลักลอบทยอยเข้ามาแบบมดงานมากกว่า คงลองเชิงก่อน แต่มันต้องมีสักครั้งแหละที่พวกมันจะต้องส่งของจำนวนมากให้รายใหญ่” สีหน้าของแดนสรวงเคร่งเครียดขึ้น
“พวกเรากำลังลำบากนะครับคุณแดน...ถ้าเงียบรอพวกมันอยู่อย่างนี้ถ้าเกิดมันไปตั้งฐานผลิตยาที่อื่น ส่งกันทางอื่นแล้วเราไม่เสียเวลาเปล่าเหรอครับ” ลุงแสงกระดกเหล้าเข้าปากเป็นครั้งสุดท้ายแล้ววางขวดเปล่าลงข้างตัว หันหน้ามองชายหนุ่มเพื่อรอคำตอบ
“ไม่มีทางหรอกลุงแสง หาช่องทางลำเลียงเข้าไทยทางใหม่ยังง่ายกว่าย้ายฐานการผลิต มันไม่ได้มีที่ให้พวกมันโยกย้ายกันเป็นว่าเล่นเสียหน่อย รอยต่อระหว่างประเทศในแถบนี้เป็นทำเลเหมาะที่สุดแล้ว มดงานโง่ๆ ก็มีเยอะ...”
“แล้ว...คุณผู้หญิงคนนั้นล่ะครับ คิดจะขังเขาไว้ในป่านี้ตลอดไปหรือยังไง มันจะมีประโยชน์อะไรครับ ปล่อยวางเถอะคุณแดน ต่อให้ทรมานเธอจนตายคุณมาลัยก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมา”
“ปล่อยวางเหรอ!! ลุงแสง...” น้ำเสียงของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเข้มขรึมขึ้นมาทันที ดวงตาของเขาวาววับทอประกายกับแสงจากคบไฟ ราวกับความแค้นกำลังลุกโชนบ้าคลั่งอยู่ในแววตานั้น
“ที่ผมต้องมาอยู่ในสภาพนี้เพราะพวกมันไม่ใช่เหรอ...มาลัยต้องตาย น้องสาวอีกคนก็หายไป ครอบครัวผมพังพินาศ แต่ผมกลับต้องมานั่งทำใจยอมรับแล้วปล่อยให้ไอ้คนที่ทำลายทุกอย่างอยู่อย่างมีความสุขบนกองเงินกองทอง ไม่เคยได้รู้ถึงความเจ็บปวดแม้แต่เศษเสี้ยวอย่างนั้นเหรอ คนที่อยู่ก็เหมือนตาย อยากตายก็ไม่ได้ตายอย่างผมหน้าตาดูมีคุณธรรมขนาดนั้นเลยเหรอ”
ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดแล้วยกบุหรี่ขึ้นดูดหยาบๆ ปล่อยพ่นควันให้ฟุ้งโขมงออกไปในอากาศ
“แต่คุณมาเรียมเธอไม่เคยรู้...”
“ครอบครัวผมก็ไม่เคยไปทำอะไรพวกมันเหมือนกัน แต่ก็ต้องมาวิบัติเพราะความเลวของได้คมพจน์ ผมไม่ควรปล่อยให้มันลอยหน้าลอยตาอยู่จนถึงทุกวันนี้ด้วยซ้ำไป”
“ความเจ็บแค้นที่ล้างดับด้วยไฟแค้นมันไม่มอดหรอกครับ...ยิ่งจะเผาไหม้ให้ทุกฝ่ายย่อยยับไม่สิ้นสุด ผมเป็นห่วงคุณแดนนะครับ อยากให้กลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมเสียสักที นายฝรั่งกับคุณชมชบา แล้วก็คุณมาลัยจะได้หมดห่วง”
“ผมอยู่แบบนี้ดีแล้ว ป่าคือบ้านของผม คนในหมู่บ้านแล้วก็ทุกคนที่นี่คือครอบครัว ผมทิ้งไปไม่ได้อย่าผลักไสให้ผมต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักอีกเลย”
“คุณแดน...” ลุงแสงถอนหายใจแล้วส่ายศีรษะจนคำพูดจะเกลี้ยกล่อม แกเป็นคนที่รู้เห็นและเข้าใจในความรู้สึกของแดนสรวงทุกอย่าง ที่ผ่านมาถึงได้คอยดูแลอยู่ข้างๆ เสมอ แต่ด้วยอายุที่อาวุโสกว่าหลายสิบปีก็ย่อมอยากให้ชายหนุ่มที่รักเหมือนลูกเหมือนหลานได้มีวิถีชีวิตที่ดีกว่านี้
เป็น...ในแบบที่เขาเคยเป็น ไม่ใช่มาจมปลักอยู่บนดงบนดอยหาความก้าวหน้าไม่เจอ ลมหายใจทุกวันแขวนเอาไว้บนความเสี่ยงที่ไม่อาจคาดเดา อาจสิ้นชื่อไปจากโลกเสียเมื่อไหร่ก็ได้
“ลุงไปนอนเถอะผมจะอยู่รอเพิกเอง เดี๋ยวมันคงมา” บุหรี่หมดมวนในเวลาเพียงไม่นาน ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผม แล้วรวบขมวดปมเอาไว้ลวกๆ แล้วเอ่ยบอกกับลุงแสง
“ฟังคนแก่บ่นหน่อยเดียวถึงกับออกปากไล่เลยเหรอครับ ฮ่าๆ ก็ได้ๆ งั้นลุงไปนอนก่อน เมื่อเช้าพวกไอ้ช้างมันเข้าไปในหมู่บ้านเอายาแก้ไข้ติดมือมาด้วย เอานี่...เผื่อคุณแดนจะได้เอาไว้นังหนูนั่นกินกันตาย” ชายวัยกลางคนล้วงมือหยิบของที่ว่าในกระเป๋าเสื้อแขนยาวแล้วยื่นส่งให้แดนสรวง
แดนสรวงพยักหน้าแต่ไม่ได้รับไว้ ลุงแสงเลยวางตั้งบนแคร่แล้วหันหลังเดินไปยังกระท่อมของตัวเอง