รอบตัวมีแต่ป่า และป่า...กับเสียงสัตว์ร้องจับใจความไม่ได้ว่าคือตัวอะไร แต่มันยังความหวาดกลัวเหลือคณามาสู่จิตใจของเธอ ด้วยไม่รู้เส้นทางหญิงสาวจึงบุกป่าฝ่าพงหญ้ารกวิ่งไปเรื่อยๆแม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่เธอก็ไม่ยอมหยุด กิ่งไม้ใบไม้บาดข่วนตามเนื้อตัวจนเป็นรอยเลือดซิบซึมเข้าไปติดถึงเสื้อผ้า แต่ก็ไม่ได้สนใจมันเลย
“ทำไงดี ไปทางไหนดี...” ยิ่งไกลก็ยิ่งลึก เข้าไปในป่าที่มีต้นไม้ใบหญ้ารกหนาและมีขนาดใหญ่เข้าไปทุกที
หากเธอไม่ถูกเดนคนเหล่านั้นลากตัวกลับไปก็คงหลงทางตายในป่านี้อย่างแน่นอน เพราะหนทางจะรอดออกไปนั้นริบหรี่เสียยิ่งกว่าแสงจันทร์ในคืนเดือนดับเสียอีก
แต่แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจึงหยุดวิ่งชั่วขณะ และตั้งใจเงี่ยหูฟังพลางหายใจหอบด้วยความเหนื่อย
“น้ำ...แถวนี้มีน้ำ” เธอเริ่มกวาดสายตามองไปยังทิศทางที่มาของเสียง แม้จะมีต้นไม้และหญ้าสูงเกือบท่วมศีรษะ แต่หากเธอเดินตามเสียงนั้นไปพบแหล่งน้ำจริงๆ ก็เชื่อว่าตัวเองต้องมีทางรอดแน่นอน
หนึ่งเธอมีน้ำสะอาดได้ดื่มคงพอยังชีพได้ดีกว่าอดอยาก แม้จะไม่มีอาหารเลย
สอง...หากเดินตามลำน้ำไปอาจได้พบหมู่บ้านหรือทางออกจากป่านี้ เพราะอย่างไรเสียสายน้ำก็ต้องไหลไปรวมตัวกันที่ไหนสักแห่ง
มือเล็กยกมือขึ้นปาดเหงื่อตามใบหน้าแล้วเดินแหวกพงไพรไปเรื่อยๆ เสียงน้ำไหลก็ดังชัดขึ้นทุกที และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกโจรป่าเหล่านั้นจะตามมาไม่ทันก่อนเธอจะได้ไปไกลจากบริเวณนี้
“มีน้ำจริงๆ ด้วย แกรอดตายแล้วมาเรียม...” เสียงเล็กอุทานเบาหวิว ริมฝีปากคลี่ยิ้มน้อยๆ ด้วยความยินดีแต่กระนั้นก็ยังไม่อาจขจัดความกลัวทั้งหมดออกไปจากความรู้สึก
ตรงหน้าของเธอเป็นลำธารไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ไม่เล็กนัก รอบๆ ยังห้อมล้อมไปด้วยความเขียวชอุ่มของต้นไม้ต้นหญ้า มีก้อนหินขนาดน้อยใหญ่วางสะเปะสะปะอยู่โดยทั่ว อากาศตรงนี้เย็นจัดขึ้นมาทันที
มาเรียมตัดสินใจถอดรองเท้าหุ้มส้นที่เธอสวมอยู่มาถือเอาไว้เพื่อความสะดวกในการเดินข้ามลำธารไปยังอีกฝั่ง คงช่วยอำพรางเธอจากกลุ่มโจรได้ในระดับหนึ่ง
ระดับน้ำไม่ลึกนักแต่ไหลแรงเชี่ยวกราก อีกทั้งพื้นน้ำยังเต็มไปด้วยหินขนาดต่างกัน ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากในแต่ละย่างก้าว เพราะหินทั้งลื่นและมีคม
แต่ในที่สุดเธอก็ข้ามมายังอีกฝั่งจนได้ หญิงสาวถอนหายใจโล่งในระดับหนึ่งเมื่อมองกลับไปข้างหลังก็ไม่พบว่ามีใครตามมาทัน
เธอจึงก้มตัวลงวักน้ำล้างหน้าและทำความสะอาดเนื้อตัว แล้วสวมรองเท้าดังเดิม
คิดไม่ตกเลยจริงๆ ว่าทำไมจู่ๆ ชีวิตถึงพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้โดยไม่คาดฝันเช่นนี้ ไม่อยากให้ทุกอย่างเป็นความจริงเลยแต่ก็เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ชัดเจนจนเธอไม่รู้จะหลอกตัวเองอย่างไร
เมื่อได้น้ำชโลมร่างกายให้พอทุเลาความร้อนในตัว และชะล้างคาบเหงื่อไคล รวมถึงทำความสะอาดบาดแผลขีดข่วนตามแขนขาเสร็จแล้ว มาเรียมก็เริ่มเดินทางต่อโดยตั้งใจจะลัดเลาะไปตามทางน้ำที่ไหลผ่าน
เธอพยายามข่มความกลัวทั้งหลายแหล่เพื่อจะเอาชีวิตให้รอดออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“จะมีใครรู้หรือยังว่าเราหายตัวมาแบบนี้ จะมีใครเริ่มตามหาเราหรือยัง” คิดเรื่องตัวเองไปพลาง ก็นึกภาพข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์และตามสื่อต่างๆ แล้วก็ยิ่งทำให้จิตหลอนยิ่งนัก
การฆ่าแกง การทำร้ายทารุณในสมัยนี้กลายเป็นเรื่องที่พบเห็นกันได้ทุกวี่ทุกวัน แต่เธอก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะต้องมาผจญชะตากรรมอย่างไม่ได้ตั้งตัว เข้าใจความรู้สึกของเหยื่อเหล่านั้นเลยว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน
เสียงของป่ายังดังระงม ทั้งหรีดหริ่งเรไรและสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกระทบวัตถุ แสงแดดเริ่มลดความแรงกล้า บอกให้รู้ว่าในไม่ช้าความมืดจะมาเยือน นั่นคงเป็นช่วงเวลาที่น่าวังเวงที่สุดสำหรับเธอ
สองมือเรียวกอดรัดตัวเองเพื่อผ่อนคลายความเย็นยะเยือก เธอก้าวเร็วอย่างระแวดระวังและกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ อยู่ตลอดเวลา แล้วก็ต้องหยุดชะงักด้วยสัญชาตญาณบางอย่างมันสื่อให้รู้ถึงความผิดปกติ
เสียง...ที่ไม่ใช่แค่ลมพัดกิ่งไม้ใบไม้ไหว ไม่ใช่สายน้ำ ไม่ใช่แมลงในผืนป่า
บางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังของเธอ...
“ล...ลิง” เธอขยับตัวหันกลับไปมองช้าๆ ภาพของลิงป่าขนาดตัวเท่าสุนัขเต็มวัยกำลังแยกเขี้ยวมองเธอด้วยสายตาพิฆาต
ท่าทางของมันไม่ได้เป็นมิตร และพร้อมจะจู่โจมทำร้ายได้ทุกเมื่อหากเธอขยับตัวอีกเพียงนิดเดียว อันตรายในป่าใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม แต่เธอไม่ได้มีทางเลือก
“ว้าย!” ลิงป่าตัวนั้นกระโดดเข้าหาเธอด้วยความรวดเร็ว ร่างเล็กหลบมันได้ทัน แต่ก็ต้องเสียหลักล้มกองลงกับพื้นดิน
เสียงสัตว์ร้ายคำรามเกรี้ยวกราดน่ากลัว และหันกลับมามองเธอพร้อมตั้งท่ากระโจนประทุษร้ายอีกครั้ง
“ช่วยด้วย!” เธอตะโกนสุดเสียง ยกมือขึ้นป้องกันตัวเองโดยอัตโนมัติ หลับตาปี๋ใจเต้นระทึกเตรียมตัวรับความเจ็บปวดที่ไม่อาจคาดเดา หรืออาจจะถึงแก่ชีวิต
แต่แล้วเสียงอาวุธร้ายก็ดังลั่นสนั่นป่าทำให้เธอสะดุ้งซ้ำด้วยความตกใจ ลิงตัวนั้นหวีดร้องระงมป่าและค่อยๆ ห่างออกไป
“จับตัวได้แล้ว...”
มาเรียมลืมตาขึ้นมองทันที...เธอผงะเล็กน้อยเมื่อพบว่าปืนยาวในมือเจ้าของเสียงกำลังเล็งจ่ออยู่ตรงหน้าอกของเธอ ห่างจากตัวเพียงคืบ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเจ้าลิงร้ายตัวนั้นถึงได้ล่าถอยหนีเข้าป่า เพราะมันรู้ว่ามีบางสิ่งที่อันตรายกว่า...
“...” ดวงตาคมดุจ้องร่างเล็กด้วยความสาแก่ใจ
หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว...
“ว้าย! ฉันเจ็บนะไอ้บ้า!!” ปลายกระบอกปืนนั้นสะกิดตรงสาบเสื้อสีขาวที่บัดนี้เปื้อนรอยคราบสกปรกเต็มไปหมด ร่องกระดุมถูกสะกิดจนแยกห่างหลุดลุ่ยทีละเม็ด
หญิงสาวได้แต่ก้มมองความอัปยศของตัวเองด้วยอาการสั่นเทา หากโดนลิงตัวนั้นกัดตายไปเสียคงดีกว่า
“เธอยังต้องเจ็บอีกเยอะ...มาเรียม”
“นี่มันกลางป่า...แกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” เธอประท้วงเสียงสั่น ปลายกระบอกปืนเลื่อนขึ้นมาตรงเนินอกขาวผ่อง แล้วกดลึกจนจมเนื้อแล้วลากลงมาจนผิวสล้างเป็นรอยแดงช้ำ
หญิงสาวขยับถอยหลังหลบเลี่ยงการคุกคามแต่เขากลับกระตุกปืนทำให้เธอกลัวจนชะงักและนิ่งอยู่อย่างนั้น ลมหายใจแรงกระตุ้นให้ทรวงอกกระเพิ่มเป็นจังหวะ
“กรี๊ด! นี่แก!”
“สวย...ไม่หยอก” ดวงตาเข้มวาววับพร้อมร
อยยิ้มแขยะร้าย เมื่อบราตัวสวยถูกเขาใช้ปลายปืนเซาะเข้าตรงร่องแล้วกระชากทิ้งจนอกอวบสะพรั่งไร้ซึ่งพันธนาการ
เธอรีบใช้มือกอดปกปิดเอาไว้ แต่มันก็ไม่พ้นจากสายตาของเขาอยู่ดี
ชายหนุ่มเดินเข้าหาร่างเล็กที่นั่งกอดตัวเองซ่อนความสาวที่เปลือยเปล่า เขานั่งยองตรงหน้าของเธอวางปืนลงแล้วไม่รีรอที่จะโน้มใบหน้าเขาหากลิ่นหอมอันเย้ายวนจากผิวกายสาว
ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบต้นคอขาวสะอาดของเธอ มาเรียมเบี่ยงหลบห่อตัวหนีทันที
“อื้อ!!” แต่แดนสรวงก็หันมารุกอีกด้านจนเธอล่าถอยไม่ทัน ไม่มีคำต่อรองหรือข้อเสนอใดๆ จากเขา
ร่างใหญ่รุกล้ำอยู่บนตัวเธอโดยสมบูรณ์แบบ น้ำหนักตัวของเขากดทับให้เธอเอนไปพิงกับต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง สองมือยังคงปกป้องกอดกายเอาไว้แน่น ทั้งเกร็งทั้งสั่น
เธอกลั้นหายใจกัดริมฝีปากจนรู้สึกถึงรสเลือดที่ไหลซิบ แต่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย...
“อื้อ!!” แต่แดนสรวงก็หันมารุกอีกด้านจนเธอล่าถอยไม่ทัน ไม่มีคำต่อรองหรือข้อเสนอใดๆ จากเขา ร่างใหญ่รุกล้ำอยู่บนตัวเธอโดยสมบูรณ์แบบ
น้ำหนักตัวของเขากดทับให้เธอเอนไปพิงกับต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง สองมือยังคงปกป้องกอดกายเอาไว้แน่น ทั้งเกร็งทั้งสั่น
ความขยะแขยงเมื่อใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยหนวดเครากำลังซุกซอกดอมดมเธออยู่ มันกลบกลืนทุกอย่าง แม้กระทั่งเสียงเต้นของหัวใจ
มาเรียมตั้งสติและพยายามดิ้นสู้ กรีดร้อง...แต่แดนสรวงกลับหัวเราะร่วนเหมือนจะยิ่งอารมณ์ดีกับอาการกระเสือกกระสนของเธอ เขาจับเธอกดด้วยแรงที่เหลือกว่า แล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าจนขาดวิ่นหลุดลุ่ยออกจากตัว คงเหลือแต่กางเกงรัดรูปสีดำติดกาย
“เธอจะต้องตกนรกหมกไหม้อยู่ในป่านี้ชั่วกัลป์ มาเรียม...ไอ้พจน์พี่ชายของเธอจะต้องตรอมใจตายอย่างทรมาน กับการได้รับรู้ความเจ็บปวดของเธอแต่ช่วยอะไรไม่ได้ หึ หึ”
“โรคจิต...” น้ำตาเอ่อไหล เลือดตรงริมฝีปากไหลซิบซึมแดงฉาน ในอกของเธอจุกเจ็บแค้นปนเปกับความกลัวตาย กลัวการถูกล่วงละเมิด สติของเธอใกล้ถึงจุดแตกดับเต็มทีแล้ว
“อืม...” ผู้ร้ายไม่ได้ไยดีในคำปรามาสของเธอ เขาแลบลิ้นเลียไปบนกลีบปากสั่นระริกที่แต้มไว้ด้วยเลือดสีเข้ม แล้วประกบฉกจูบอย่างเอาแต่ใจ ลิ้มรสของโลหิตจากสาวแรกรุ่น มือกร้านลูบไล้ไปตามผิวเปลือยท่อนบน
เธอยังคงกอดอกปิดเร้นความสะพรั่งเอาไว้ หากแต่แดนสรวงไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะถึงอย่างไรทุกตารางนิ้วของเธอก็หนีเขาไม่พ้นอยู่ดี
“อย่า! อื้อ!!!” เสียงเล็กหวีดร้องละล่ำละลักขอความเห็นใจเมื่อเขาผละใบหน้าออกห่าง รอยอุ่นยังตรึงตราและเจ็บลึกไม่หาย แม้รู้ว่าคงไร้ประโยชน์แต่เธอก็ไม่อาจหยุดเว้าวอนได้เลย
สองมือของเธอกำลังถูกเขาง้างออกไปกุมไขว้ไว้ด้านหลังด้วยมือข้างเดียวของเขา ส่วนมือหนาหยาบอีกข้างทำหน้าที่สำรวจเนินเนื้อแห่งความสาว
“นมใหญ่เต็มไม้เต็มมือดีจริงๆ ผ่านผู้ชายมากี่คนแล้ว หืม...มาเรียม” ฝ่ามือนาบไปกับผิวอวบเปลือยพลางเอ่ยถามเสียงพร่า แววตาเข้มขึงเมื่อสักครู่แปลเปลี่ยนเป็นประกายเมื่อสบต้องเต้าสล้างนวลเนียน
เขาซุกหน้าลงบนเนินอกแล้วใช้จมูกดุนดมกลิ่นสาว ลากลิ้นสำรวจด้วยความหยาบโลนจนขนกายของเธอลุกชัน ความกลัวของเธอยิ่งดึงดูดให้เขากระหยิ่มใจอยากครอบครอง
อยากเล่น...กับร่างสั่นเทาเหมือนเหยื่อที่ทำได้เพียงรอคอยโทษทัณฑ์อย่างไม่มีทางออก
อยากเห็นเธอดิ้นทุรนทุรายอยู่ใต้ร่างในยามที่เขาสุขสม
อยากให้เธอสูญเสียทุกอย่างเหลือไว้เพียงลมหายใจรวยริน
ตายทั้งเป็น...เหมือนกับเขา