“สั่นเป็นลูกนก กลัวหรือเสียว” แดนสรวงกระซิบเสียงแผ่วประชิดกลีบปากเจ่อที่เขาเพิ่งผละจูบอย่างดูดดื่มมาชั่วขณะ หนวดเคราของเขาขูดเสียดสีไปกับผิวหน้าละเอียดอ่อน ริมฝีปากหยักหนาแนบประทับจุมพิตร้ายอีกครั้ง
รสจูบครั้งนี้ไม่หนักหน่วงรุนแรงเหมือนที่เธอเคยเผชิญมา แต่เร่าร้อนและเปี่ยมไปด้วยปรารถนาดำมืดที่ส่งผลให้เธอปั่นป่วนไปทั้งร่าง สับสนกับความรู้สึกของตัวเองที่เหมือนจะโอนอ่อนคล้อยตามในทันทีทั้งที่ควรจะขยะแขยงให้เสียเต็มประดา
“ถ้ามีใครบอกว่าเธอเป็นผีป่าจำแลงมา...ฉันจะเชื่อ” เสียงกระซิบนั้นยังแพร่งพร่าอยู่ในลำคอในขณะที่ริมฝีปากหยักหนายังไม่อาจละจากความนุ่มนวลหอมกรุ่นของจุมพิตที่เปรียบเสมือนมนต์ดำ
ไม่รู้ว่าเขาหรือเธอกันแน่ที่กำลังตกเป็นเหยื่อ...
แดนสรวงจับคลอเคลียอยู่กับกลีบปากเย้ายวน จุ๊บแผ่วเบาซ้ำๆ แล้วจะเคลื่อนใบหน้าสำรวจผิวเนื้อตรงซอกคอขาว ผิวพรรณของมาเรียมละเอียดลออเนียนสวยไม่มีริ้วรอยให้ด่างพร้อยแม้แต่แมวข่วน
ทุกตำหนิในกายเธอเพิ่งจะเกิดขึ้นเพราะน้ำมือเขาทั้งนั้น มันทำให้เขารู้สึกอยากทะนุถนอมเธอขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“แดน...พอเถอะฉันขอร้อง” หญิงสาวยืนตัวสั่นทิ้งน้ำหนักพิงกำแพงเต็มที่ ด้านหน้าของเธอถูกแดนสรวงจูบตะบมพร้อมทั้งใช้มือนวดเฟ้นสำรวจไปทั่ว
เธอร้องขอเขาเพราะกลัวว่าหากปล่อยให้ความรู้สึกเตลิดไปกับความซาบซ่านมากกว่านี้จะยิ่งเป็นผลเสียต่อตัวเอง เพราะหากว่าเธอเป็นกายแฝงของภูตผีอย่างที่เขาพร่ำบอก ตัวเขาก็คงไม่ต่างอะไรจากอสูรร้ายที่ใช้อำนาจมืดครอบงำเปลี่ยนแปลงทุกอย่างใจชีวิตของเธอ
“เธอหนีฉันไม่รอดหรือมาเรียม ยังไงก็ไม่รอด...” ริมฝีปากอุ่นผ่าวเลาะเล็มตรงเนินอกไปพลางตอบโต้หญิงสาวไปพลางพร้อมกับเสียงครางฮือแสดงความพึงพอใจอยู่ไม่ขาดระยะ
“มีสองทางเลือกสำหรับเธอ ทำตัวเป็นเมียที่ดีแล้วจะไม่เจ็บตัว หรืออยากโดนอย่างที่ผ่านมาก็ตามใจ ฉันจัดให้ได้ทุกอย่าง”
“...” มาเรียมเงียบ หายใจหนักเป็นจังหวะ โกรธ...ในข้อเสนอเห็นแก่ตัวของเขา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี หากพ้นคืนนี้ไปคิดว่าแดนสรวงคงต้องเดินทางและอีกนานกว่าจะกลับ
เธอจึงเลือกที่จะยอมทนต่อความหยาบช้านี้อีกเพียงชั่วราตรีเดียว แล้วทุกอย่างจะต้องจบ เธอจะไม่อยู่รอให้ถึงวันที่หัวหน้าโจรป่าคนนี้กลับมาอย่างแน่นอน
“ดีมากเด็กน้อย...อืม” แดนสรวงเอ่ยชื่นชมเสียงพร่าเมื่อหญิงสาวละมือที่ปัดป่ายเขาอยู่มาจับท่อนแขนกำลัง ถือเป็นการตอบรับศิโรราบแต่โดยดี เขาจึงผละออกเล็กน้อยแล้วอุ้มร่างของเธอยกขึ้นเหนือพื้นเพื่อพาไปยังเตียงนอน
มาเรียมกรีดร้องเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ทุกอย่างรวดเร็วไปหมด มารู้ตัวอีกทีเธอก็ถูกวางอยู่บนเตียงเสียแล้ว
“ว้าย!!” เธอนอนหายใจหอบตัวเกร็งเมื่อร่างใหญ่ค่อยๆ โน้มลงมา ใบหน้าห่างกันเพียงคืบ สายตาประสานแม้จะไม่จงใจแต่ก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ มาเรียมไม่ได้มีใจจังเกตในดวงตาคมดุดันนั้น แต่วูบหนึ่งเธอเหมือนจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง แดนสรวงไม่ปล่อยให้หญิงสาววิเคราะห์ความรู้สึกของเขานานนักเขาจูบเธอหนักหน่วงดูดดึงจนริมฝีปากบางบวมเจ่อเมื่อผละออกห่างอย่างรวดเร็วแล้วซุกใบหน้านัวเนียฝากฝังไว้ตรงกลางทรวงอกที่เขาถวิลหาไม่รู้จักเบื่อหน่าย
ชุดชาวเผ่าที่เธอสามถูกดึงร่นขึ้นมาจนหลุดหายไปทางศีรษะ ปลายขารู้สึกเย็นวาบลามมาถึงหน้าท้องน้อย มือของเธอวางปิดด้านหน้าเอาไว้โดยอัตโนมัติ มีเพียงผ้าผืนบางพับเป็นแถบแล้วพันรอบเอาไว้แทนบรา
แดนสรวงแย้มมุมปากเล็กน้อยแล้วซุกจมูกดอมดมกลิ่นสาวหอมกรุ่นตรงปทุมมาลย์อีกครั้ง เธอหายใจแรง เบียดขาชิดเข้าหากัน ลมหายใจอุ่นๆ ของเขารินรดผิวเนื้อ หนวดแข็งกร้านครูดลากตรงเนินอก ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงอย่างจาบจ้วงแล้วใช้เรียวลิ้นตวัดเลียคล้ายกำลังฉกชิมของหวานรสโอชะ
“นิ่งไว้...นิ่งๆ” แดนสรวงเอ่ยปรามเมื่อเธอขยับหนีแล้วใช้มือผลักเขาให้ออกห่าง ชายหนุ่มรู้สึกกระหายเต็มที และพรั่งพร้อมอย่างยิ่งในการสนองความต้องการให้ตัวเอง
หากแต่ไม่อยากรีบร้อนวู่วาม อยากเลาะเล็มร่างระหงนี้ให้อ่อนระทวยแทบอกเขามากกว่าจะหักหานให้สมยอมเหมือนที่ผ่านๆ มา
“ฉัน...กลัว แดนฉันกลัว” มาเรียมบอกเสียงสั่นไปตามความเป็นจริง
“ไม่มีอะไรต้องกลัว แค่นี้ไม่น่ากลัวนักนิดเดียว” ถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาก้าวข้ามมา หญิงสาวจะไม่มีทางเข้าถึงเลยว่าความกลัวที่แท้จริงมันเป็นเช่นไร
“แดน...”
“หยุดพล่ามซะทีเถอะ” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมาแนบใบหน้าเข้าหากลีบปากเจ่ออีกครั้ง แล้วประทับจูบดูดดื่มปลุกเร้าจนมาเรียมหายใจแทบไม่ทัน