“ทำไมถึงไม่รู้!” เสียงห้ามตวาดคำรามเกรี้ยวกราด กำปั้นใหญ่แข็งแรงฝาดชกไปที่ซีกซ้ายใบหน้าของลูกน้องที่ยืนรายงานในสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำ และผลตอบรับที่ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้เป็นนายอย่างมาก
เหตุการณ์หายตัวไปอย่างกะทันหันของหญิงสาวอันเป็นที่รักและผูกพัน
แม้แต่ของที่เพิ่งซื้อออกมาจากห้างยังหล่นเกลื่อนกระจัดกระจายบ่งบอกถึงความผิดปกติ ไม่มีเหตุผลใดชี้ไปในทางที่ดีเลยมันทำให้เขาร้อนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ผมก็แปลกใจเหมือนกันครับคุณพจน์...กล้องวงจรปิดก็จับได้แค่ภาพสุดท้ายตอนที่คุณมาเรียมถูกไอ้โม่งฉุดจากท้ายรถแล้วลากไปทางบันไดหนีไฟ ต่อจากนั้นไม่พบเบาะแสอะไรอีกเลย กล้องวงจรปิดตรงบันไดนั้นถูกทำลายเสียหายจับภาพไม่ได้ ทั้งด้านนอกห้าง ด้านใน...ไม่มีความผิดปกติอะไรเหลือให้เราตามเลยครับ ผม...”
“พอแล้ว! กูไม่อยากฟัง มึงทำงานกันยังไง เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ เลย อีแค่ผู้หญิงคนเดียวปล่อยให้คลาดสายตาจนเกิดเรื่อง ถ้าน้องสาวกูเป็นอะไรไปมึงจะรับผิดชอบไหวไหม!!” มือไม้ของคนพูดเกร็งจนเส้นเลือดปูดโปนด้วยความโกรธและเครียดจัด
“คุณพจน์...เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นไปได้ไหมว่าไอ้แดน...”
“มันตายไปแล้ว! หรือถ้ายังไม่ตายมันก็คงกลับมาตั้งแต่ทีแรก จะรอหาหอกอะไรตั้งสี่ห้าปี” ลมหายใจแรงๆ ค่อยๆ ผ่อนระบายความโกรธา
คุณพจน์ชื่อที่ลูกน้องเรียกขานหรือคมพจน์หันกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วใช้สองมือทุบลงไปแรงๆ ค้ำยึดไว้อย่างนั้น
แม้จะให้คำตอบไปเช่นนั้นแต่ลึกๆ ชื่อ ‘แดน’ ก็กรุ่นอยู่ในความรู้สึก เหมือนสัญชาตญาณมันตื่นตัว หรือเพราะความกลัวที่กบดานไม่เลยเลือนหายเขาก็ไม่แน่ใจตัวเองนัก
“ศัตรูคนอื่นๆ ของคุณพจน์อย่างมากก็แค่ขัดผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ไม่น่าถึงขั้นต้องลักพาตัวคุณมาเรียมไปแบบนี้ เพราะคุณมาเรียมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรในธุรกิจ แทบไม่มีใครทราบด้วยซ้ำว่าเป็นน้องแท้ๆ ของคุณ”
“มึงหยุดพูดได้แล้วไอ้อ่ำ กูไม่อยากฟังอะไรที่เกี่ยวข้องกับไอ้นรกนั่นอีก นัดพบสารวัตรขจรให้กูหน่อย ต่อให้พลิกแผ่นดินกูก็ต้องหาตัวมาเรียมกลับมาให้ได้”
“คุณพจน์จะแจ้งความคนหายเหรอครับ ก็ตอนแรก...”
“กูจะให้สารวัตรช่วยงานกูเงียบๆ ต่างหากเล่าไอ้โง่! ก็พวกมึงมันไม่ได้ความอะไรเลยกูก็ต้องพึ่งเส้นสายทางอื่น อย่างน้อยๆ สารวัตรขจรคงตรวจสอบเรื่องกล้องวงจรปิดทุกเส้นทางให้กูได้”
“ครับคุณพจน์ ผมจะรีบจัดการให้ครับ”
เสียงฝีเท้าของลูกสามคนพากันเดินออกไปจากห้อง เมื่อประตูปิดลงห้องทั้งห้องก็ถูกครอบงำเอาไว้ด้วยความเงียบ เงียบ...จนชายหนุ่มร่างใหญ่ในชุดสูทสีเทาเข้มได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
“มาเรียม...รอพี่หน่อยนะ พี่จะต้องตามหาน้องให้พบ” สองมือที่ค้ำโต๊ะอยู่กำเข้าหากันแน่น
การจากลา...และความสูญเสียสำหรับเขาไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ แต่สำหรับมาเรียมเธอคือคนสำคัญเพียงหนึ่งเดียวที่ชีวิตยังเหลืออยู่ เขาไม่อาจทำใจให้ยอมรับได้ หากจะต้องเกิดเหตุร้ายกับเธอ
ฉากภายนอก คมพจน์อาจเป็นผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่งออกรายใหญ่ของประเทศ ผู้ไม่เคยเกรงกลัวใคร มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ และไม่เคยเผยจุดอ่อนให้คู่แข่งหรือหุ้นส่วนทางธุรกิจคนใดได้เห็น จนได้ฉายาว่าหน้ากากจอมทัพ
ซึ่งหมายถึง...แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่มีหน้ากากแห่งความเย็นยะเยือกปิดบังเอาไว้ตลอดเวลา จนไม่อาจอ่านใจหรือเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ไม่บ่อยนักที่เขาจะแสดงอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลงออกมา ทุกอย่างถูกเก็บเอาไว้ เมื่อถึงปะทุมันจึงเหมือนระเบิดทำลายล้างที่พร้อมจะพังพินาศทุกสิ่งทุกอย่างให้ดับดิ้นเพื่อดับความกระหายที่ไม่ได้แสดงออกมายาวนาน...
ดังเช่นเมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ใครก็ตามที่มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของมาเรียม
มันทุกคน...ต้องชดใช้อย่างสาสม!