ตลอดเวลาที่เธอจัดเตรียมทำกับข้าวสายตามักเหลือบมองไปยังมัจจุราชร้ายที่คอยคุมอยู่ด้านนอกตลอดเวลา และเหมือนเขาจะสังเกตเธออยู่เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไร
ใช้เวลานานพอสมควรอาหารหน้าตารับประทานสองสามอย่างก็เสร็จสิ้น หญิงสาวไม่แน่ใจนักว่ามันจะพอเพียงเลี้ยงคนทั้งหมดในที่นี้ได้หรือไม่
แต่ก็ได้ผลสรุปว่าอาหารทั้งหมดรับประทานกันเพียงแค่เธอและแดนสรวงเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ก็มีของกินที่ปรุงเองง่ายๆ ตรงที่พักของพวกเขา ไม่ได้มาก้าวก่ายแต่อย่างใด
เธอถูกบังคับให้กินยาแก้ไข้หลังจากนั้น และมอบหมายหน้าที่ให้ซักผ้าของเขาทั้งหมดเป็นลำดับถัดมาโดยใช้น้ำที่ถูกลำเลียงมาเก็บไว้ในถังขนาดใหญ่ไม่ได้พาไปยังลำธารเหมือนเดิม ซึ่งอาจถูกสำรองไว้ในช่วงเวลาที่ต้องกบดาน ในเวลาที่ไม่อาจออกไปนอกอาณาเขตได้ไกลถึงลำธารใหญ่
หญิงสาวสังเกตว่าเมื่อเสร็จสิ้นมื้อเที่ยง...ลูกน้องของแดนสรวงหายเข้าป่าไปกลุ่มหนึ่ง มีเหลือสองสามคนไม่นับตัวผู้นำที่คอยเดินดูแลความปลอดภัย พวกเขาค่อนข้างมีระเบียบและรู้หน้าที่โดยอัตโนมัติ
ตกเย็นมาเรียมรู้สึกอ่อนล้าเต็มที เธอไม่ได้หยุดพักเลย ต้องทำงานตามคำสั่งตลอดเวลา เหนื่อยจนแรงจะปริปากบ่นยังไม่มี
คนอื่นๆ กลับมาถึงฐานในตอนค่ำ มาเรียมสังเกตเห็นบางคนบาดเจ็บจากร่องรอยการต่อสู้ และพวกเขามีข้าวของติดไม้ติดมือมาด้วย ทุกคนไปรวมตัวกันที่กระท่อมหลังใหญ่ซึ่งยกเป็นโรงเป็นที่พักของลูกเหล่าลูกน้องยกเว้นลุงแสง ส่วนเธอถูกแดนสรวงขังในห้องบนกระท่อมของเขาแล้วล็อกกุญแจ...
หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าคนเหล่านี้เป็นกลุ่มโจรป่า ที่ออกปล้นชาวบ้านหรือไม่ก็พวกนักท่องเที่ยวซึ่งชอบการผจญภัย เธอรู้สึกถึงอันตรายมากขึ้นๆ ไม่ได้นึกภาวนาให้มีชีวิตรอดกลับไป แค่ขอให้ไม่ต้องทุกข์ทรมานทั้งกายและใจไปมากกว่านี้ก็พอ
จิตใจของเธอตื่นตระหนกอยู่ทุกเมื่อเชื่อยาม หากแต่ร่างกายที่ทั้งอ่อนเพลียและปวดเมื่อยไปทั้งสรรพางค์ก็ทำให้เธอเผลอหลับไปในที่สุด เป็นนิทราอันล้ำลึกที่ถูกขับกล่อมด้วยความหวาดกลัวและชีวิตที่เหมือนตกอยู่บนเส้นทางขุมนรก
“อืม...” บางอย่างคืบคลานกวนใจ จนร่างเล็กขยับใช้มือปัดป่ายอัตโนมัติทั้งที่ยังไม่ได้สติตื่น แต่เธอก็เริ่มรู้สึกถึงบางอย่างหนักอึ้งทาบลงทับอยู่บนตัว สัญชาตญาณเมื่อถูกคุกคามหนักหน่วงทำให้ภวังค์นิทราของเธอสะดุ้งโดยฉับพลัน
“กรี๊ด!!” แสงคบไฟจากด้านนอกส่องสลัวให้พอได้เห็นเลือนรางว่าร่างใหญ่ร่างหนึ่งกำลังคืบคลานจาบล้วงเนื้อตัวของเธอ แรกได้สติมาเรียมตกใจกรีดร้องลั่น แต่ริมฝีปากหยักหนาก็ประกบจูบดูดกลืนน้ำเสียงของเธอเสียหลังจากนั้น รสสัมผัสทำให้หญิงสาวรู้ทันทีว่าเขาคือแดนสรวง
เขาบดจูบเธอด้วยความเร่าร้อนหนักหน่วง ไม่ตะกละตะกลามอย่างก่อนหน้าแต่รุนแรงดุดันเต็มไปด้วยความเสน่หา เหมือนอยากจะกลืนกินเธอเสียให้สิ้นไปทั้งตัว
กลิ่นแอลกอฮอลล์ที่โชยฉุนจากลมหายใจของเขาทำให้คาดคะเนได้ว่าชายหนุ่มอาจจะเมาสุรามาด้วย
หนวดเคราแข็งกระด้างขูดถูไถผิวหน้าของเธอจนรู้สึกแสบเป็นทาง เรียวลิ้นร้ายล้วงลึกตวัดสำรวจในโพรงปากอุ่นโดยไม่เว้นช่องว่างให้หายใจได้สะดวก มือใหญ่ลูบไต่ไปตามสัดส่วนเต็มวัยสาว ระบายความปรารถนาที่มีต่อเธออย่างเปิดเผย
ริมฝีปากที่แนบสนิทดูดเม้มสานสัมพันธ์ไม่ยอมห่าง อกอวบอูมแอ่นหยัดชนกับแผงเปลือยกำยำ
“แดน...หยุดนะ ฉันเจ็บ...ไหนนายบอกจะไม่ทำอะไรแล้วไง” เธอท้วงถึงคำมั่นที่เขาให้ไว้ตอนไปอาบน้ำที่น้ำตกเมื่อตอนกลางวันเมื่อชายหนุ่มผละออกห่างเล็กน้อย สาวเจ้าหอบกระเส่า ใจเต้นระส่ำกับสัมผัสสวาทที่เขารุกราน
“สร้างวีรกรรมอะไรไว้ จนเกือบตายทั้งสองคนจำไม่ได้หรือไง”
“มันเกี่ยวอะไร...กัน...”
“ฉันจะลงโทษเธอมาเรียม ที่นี่...ไม่มีอะไรอยู่เหนือการตัดสินใจของฉัน” เขาบอกชิดริมฝีปาก สายตามองดวงหน้าหวานนิ่ง แม้เลือนรางแต่เค้าโครงความสวยก็ยังครบถ้วนไม่ผิดเพี้ยน
“อย่าทำฉันเลย...ฉันขอโทษ วันนี้นายก็ให้ฉันทำงานทั้งวันแล้วนี่”
“ทำหน้าที่เมีย ก็งานของเธอเหมือนกัน”
“ฉันขอทำอย่างอื่นแทนได้ไหม งานหนักแค่ไหนก็ได้แต่อย่าทำแบบนี้เลย” เธอวิงวอนเสียงสั่น หันหน้าหลบแววตาคมเข้มที่แม้ไม่เห็นชัดเจนแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงรัศมีความร้อนแรงและเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต
“ไม่ได้...จนกว่า...”
“จนกว่าอะไร...”
“จนกว่าเธอจะท้องลูกของฉัน หึ หึ”
“ทะ...ทำไม นายคิดจะทำอะไร” หัวใจของเธอชาวาบอย่างประหลาดเมื่อจุดประสงค์นั้นถูกเปิดเผยออกมา
“ปล่อยเธอไปไง เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะปล่อยให้เธอกลับไปหาพี่ชายของเธอ แล้วอย่าลืมบอกมันด้วยล่ะว่าพ่อของเด็กในท้องชื่อแดนสรวง แกรเวล คนที่มันเกลียดที่สุดในชีวิต และฉัน...ก็เกลียดมันไม่แพ้กัน!”
“อื้อ!!” สิ้นคำเฉลยริมฝีปากหยาบกร้านก็กดประกบกลีบปากสั่นระริกเย้ายวนของมาเรียมอีกครั้ง เธอรู้สึกยินดีที่ชายหนุ่มเหนือร่างยังมีความคิดอยากปล่อยตัว แต่ก็ต้องทุกข์หนักในหัวใจกับสิ่งที่เขาอยากจะฝากฝังไว้ในชีวิต