ตอนที่ 8 ปากเสีย

1492 คำ
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดเข้านอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปัญวิชญ์เดินกลับมาที่เตียงมองดูก็พบว่าภรรยาสาวนอนหลับไปแล้วโดยที่ยังคงมีคราบน้ำตาที่หางตา เขามองถุงน้ำร้อนที่ตกอยู่ข้างเธอ หยิบมาดูมันก็เย็นชืดหมดแล้วจึงลงไปที่ห้องครัวแล้วเทน้ำร้อนที่มีคนต้มเอาไว้ เติมใส่ลงในถุงน้ำร้อน แล้วเดินกลับขึ้นไปยังห้องค่อย ๆ จับให้เธอนอนหงายอย่างเบามือ เอาผ้าขนหนูวางรองไว้ที่หน้าท้องของเธอก่อนที่จะวางถุงน้ำร้อนลงไป สีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักและคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยเวลานอน ตอนนี้ค่อย ๆ คลายออกราวกับว่าเธอรู้สึกดีขึ้น เขามองใบหน้าที่ไร้เดียงสานั้นพลางคิดว่า เป็นไปได้หรือไม่หากว่าเขากับเธออยู่กันไปแบบนี้โดยไม่ต้องหย่าร้าง ก่อนจะสลัดความคิดนั้นออกไปจากหัว แต่ทว่าสายตาก็ไม่อาจละออกจากดวงหน้าที่หลับใหลนั้นได้เลย สิริญญาไม่ใช่คนที่สวยสมบูรณ์แบบ หากแต่มองกี่ทีก็ไม่สามารถละสายตาออกไปได้ เรือนร่างของเธอที่เขาเชยชมนั้นทั้งบริสุทธิ์และงดงาม กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากสบู่และแป้งเด็กที่เธอชอบใช้ก็ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา หากจะบอกว่าเขากำลังหลงใหลเธอก็ไม่ผิดนัก แต่ว่ามันเป็นความรักหรือไม่นั้นเขาก็ยังไม่สามารถให้คำตอบกับตนเองได้ เพราะตั้งแต่เกิดมาจนถึง ตอนนี้เขายังไม่เคยรู้เลยว่าความรักนั้นคืออะไร ในตอนดึกสิริญญารู้สึกตัวอีกครั้งพบว่าตอนนี้ถุงน้ำร้อนที่เธอยังไม่เปลี่ยนน้ำกลับมีความอุ่นราวกับว่ามีคนไปเติมน้ำร้อนมาให้ หญิงสาวดึงผ้าขนหนูที่รองออกเพราะถุงน้ำร้อนไม่ได้ร้อนมากอย่างตอนแรกและอุณหภูมิกำลังพอดีจึงวางมันลงไปผ่านชุดนอนของตนเองโดยตรงโดยไม่ต้องรองผ้าเอาไว้อีก เธอมองดูสามีที่หลับอยู่ข้าง ๆ หญิงสาวไม่คิดหรอกว่าปัญวิชญ์จะเป็นคนทำให้เธอ ทั้งหมดคงจะเป็นฝีมือของพี่แต๋วหรือไม่ก็สายพิณที่มาดูแลเธอตามคำสั่งของเขามากกว่า ************************ ในตอนเช้า สิริญญารู้สึกว่าอาการปวดประจำเดือนของเธอดีขึ้นมากแล้ว จึงลงไปดูแลในครัวตามปกติ “เมื่อคืนนี้ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ที่ไปเปลี่ยนน้ำร้อนในถุงให้ พอดีว่าเอื้องหลับไปก่อนนะคะเลยไม่ได้มาเปลี่ยนน้ำ” “พี่ไม่ได้เปลี่ยนให้คุณเอื้องนะคะ” พี่แต๋วรีบออกตัว สิริญญามองไปยังสายพิณที่กำลังซอยขิง และหั่นต้นหอมอยู่ “หนูก็ไม่ได้เปลี่ยนให้คุณเอื้องค่ะ พอยกถาดอาหารลงมาก็ไม่ได้กลับขึ้นไปอีกเลย ไม่ใช่ว่าคุณปั้นเหรอคะเป็นคนเปลี่ยนให้” สายพิณเองก็ปฏิเสธพร้อมกับออกความเห็นในสิ่งที่สิริญญาคิดว่าเป็นไปได้น้อยที่สุดแล้ว สิริญญายิ้มบาง ๆ กับการคาดเดาของสายพิณ หากมองถึงความเป็นไปได้มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่นอกจากเขาแล้วจะมีใครล่ะทำให้เธอ จะว่าเธอละเมอลงมาเปลี่ยนน้ำเองก็คงไม่ใช่ หม้อโจ๊กที่แม่ครัวกำลังคนข้าวข้น ๆ อยู่ส่งกลิ่นข้าวหอมมะลิโชยเตะจมูก ทำให้เธอรู้สึกหิวขึ้นมาทันที แล้วไม่ได้คิดถึงสิ่งที่คาใจอยู่ในตอนนี้ “วันนี้ทำโจ๊กหมูทรงเครื่องเหรอคะ” “ใช่แล้วค่ะ โจ๊กนี้คนจนข้นเลย ส่วนหมูก็ผัดใส่ซีอิ๊วขาวและเห็ดหอมเครื่องแน่น ๆ จุก ๆ แบบที่คุณเอื้องและคุณปั้นชอบเลยค่ะ มีกระเทียมเจียวให้โรยด้วยนะคะ แล้วยังมีไข่ลวกที่ทำแยกเอาไว้ให้เผื่ออยากจะใส่เพิ่ม” ป้าสายใจแม่ครัววัยกลางคนที่เป็นมารดาของสายพิณ พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มในขณะที่กำลังคนโจ๊กไม่ให้ไหม้ติดก้นหม้อ “โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวเอื้องขึ้นไปตามพี่ปั้นลงมานะคะ” คนพูดยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูสดชื่นขึ้นกว่าเมื่อวาน จากนั้นก็เดินขึ้นไปเพื่อที่จะบอกสามีว่ากำลังจะตั้งโต๊ะอาหารเช้าแล้ว และจะถือโอกาสนี้ขอบคุณเรื่องเมื่อคืนด้วย เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าปัญวิชญ์กำลังเปลือยท่อนบนอยู่ เขาคว้าเสื้อเชิ้ตมาสวมแล้วติดกระดุมทีละเม็ด เธอเห็นหุ่นของเขาหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่เคยชินเสียที พวงแก้มก็เห่อร้อนและแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “มีอะไรหรือเปล่า” เขาถามขึ้นเมื่อเธออ้าปากเหมือนว่าจะพูดอะไรแต่ก็ชะงักนิ่งไปเสียก่อน “เอ่อ เอื้องจะมาตามพี่ปั้นลงไปกินข้าวค่ะ แล้วก็อยากจะขึ้นมาขอบพระคุณเรื่องเมื่อคืนด้วย” “เรื่องเมื่อคืน..ขอบคุณเรื่องอะไร” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องที่พี่ปั้นช่วยเติมน้ำร้อนในถุงน้ำร้อนมาประคบให้เอื้องค่ะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาสายตาอดที่จะชำเลืองมองรูปร่างของเขาไม่ได้ “แค่ไม่อยากได้ยินเสียงคนร้องโอดโอยตอนกลางคืนให้รำคาญก็เท่านั้นแหละ” เขาพูดราวกับว่าไม่ได้เต็มใจทำ แต่ที่ทำไปเมื่อคืนก็เพราะว่ารำคาญใจก็เท่านั้น “แต่ถึงยังไงเอื้องก็ต้องขอบคุณพี่อยู่ดีค่ะ” หญิงสาวพูดแค่นั้นแล้วหันหันหลังให้แก่เขา คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้เธออยากจะร้องไห้ออกมา เมื่อไหร่จะผ่านช่วงเวลาที่อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ นี้ไปได้เสียที เธอไม่อยากอ่อนแอและร้องไห้กับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เลยให้ตายสิ ปัญวิชญ์รู้ว่าเธอน้อยใจกับคำพูดของเขา แม้เธอจะหันหลังให้ แต่ไหล่ที่สะท้านน้อย ๆ นั้นก็บ่งบอกได้ว่าเธอกำลังร้องไห้ออกมาอีกแล้ว “พูดแค่นี้ก็ร้องไห้ อะไรก็ร้องไห้น่ารำคาญ” เขาพูดขึ้นมาจากนั้นก็ฉีดน้ำหอมราคาแพงใส่ที่บริเวณต้นคอของตนเอง ก่อนจะหยิบสูทมาคลุมทับเอาไว้เป็นขั้นตอนสุดท้าย ไม่ได้ผูกเนกไทให้ดูเป็นทางการมากนัก สิริญญาเม้มปากแน่น เธอตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปในห้องห้องน้ำ จากนั้นก็เช็ดน้ำตา บอกตัวเองว่าให้เข้มแข็ง ‘อีกวันสองวันก็จะผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้แล้ว อย่าอ่อนแอให้เขาเห็นอีก’ แม้จะเตือนตัวเองอย่างนั้นก็ตามแต่ว่าก็ไม่สามารถทำให้ตนเองเข้มแข็งได้เลยแม้แต่นิดเดียว ขนาดแค่เป็นประจำเดือนเธอก็ยังขี้น้อยใจและอารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยขนาดนี้ หากเธอตั้งครรภ์ขึ้นมา ฮอร์โมนคุณแม่ที่แปรปรวนจะทำให้เธอเป็นหนักขนาดไหน แล้วยังต้องมาเผชิญกับคำพูดที่ร้ายกาจของเขา มันไม่เป็นผลดีต่อลูกในท้องของเธอแน่ ปัญวิชญ์พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ถึงแม้จะรู้ตัวว่าตนเองปากเสียไปบ้าง แต่ทุกทีเขาก็พูดแบบนี้ก็ไม่เห็นว่าเธอจะเก็บเอามาใส่ใจอะไร ทำไมผู้หญิงเวลาเป็นประจำเดือนจะต้องหงุดหงิดและแปรปรวนได้ขนาดนี้เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ชายหนุ่มลงไปที่โต๊ะอาหารเช้าโดยไม่รอให้เธอตามลงมา เขาลงมามือกินโจ๊กของตนเองเงียบ ๆ อย่างใช้ความคิด ความรู้สึกกำลังตีกันอยู่ในหัว เสียงหนึ่งบอกให้เขาทำดีกับเธอให้มากกว่านี้ อีกเสียงก็บอกว่าอย่างไรก็ต้องหย่าร้างกันไม่ต้องไปสนใจอะไรให้มาก “บ้าจริง” เขาสบถออกมาอย่างลืมตัว ทำเอาพี่แต๋วและสายพิณที่ยืนรอรับใช้อยู่ในห้องอาหารถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่กว่าเป็นอะไร หรือว่าวันนี้ป้าสายใจทำอาหารไม่ถูกปากเขา ไม่นานสิริญญาก็เดินลงมา ใบหน้าที่ยิ้มแย้มและสดชื่นเมื่อเช้าตอนนี้เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เธอนั่งลงบนที่ของตัวเอง พี่แต๋วตักโจ๊กเอาไว้รอนานแล้วจึงไม่ได้ร้อนมากนัก มือเรียวใช้ช้อนคนไม่กี่ทีเพื่อระบายความร้อนค่อย ๆ ตักกินทีละคำอย่างระมัดระวัง ปกติเธอกินเยอะแบบนี้ที่ไหน ปัญวิชญ์มองเธอแล้วคิดอยู่ว่าจะกล่าวคำขอโทษดีหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจจะไม่พูดอะไรออกไป เพราะเขาคิดว่าเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร เหตุใดจะต้องขอโทษเธอด้วย ************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม