ตอนที่ 6 ข้อตกลง

1379 คำ
ข้อตกลงที่ทั้งคู่ได้ทำขึ้นมาถูกลงนามทั้งสองฝ่ายแล้วถือไว้คนละฉบับเป็นคู่สัญญา ขณะที่ขับรถกลับบ้าน จู่ ๆ น้ำตาที่อดกลั้นไว้ตั้งแต่เริ่มก็รินไหลออกมา ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาในขณะที่รอเป็นเจ้าสาวของเขาหัวใจของเธอ ก็เอนเอียงไปหาว่าที่เจ้าบ่าวของตนอยู่ไม่น้อย คิดเสมอว่าหากเธอดีกับเขาแล้วเขาจะดีกับเธอเช่นกัน แต่พอได้รับการกระทำที่ดูถูกเหยียดหยามและรังเกียจเธอ จึงทำให้สิริญญาต้องรีบเปลี่ยนความคิดที่จะเปลี่ยนใจให้เขามารัก เป็นใครหากไม่ได้เจอด้วยตนเองก็คงจะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เธอเจอ เขาร้ายกับเธอ เย็นชากับเธอ พูดไม่ดีกับเธอ แต่ทำไมเธอจะต้องเป็นฝ่ายยอม คนนอกอาจจะบอกว่าเธองี่เง่าอ่อนแอหรือเป็นคนโง่เขลาใด ๆ ก็แล้วแต่ เธอไม่แก้ตัวใด ๆ ทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นสิริญญาก็มั่นใจว่าตนเองเข้มแข็งพอที่จะถอยห่างจากเขา เธอยังไม่ได้รักเขาปักดวงใจถึงขนาดที่จะตัดใจไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่ถูกปลูกฝังให้รอและจงรักภักดีต่อเขามากกว่าที่จะเป็นความรัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เกิดขึ้นหลังแต่งงาน ความใกล้ชิดและการสัมผัสของเขา มันทำให้หัวใจเธอวูบวาบ ได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมถึงเป็นคนใจง่าย ทั้งที่เขาแสนร้ายแต่ก็ยังหวั่นไหวไปกับสัมผัสนั้น เมื่อใกล้จะถึงบ้านหญิงสาวจอดรถปาดน้ำตาออก พยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้สงบนิ่ง รอสักพักจนกระทั่งดวงตาเริ่มหายแดงและไม่มีเสียงสะอื้น เธอจึงขับรถเข้าไปในบ้านแล้วถือเอกสารสำคัญของตนเองเอาไว้แนบอก ตัดสินใจแล้วว่าจะทำตามที่เขาต้องการ เธอท้องและคลอดลูกเมื่อไหร่จะหย่าขาดจากเขา เธอและลูกก็จะออกไปจากบ้านหลังนี้ เธอไม่ใช่นางเอกที่โง่พอที่จะไม่หยิบฉวยอะไรออกไป ของมีค่าทุกอย่างที่คุณปู่ให้เธอและค่าเลี้ยงดูบุตรในอนาคตมันเป็นสิทธิ์ของเธอ แต่ส่วนของทรัพย์สินอื่น ๆ เธอจะไม่แตะต้อง ทางด้านของปัญวิชญ์เขามองเอกสารข้อตกลงระหว่างตนกับภรรยาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในใจ เป็นเขาที่ใจร้อนเกินไป ไม่อยากให้ทรัพย์สมบัติที่ครอบครัวหามาด้วยความยากลำบากต้องตกเป็นของคนอื่น ถึงได้ทำในสิ่งที่เห็นแก่ตัวลงไป “เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ เราจะแคร์ทำไมล่ะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำพยายามพูดปลอบใจตัวเอง แต่ในใจกลับรู้สึกใจหายต่อเรื่องที่เกิดขึ้น พูดกลบเกลื่อนปลอบใจตัวเองทั้ง ๆ ที่ความรู้สึกกำลังดำเนินไปในทางที่ตรงกันข้าม จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้โกรธหรือเกลียดสิริญญาเลยแม้แต่น้อย พ่อของเธอช่วยชีวิตตนจนเขาต้องเสียชีวิตไปก็จริง แต่ว่าคุณปู่ก็รับสิริญญามาเลี้ยงดู บุญคุณที่คุณปู่ช่วยเหลือเธอเอาไว้มันก็ควรที่จะหักล้างกันได้ไม่ใช่หรือ ทำไมจะต้องบังคับจิตใจให้เขาต้องแต่งงานกับเธอ แล้วทำไมเธอถึงไม่รู้จักที่จะปฏิเสธทั้งที่ไม่ได้รักเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกขัดเคืองใจ ตั้งแต่มีเธอเข้ามา ความรักที่ครอบครัวเคยมีให้เขาคนเดียวได้ถูกแบ่งให้เธออีกคน หากจะบอกว่าอิจฉาก็คงไม่ถูก เพราะว่าอภิสิทธิ์ทุกอย่างของการเป็นทายาทคนเดียวของบ้านก็ยังเป็นของเขา เพียงแต่การที่เธอเป็นเด็กผู้หญิงทำให้คุณปู่รักและเอ็นดูเป็นพิเศษ เพราะหญิงสาวนั้นช่างเอาใจเสียเหลือเกินเอาใจทุกคนจนน่าหมั่นไส้ เมื่อกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อที่จะมาบริหารงานต่อจากคุณปู่ที่กำลังล้มป่วยในช่วงที่เขากลับมาพอดี เขาก็ตั้งแง่ใส่เธอตั้งแต่แรก พอนึกทบทวนดี ๆ แล้ว ปัญวิชญ์ก็รู้สึกว่าตนเอง ใจคอคับแคบไปหรือไม่ เพราะไม่ว่าตั้งแต่ตอนนั้นกระทั่งถึงตอนนี้ สิริญญาก็ไม่เคยทำอะไรที่ขัดใจเขาเลยแม้แต่น้อย เธอพยายามพูดดีทำดีด้วยตลอด แต่เป็นเขาเองที่อคติและทำไม่ดีกับเธอ ใบหน้าคมเข้มสะบัดหัวเล็กน้อย ไล่ความคิดที่กำลังเป็นกังวลออกไป แล้วบอกตัวเองว่าเขาตัดสินใจถูกแล้วที่จะมีทายาทแล้วหย่าขาดกับเธอในภายหลัง ถึงแม้ตอนนี้จะค่อย ๆ รับรู้ถึงความดีของเธอ และรู้สึกว่าตนเองนั้นใจแคบกับเธอมากเกินไปก็ตาม แต่ในเมื่อไม่ได้มีความรักมาตั้งแต่แรกก็ควรจะให้อิสระต่อกัน มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ส่วนเรื่องลูกตามที่เธอเสนอมามันก็เป็นหน้าที่ที่เขาจะต้องส่งเสียเลี้ยงดูอยู่แล้ว ถึงเธอไม่ขอ เขาก็ไม่ปล่อยให้ทายาทของศิวาภพต้องเผชิญความลำบากแน่ ************************ การแต่งงานที่ไร้รักย่างเข้าสู่เดือนที่สองแล้ว สิริญญาตรวจครรภ์ในตอนเช้าหลังจากที่ประจำเดือนขาดหายในเดือนนี้ หวังว่าตนเองจะรีบตั้งครรภ์แล้วรีบแยกห้องนอนออกจากเขา แต่ผลตรวจออกมาก็ปรากฏว่าเธอไม่ได้ตั้งครรภ์ แล้วประจำเดือนก็แค่คลาดเคลื่อนไป เพราะไม่กี่วันต่อมาประจำเดือนเธอก็มาตามปกติ ทำให้หญิงสาวรู้สึกท้อใจ จริง ๆ แล้ว ก่อนที่จะเรียนจบเธอฝึกงานที่บริษัทของครอบครัวศิวาภพ แต่เพราะว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจและทรัพย์สินใด ๆ จึงไม่ได้ เข้าไปทำงานในตำแหน่งใดทั้งสิ้น หากจะออกไปทำงานนอกบ้านก็คงจะถูกตำหนิเพราะว่าเธอใช้นามสกุลเขาอยู่ หากไปทำตำแหน่งพนักงานธรรมดาในบริษัทอื่น ก็คงจะทำให้ตระกูลศิวาภพเสื่อมเสียชื่อเสียง หญิงสาวจึงได้แต่ทำหน้าที่ดูแลบ้านในฐานะภรรยาของเขาก็เท่านั้น ขณะที่รับประทานอาหารเช้ากันอยู่ ปัญวิชญ์ก็มองภรรยาของตนไปด้วยสายตาที่พินิจ ช่วงนี้เขากับเธอไม่ได้มีเรื่องให้ปะทะคารมกัน ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเอง เรื่องบนเตียง ต้องยอมรับว่าช่วงแรกที่เขาทำไปนั้น ก็เพื่อที่จะเร่งให้มีทายาทและไม่ได้รู้สึกพิศวาสกับเรือนร่างของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่พอนานวันเข้าไม่รู้ว่าทำไมเขากลับใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการที่จะต้องสัมผัสตัวเธออยู่บ่อยครั้ง ราวกับว่าเป็นส่วนลึกของจิตใจเขาเองนั่นแหละที่กำลังเกิดความปรารถนาต่อตัวเธออย่างควบคุมไม่อยู่และไม่สามารถหักห้ามใจได้ ชายหนุ่มที่หยิ่งผยองและเย็นชาคนนี้คงไม่รู้ตัวเลย ว่าตนเองนั้นกำลังค่อย ๆ ตกอยู่ในมนต์เสน่ห์ของสิริญญาเข้าไปในทุกวัน ในขณะที่เธอก็พยายามเข้มแข็ง ห้ามใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับสัมผัสของเขาที่อ่อนโยนขึ้นกว่าตอนแรก อยากรีบท้องรีบหย่ารีบไปจากคนที่เห็นแก่ตัวคนนี้ “สิ้นเดือนนี้ ฉันจะต้องไปเป็นวิทยากรบรรยายที่ภูเก็ต” เขาเอ่ยเสียงเรียบ “ค่ะ เดี๋ยวเอื้องจะจัดกระเป๋าให้ พี่ปั้นจะเอาชุดไหนไปบ้างก็บอกเอาไว้เลยค่ะ” หญิงสาว พูดขึ้นมา เข้าใจว่าที่เขาบอกคงจะต้องการให้เธอจัดกลับกระเป๋าให้เท่านั้น “จัดให้ของตัวเองด้วย เธอต้องไปกับฉัน บรรยากาศดี ๆ อาจจะทำให้เธอท้องเร็วขึ้นก็ได้” เขาพูดอย่างไม่อายปาก ที่ชวนเธอไปเหตุผลก็คือเขาต้องการที่จะเร่งผลิตทายาทกับเธอท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติก็เท่านั้น ไม่ได้มีน้ำใจอยากจะชวนเธอไปเที่ยวด้วย “ได้ค่ะ” สิริญญาได้แต่รับปาก สายตาเธอมองสบตากับเขา ต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่ปัญวิชญ์เป็นฝ่ายเบือนหน้าออกมาก่อน หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบเล็กน้อย เมื่อครู่นี้ตอนที่สบตากับเธอ ความรู้สึกนั้น…มันคืออะไรกันแน่ ************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม