เอาไงดีทีนี้คาร์เทียร์ เธอจะรอดจากเงื้อมมือคิระหรือเปล่า ท่าทางเขาดูเอาจริงไม่ใช่เล่น คุณหนูมาเฟียจอมแสบคนนั้นหายไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงคุณหนูคาร์เทียร์ที่กำลังยืนตัวสั่นระริกเพราะกลัว
แกล้งเป็นลมดีไหม…
“ถ้าโกรธที่เทียร์ทำให้พี่คิระอดกินตับกับผู้หญิงคนนั้น บอกเลยว่าเทียร์ไม่ผิด พี่คิระต่างหากที่ผิด ตัวเองกำลังจะแต่งงานแล้วแท้ๆแต่ยังไม่เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น” เอาสิ… เธอสู้กลับ ความกลัวทำให้เธอกลายเป็นคนรู้ความขึ้นมาทันที
จากเคยแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ และแทนคิระว่า ‘คุณ’ ตอนนี้กลายเป็น ‘เทียร์’ และ ‘พี่คิระ’ ไปเสียแล้ว
เคยบอกเขาไปแล้วถ้ายืนยันจะแต่งงานกับเธอต้องเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคน ถึงเธอกับเขาไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก แต่อย่างน้อยเขาควรให้เกียรติผู้หญิงที่กำลังจะเป็นภรรยาในอีกไม่ช้า
“ถ้าเทียร์เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่พี่คิระ พวกท่านเข้าข้างเทียร์แน่ๆ”
“อยากทำอะไรก็เชิญ” คำขู่ของคาร์เทียร์ไม่สะเทือนคนฟังอย่างเขา มิหนำซ้ำยังท้าทายให้เธอทำตามใจตัวเองอย่างไม่หวาดหวั่น
“ตอนนี้ขอแค่ได้สั่งสอนเด็กดื้ออย่างเธอก็พอใจฉันแล้ว”
เธอรวบรวมความกล้าเตรียมชิ่งออกไปจากตรงนี้หากแต่ว่า…
หมับ!
“โอ๊ย!”
คิระไม่ปล่อยให้เธอทำแบบนั้นสำเร็จ แค่เริ่มขยับเขาก็ใช้มือซ้ายกดไหล่ขวาของเธอติดกำแพงอีกครั้ง นัยน์ตาดำขลับมองมาอย่างดุดัน
“เทียร์เจ็บนะ!” แห้วเสียงใส่เขา
“นึกว่าจะแทนตัวเองว่าฉันเหมือนก่อนหน้านี้”
“ก็ได้เทียร์ขอโทษที่ปีนเกลียวพี่คิระ และเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว เทียร์ผิดเองโอเคไหม” สุดท้ายต้องกลายเป็นคนยอมผิด หากไม่ใช่นั้นคิระคงไม่ปล่อยเธอไปและสั่งสอนเด็กดื้ออย่างเธอ ซึ่งจะด้วยวิธีไหนนั้น… เธอไม่รู้เลย
“สำนึกได้ตอนนี้สายเกินไปรึเปล่า”
“ตะ…ต้องการอะไรจากเทียร์อีก”
“ต้องการดัดนิสัยเด็กดื้ออย่างเธอไง”
พรึ่บ!
“อ๊ะ!” เธอถูกคิระจับหันเข้ากำแพงโดยไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าแนบไปกับผนังปูนซีเมนต์เย็นเยียบ มือหนาปัดปอยผมของเธอไปไว้อีกทาง ทำให้สัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดกระทบเข้าต้นคอจนรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างกาย
“พะ…พี่คิระจะทำอะไร ปล่อยเทียร์เดี๋ยวนี้นะ!” หันหน้าไปบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ข้อมือทั้งสองถูกพันธนาการไว้ด้วยมือหนาข้างเดียวของเขา
“ทำให้เธอไม่กล้าดื้อกับฉันอีก”
ริมฝีปากหยักได้รูปจรดลงข้างใบหูแล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ทำเอาหญิงสาวขนลุกซู่กันเลยทีเดียว
คาร์เทียร์ยืนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน พยายามดิ้นอีกครั้งเพื่อให้หลุดจากพันธนาการนี้ ด้วยความที่ริมฝีปากคิระอยู่ใกล้ไม่กี่เมตร ส่งผลให้ผิวแก้มสัมผัสเข้ากับริมฝีปากของเขาพอดี
ไออุ่นจากลมหายใจเขาที่เป่ารดผิวแก้มบวกกับกลิ่นน้ำหอมเจือด้วยแอลกอฮอล์มันกระตุ้นให้หัวใจเธอเต้นแรงมากขึ้น
“พะ…พี่คิระ เทียร์จะไม่ดื้ออีก สะ…สัญญา”
คิระแสยะยิ้ม สำนึกได้ตอนนี้สายเกินไปแล้วเด็กดื้อ…
“ปล่อยเทียร์ไปนะ สัญญาว่าต่อไปเทียร์จะเป็นเด็กดีกับพี่คิระ ไม่ดื้อ ไม่สร้างความวุ่นวาย”
“หึ ทีแบบนี้ทำเป็นกลัว”
“เทียร์เจ็บ!” เขารัดข้อมือของเธอแน่นจนรู้สึกชาและปวดร้าวไปทั่วแขน
“เจ็บก็ดีจะได้จำ”
พรึ่บ…
เขาหมุนคาร์เทียร์กลับมาหาอีกครั้ง จะสั่งสอนเด็กดื้อคนนี้ด้วยวิธีไหนดี แค่โดนดุนิดหน่อยก็ตาแดงคล้ายจะร้องไห้แล้ว ถ้าใช้ไม้เรียวสั่งสอนคงไม่ต้องพูดถึง
ละสายตาจากใบหน้าสวยหวานมามองเนินอกขาวเนียนที่โผล่พ้นคอเสื้อสายเดี่ยวสีดำ เคยบอกว่าคาร์เทียร์เด็กก็จริง หากแต่ร่างกายของเธอ…มันไม่ได้เด็กเลย
“ระ…โรคจิต!” เธอว่าเขาแล้วยกมือปิดหน้าอกของตัวเอง ใบหน้าร้อนผ่าวเพราะสายตาหื่นกามที่คิระกำลังมองหน้าอก
“โรคจิตคนนี้แหละกำลังจะเป็นผัวเธอ”
พูดออกมาได้ไม่อายปาก นี่คงเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาสินะ ภายนอกดูเย็นชากับทุกสิ่งแต่ในความเป็นจริง… ตาแก่มาเฟียหื่นกามดีๆนี่เอง
“เธอต้องชดใช้ที่เป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงคนนั้นเผ่นหนี”
ผู้หญิงคนนั้นที่เขาหมายถึงก็คือสาวสวยหุ่นนางแบบ สวยขนาดนั้นไม่แปลกหรอกที่สามารถกระชากตัวตนคิระออกมาให้ เขาคงไม่พอใจมากที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้เขาไม่ได้ลากหล่อนขึ้นเตียง
ว่าแต่… ชดใช้ที่คิระหมายถึง คงไม่ใช่ให้เธอไปแทนที่สาวสวยหุ่นนางแบบคนนั้นหรอกนะ
ไม่หรอกมั้ง คิระพูดกับเธอเสมอว่าไม่ชอบเด็ก แน่นอนว่าเธอไม่ตรงสเปกเขาหรอก แต่ถ้ามองในมุมผู้ชายแล้วละก็…คงได้หมดไม่สนว่าผู้หญิงคนนั้นจะตรงสเปกหรือเปล่า
ขอแค่ได้ปลดปล่อย…
“แต่เรายังไม่แต่งงานกัน”
“ไม่จำเป็นต้องแต่งงานก็เอากันได้”
ไอร้อนแผดไปทั่วใบหน้า ไม่เคยเห็นคิระในมุมนี้มาก่อน ถึงภายนอกเขาดูเย็นชาและไม่สนใจอะไร เธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าบนเตียงเขาต้องร้อนแรงเป็นแน่ ดูจากคำพูดคำจาของเขาตอนนี้
“มะ…ไม่เอา! เทียร์ไม่เอากับพี่คิระ…” เธอบอกเสียงแผ่ว ใจเต้นแรงตึกตักๆ อยากหนีไปจากตรงนี้แต่ติดตรงที่เขาไม่ยอมเปิดทางให้
“ปล่อยเทียร์ไปเถอะนะ สัญญาว่าต่อไปเทียร์จะไม่ดื้อกับพี่คิระ” เธอเงยหน้าอ้อนวอนเขา
“พี่คิระพูดเองว่าไม่ชอบเด็ก มีเซ็กซ์กับเด็กมันไม่เร้าใจหรอกนะคะ”
มุมปากหยักเหยียดไปด้านข้าง มือหนายกขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วลากไล้กรอบหน้าสวยหวานมายังลำคอระหง จังหวะลากผ่านไปยังร่องอกทำเอาหญิงสาวรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วร่างกาย
นี่เป็นครั้งแรกที่โดนผู้ชายสัมผัสถึงเนื้อถึงตัวเยอะขนาดนี้ อยากต่อต้านแต่ร่างกายกลับยืนนิ่งให้เขาสัมผัส
ร่างกายไม่รักดี…
“ถึงอยากลองไง”
เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แทบหยุดหายใจเมื่อคิระโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ จากนั้นก็…จูบเธอ
ถึงเคยจูบกับเขามาแล้วก็ยังไม่รู้สึกคุ้นเคย ยังคงรู้สึกตื่นเต้นเวลาได้จูบกับเขา ริมฝีปากหยักได้รูปที่ช่ำชองกำลังบดคลึงมอบรสชาติจูบให้อย่างร้อนแรง
คิระไม่สนใจว่าตรงนี้เป็นที่กลางแจ้งหรือคนจะผ่านมาเห็นหรือเปล่า ตอนแรกเธอแอบกังวล แต่รสชาติจูบนี้มันทำให้ทุกอย่างที่เธอคิดเลือนหาย สัมผัสนุ่มๆจากริมฝีปากเขาในยามออกแรงบดคลึงทำใจเธอสั่นไหวได้ไม่ยาก
อ่อนโยนบ้าง รุนแรงบ้างสลับกันไป…
จูบแสนเนิ่นนานถูกถอนออกในเวลาต่อมา
ปัง!
เฮือก! เธอสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงปริศนาดังขึ้นจากไหนไม่รู้ ก่อนจะมีเสียงคนตะโกนขึ้นมาว่า…
“มีคนยิงกัน!”
คนยิงกัน… งั้นเสียงที่เธอได้ยินคือเสียงปืน…
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง แอบได้ยินเสียงคนกรีดร้องดังตามสายลมที่พัดมา หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงจนจับจังหวะไม่ได้ แน่นบริเวณหน้าอก เหงื่อมากมายไม่รู้มาจากไหนผุดขึ้นมาตามกรอบหน้า
ปัง!
เธอใช้สองมืออุดหูจากเสียงปืนพร้อมกับหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว
เธอกลัวเสียงปืน…
คิระมองคาร์เทียร์ที่มีอาการหวาดกลัวหลังจากเสียงปืนดังขึ้น ใบหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด เธอค่อยๆขยับเข้ามาหาเขามากขึ้นจนศีรษะแนบลงแผงอกแกร่ง
“ทะ…เทียร์ขอกอดพี่คิระได้ไหม” ไม่รอให้เขาอนุญาต เธอเป็นฝ่ายสวมกอดเขาหลังจากพูดประโยคนั้นจบ
เนื้อตัวคาร์เทียร์สั่นระริก แรงกอดรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆตามระดับความหวาดกลัว เสียงปืนยังคงดังไม่หยุด และเธอก็ยังไม่คลายกอดจากเขา
เด็กน้อยจอมแสบตอนนี้สิ้นฤทธิ์แล้ว…