#คุณภามคะขา 4

1707 คำ
#คุณภามคะขา 4 “วันนี้พี่มีขึ้นเวรถึงเที่ยงคืน เราไม่ต้องมารับนะมันดึก” ก่อนลงรถพี่ภามนั้นรีบเอ่ยบอกเมื่อนึกขึ้นได้ “แล้วพี่จะกลับยังไง?” “เดี๋ยวลองให้เพื่อนมารับครับ มันดึกพี่ไม่อยากให้ขับรถดึก ๆ มันอันตราย” “แต่ถ้าเพื่อนพี่ไม่ว่างพี่โทรมานะ หนูมารับได้” “ครับ พี่ไปแล้วนะ ขับรถดี ๆ” แปลก...แม้จะเพิ่งรู้จักเขาได้สองสามวันแต่ฉันรู้สึกว่าอีกฝ่ายแปลกไปคล้ายกับกำลังขบคิดอะไรบางอย่างอยู่กับตัวเอง แต่ถึงแม้จะรู้สึกสงสัยมากแค่ไหนฉันก็ไม่ได้มีสิทธิ์มากพอที่จะเอ่ยถามเขาเพราะตัวฉันเองมีหน้าที่แค่ขับรถรับส่งเขาจนกว่ารถของเขาจะซ่อมเสร็จแค่นั้น ซึ่งอีกประมาณสองเดือนเพราะเป็นรถนำเข้าและต้องใช้ความระมัดระวังในการซ่อมแซม ฉันเองก็ไม่ได้มีปัญหาช่วงนี้เรียนไม่หนักแล้วแค่รับส่งอีกฝ่ายคงไม่เป็นไร ถ้าเขายังอยากให้ฉันช่วยขับรถไปรับไปส่งเขาล่ะนะ เพราะไม่ได้รู้สึกสนิทอะไรมากอยู่แล้วเลยเลือกที่จะทิ้งความสงสัยนั้นไปแล้วรีบกลับไปที่ร้านอาหารที่มีเพื่อนฉันรออยู่ เมื่อกลับเข้าไปถึงร้านก็รีบเร่งไปสมทบกับเพื่อนทันที “มาแล้ว ๆ ๆ” รีบเอ่ยบอกเพื่อน ๆ ระหว่างที่กำลังเปิดประตูเข้าไปภายในห้องส่วนตัวที่เพื่อนทำการเช่าไว้ตลอดจนถึงช่วงเวลาหกโมงเย็น “นั่ง ๆ เพิ่งสั่งกาแฟให้” เผิงรีบเอ่ยบอก ฉันเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ สายฟ้าที่มีเก้าอี้ว่างเหลืออยู่ “เริ่มทำหรือยัง?” เอ่ยถามเพื่อนมือก็ยื่นไปหยิบโน้ตบุ๊กตัวเองขึ้นมาเปิดใช้งาน “กำลังรวมเล่ม” “เดี๋ยวช่วย...” “สายฟ้ากับแก้วรวมข้อมูลอยู่ แกรอจัดหน้าก็ได้” ขมิ้นรีบเอ่ยบอกพร้อมกับยื่นขนมมาให้ฉันได้ลองชิม ฉันเองก็ไม่ได้ปฏิเสธยื่นมือไปหยิบขนมขึ้นมาชิมหนึ่งชิ้นระหว่างนี้ก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมากดดูข้อความในไลน์ที่คล้ายกับจำได้ว่าพี่คุณส่งข้อความมาแต่ยังไม่ได้อ่าน “ถ้างั้นเสร็จแล้วบอกนะ” มือและสายตามองโทรศัพท์แต่ปากกำลังขยับเอ่ยบอกเพื่อนที่นั่งทำงานกันอยู่ “ได้ ๆ พักไปก่อน” สายฟ้าตอบกลับมา ฉันเองก็ไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนกลับไป ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ว่างก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้างอ่านชีทบ้างแล้วแต่คนไป ข้อความที่พี่คุณส่งเข้ามาเป็นการบ่นเสียมากกว่า บอกว่าวันนี้ต้องเจอกับซินแสคู่ปรับของเจ้าตัวที่ไม่ว่าจะรับงานสร้างที่ไหนก็มักจะเจอซินแสคนนี้อยู่บ่อย ๆ ไหนจะวิศวกรที่แทบจะทุ่มเก้าอี้ฟาดกัน แม้จะส่งข้อความมาบ่นแต่ก็ไม่ลืมบอกให้ฉันดูแลตัวเองดี ๆ หากว่างแล้วจะเข้ามารับไปกินข้าวด้วยกัน ฉันและเพื่อนใช้เวลาทำรายงานกันที่ร้านเครื่องดื่มนานหลายชั่วโมง เมื่องานทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เกือบหนึ่งทุ่มเลยก็ว่าได้ ถึงแม้จะรู้สึกเหนื่อยแต่ลองได้เทียบดูแล้วฉันจะว่างถึงสามวันนับว่าคุ้มค่ามาก ๆ เลยก็ว่าได้กับการนั่งทำงานยาว ๆ หลายชั่วโมงในวันนี้ “หิวแล้วอะ ไปหาอะไรกินก่อนกลับไหม?” มนัสชวนระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างเก็บของใส่กระเป๋าตัวเอง “เอาสิ กินอะไรกันดี?” เผิงพยักหน้าเห็นด้วย “ชาบูหรือหมูกระทะ” “หมูกระทะ” ฉันยกมือเสนอ ขมิ้นเองก็ด้วย ตามด้วยสายฟ้าและแก้ว “โอเคหมูกระทะ ร้านเดิมถึงก่อนจองโต๊ะก่อน” “โอเคเจอกัน” “มล...” “ไอ้มลฉันไปด้วย” ประโยคที่แก้วกำลังเอ่ยถูกแทรกด้วยเสียงของขมิ้นที่ดังฟังชัด ฉันไม่ตอบอะไรแต่พยักหน้าให้เพื่อนจากนั้นก็ชวนเพื่อนไปขึ้นรถ ไม่ลืมเอ่ยชวนแก้วด้วยก็มาด้วยกันนี่นา ตอนออกจากร้านก็ต้องไปด้วยกันสิ “แล้วพี่หมอยังไม่กลับเหรอ?” ระหว่างนั่งรถไปที่ร้านหมูกระทะขมิ้นเอ่ยถามเสียงดัง คล้ายกับจะให้คนที่นั่งด้านหลังได้ยินด้วย “เข้าเวรน่ะ” “ต้องไปหาไหม?” ขมิ้นยังถามต่อ แต่ฉันส่ายหน้าแทนยังไม่ทันได้เอ่ยตอบโทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้ามาแน่นอนว่าเป็นพี่ภามคนที่ฉันเพิ่งเอ่ยถึงแล้วบอกว่าเขาเข้าเวรอยู่ ฉันหยิบแอร์พอตขึ้นสวมแล้วรับสายที่กำลังเรียกเข้าอยู่ทันที “ค่ะ” (กินข้าวหรือยัง?) ปลายสายเอ่ยถามเสียงนุ่มอย่างเช่นครั้งก่อน ๆ ที่เขาโทรมาหรือคุยด้วย “กำลังไปกินค่ะ จะกินหมูกระทะพี่กินข้าวหรือยัง?” ฉันถามกลับพร้อมกับสายตาที่มองท้องถนน ช่วงนี้เป็นเวลาเลิกงานทำให้บนท้องถนนมีรถอยู่มากมายรวมถึงการจราจรที่เริ่มติดขัด (ยังครับ เพิ่งไปราวน์กับรุ่นพี่เสร็จ) “พี่จะกินอะไรไหมจะได้ซื้อเข้าไปให้” (ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวซื้อข้าวแถวนี้เอาก็ได้ พี่แค่โทรมาถาม) “แล้วตอนกลับ...” (เดี๋ยวพี่กลับพร้อมเพื่อนก็ได้ จะได้ไม่ต้องออกมาตอนดึกแต่ว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าพี่มีเรียน...เราไหวไหม?) ช่วงท้ายประโยคพี่ภามถามเสียงเบาคล้ายกับรู้สึกเกรงใจที่ต้องให้ฉันไปรับ “ไปได้ค่ะ เวลาเดิมหรือเปล่า” (ครับเวลาเดิม ขับรถอยู่หรือเปล่า?) พี่ภามยังคงชวนคุยต่อเรื่อย ๆ ทั้งยังมีเสียงแทรกเข้ามาเรื่อย ๆ หมายถึงฝั่งเขานะที่มีเสียงแทรกแต่ฝั่งฉันนั้นเงียบกริบแต่รับรู้ถึงสายตาล้อเลียนของขมิ้นที่ลอบมองมาอย่างใส่ใจ “ขับอยู่ค่ะ” (งั้นพี่ไม่กวนแล้ว ขับรถระวังด้วยนะไม่ต้องรีบ) “รับทราบค่ะ เจอกันพรุ่งนี้” (...ครับ เจอกันพรุ่งนี้ แต่ถ้ากลับถึงห้องแล้วส่งข้อความบอกพี่ด้วยนะ) “ได้ค่ะ แค่นี้ก่อนนะ” (ครับ) “ทำไมรู้สึกแปลก ๆ ล่ะเนี่ย” มิวายโดนขมิ้นแซวเหมือนเดิม ฉันเองก็เหนื่อยที่จะพูดเลยปล่อยเบลอชวนคุยเรื่องอื่นจนเพื่อนสนิทหัวเราะลั่นเมื่อจับทางถูกว่าฉันนั้นขี้เกียจอธิบาย เมื่อถึงร้านหมูกระทะเราแทบจะลืมสิ้นเรื่องที่แซวกันก่อนหน้านี้และกินหมูกระทะอย่างเอ็นจอย ยิ่งมีสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาแล้วด้วย อากาศเย็น ๆ ยิ่งทำให้เราสนุกมากยิ่งขึ้นเหมือนได้พักผ่อนจริง ๆ “จะสั่งตับหมูอีกสองชุด มีใครเอาอะไรบ้าง?” ขมิ้นถาม “เอาหมึกกรอบใหญ่หนึ่ง เอาสามชั้นใหญ่หนึ่ง แล้วก็เอาลูกชิ้นไส้ไข่ปูเล็กหนึ่ง” รีบบอกเพื่อนและสั่งของโปรดตัวเองไปเมื่อเห็นว่าของบนโต๊ะนั้นใกล้หมดแล้ว “โอเค ใครเอาอะไรอีก” ขมิ้นถามต่อ เพื่อนคนอื่นบอกเมนูที่ตัวเองอยากได้เพิ่มจากนั้นก็รอ ไม่ว่าจะสั่งอะไรมาเพิ่มเมื่อของถูกยกมาเสิร์ฟเราจะแชร์กันอยู่แล้วไม่ว่าใครสั่งอะไรมาก็กินด้วยกันอยู่ดี “หยุดสามวันจะไปไหนกันไหม?” สายฟ้าเอ่ยถามขึ้นบ้างระหว่างนี้ก็คีบหมูสามชั้นมาวางใส่จานฉันและขมิ้น ส่วนแก้วนั้นนั่งอยู่ไกลสายฟ้าคีบใส่จานไม่ถึงเลยต้องคีบและส่งให้ผ่านหน้าเตา แม้มันจะกวนตีนไปบ้างแต่มันก็สุภาพบุรุษคนหนึ่งเลยนะสายฟ้าน่ะ ติดที่มันชอบแกล้งฉันนี่แหละ “ฟ้าเริ่มอิ่มใช่ไหม?” ฉันถามเพื่อนอย่างจับผิดเพราะไม่กี่นาทีหลังจากที่มันคีบสามชั้นมาใส่จานให้ฉันมันก็เริ่มคีบมาอีก “ฮ่า ๆ ๆ บ้าบอจะจับทางเก่งเกินไปแล้ว” สายฟ้าหัวเราะอย่างพอใจเมื่อถูกจับไต๋ได้ เพื่อนคนอื่นก็หัวเราะและแซวมันเสียยกใหญ่ เราทั้งหกคนอยู่ที่ร้านหมูกระทะจนเกือบสามทุ่มก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ขากลับสายฟ้าอาสาไปส่งขมิ้นและแก้วเองเพราะคอนโดฉันและคอนโดเพื่อนอยู่คนละเส้นทางจะได้ไม่ต้องวกไปวนมาให้เสียเวลา เมื่อตกลงกันได้ฉันก็โบกมือลาเพื่อนและเดินทางกลับคอนโดทันที พรุ่งนี้ฉันว่างทั้งวันเลยงานที่ค้างก็เคลียร์เสร็จแล้ว เข้าไปหาพี่คุณกับพ่อที่บริษัทดีกว่า ไปนอนให้พี่เลี้ยงข้าวเลี้ยงขนม จะว่าไปคนสวยขาของฉันไม่ติดต่อมาเลยตั้งแต่บินไปหาคุณตาที่ญี่ปุ่น มีแต่พ่อที่บอกว่าแม่สบายดีแต่เพราะงานฝั่งนั้นยังยุ่งเลยไม่ได้ติดต่อฉันมา ไปจะสองเดือนแล้วนะไม่คิดถึงลูกคนนี้บ้างหรือยังไงกัน แบบนี้กลับถึงห้องต้องส่งข้อความไปงอแงแล้ว คิดถึงแม่ “โอ๊ย! ปวดหลัง” เปิดประตูเข้าห้องพักตัวเองได้ก็รีบปิดประตูเดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า “เหงาแฮะ” บ่นกับตัวเองเสียงเบาระหว่างนี้ก็เดินเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมนอนพัก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าด้วย “ยังไม่ได้บอกพี่เขาเลยว่าถึงแล้ว” บ่นกับตัวเองเสียงเบาแต่ก็เลือกที่จะเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกายตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อนถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความสั้น ๆ ส่งให้อีกฝ่าย บอกว่าถึงบ้านแล้วพรุ่งนี้จะไปรับที่เดิม จากนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจโทรศัพท์อีกเลยกระทั่งโทรศัพท์สั่นแจ้งเตือนเมื่อมีข้อความจากพี่ภามส่งตอบกลับมาสั้น ๆ ว่าครับ แน่นอนว่าฉันไม่ตอบกลับและนอนกลิ้งไปมาบนเตียงนอน สักพักใหญ่ฉันก็หลับไปเนื่องด้วยความอ่อนเพลียจากการนั่งทำงานตลอดทั้งวัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม