#คุณภามคะขา 3

2863 คำ
#คุณภามคะขา 3 ระหว่างกินข้าวเราไม่ได้คุยอะไรกันมากเหมือนอีกฝ่ายจะนั่งอ่านอะไรไม่รู้เป็นภาษาอังกฤษผ่านหน้าจอไอแพดส่วนฉันก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ กินข้าวเสร็จก็ไปส่งอีกฝ่ายที่คอนโด ส่วนพรุ่งนี้ฉันค่อยไปรับแล้วส่งเขาที่ตึกเรียน ส่วนตอนเย็นค่อยไปรับกลับเดี๋ยวเขาจะบอกเวลาอีกที ง่าย ๆ แค่นั้นเลย ทำหน้าที่เป็นคนรับส่งเขาแค่นั้น ช่วงเช้าของวันถัดมาฉันจอดรถรอคุณเจ้าของรถไม่นานคนตัวสูงที่วันนี้ยังสวมเสื้อกาวน์เช่นเคยเดินมาขึ้นรถด้วยอาการเร่งรีบเมื่อเห็นอีกฝ่ายรีบฉันจึงไม่ได้ชวนคุยอะไรมากและรีบเร่งเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไปถึงจุดหมายได้ทันเวลา “ขอบคุณนะครับ เจอกันตอนเย็นนะ” คนรีบเอ่ยบอกก่อนจะรีบลงจากรถกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปยังตัวอาคาร “ค่ะ” กว่าจะถึงเวลานัดกับเพื่อนก็เกือบสองชั่วโมงหากกลับคอนโดฉันว่าตัวเองต้องหลับอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะไปนั่งรอที่ม้านั่งใต้อาคารเรียน วันนี่เรียนตอนเช้าและตอนบ่ายก็เข้าแล็บปกติส่วนพรุ่งนี้ไม่มีเรียนไม่มีแล็บ ว่างยาว ๆ สามวันก่อนจะกลับมาเรียนสัปดาห์หน้า ฉันเลยตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเคลียร์งานที่ค้างแล้วรีบทำแล็บส่งให้เสร็จ “มาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” สายฟ้าที่มาถึงเป็นคนแรกเอ่ยทักอย่างตกใจที่เห็นฉันนั่งรออยู่คนเดียว ก็แน่สิปกติฉันมาคนสุดท้ายตลอดแต่วันนี้มันไม่ปกตินี่นา “สักพักแล้ว อันนี้ข้อมูลที่หามาบางส่วนลองเลื่อนดู” ฉันส่งไอแพดตัวเองให้สายฟ้าดูระหว่างที่มันกำลังนั่งลงที่เก้าอี้ ส่วนฉันพอเพื่อนมาก็เอ่ยบอกว่าขอพักสายตาแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันทีไม่สนใจเสียงห้ามของเพื่อนที่ดังมาเบา ๆ นั้นเลย ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานหรือเปล่าแต่พอรู้สึกตัวตื่นก็ได้ยินเสียงคุยกันที่ดังอยู่รอบ ๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นจากท่อนแขนที่ใช้รองหน้าก็พบว่าเพื่อนมาถึงกันจนครบแล้วและตอนนี้กำลังนั่งกินขนมกันอยู่ “อาจารย์ยกคลาส ว่างยาว ๆ ไปเลย” ขมิ้นเอ่ยบอกกับฉันมือก็ยื่นขนมที่กินอยู่มาให้ ฉันส่ายหน้าปฏิเสธขยับเข้าไปซบไหล่เพื่อนด้วยความงัวเงีย “งั้นเรามาทำรายงานชิ้นนี้ให้เสร็จกันเลยดีไหมวันหยุดจะได้ไม่ต้องห่วงรายงาน” “ดีเลย ถ้าว่างเราจะไปเที่ยวกับครอบครัวเสียหน่อย” แก้วเห็นด้วย พอลองดูปฏิกิริยาของคนอื่น ๆ ก็พบว่าเพื่อนนั้นเห็นด้วยและตกลงว่าจะนั่งทำรายงานกันให้เสร็จซึ่งตอนนี้เหลือไม่เยอะแล้ว ตกลงกันได้ฉันก็เริ่มลงมือหาข้อมูลเพิ่มเติม “เผิง มึงไปซื้อขนมมาหน่อยกูหิว” ขมิ้นเอ่ยบอกเผิงเสียงดังฟังชัด ส่วนเผิงนั้นที่นั่งพักเล่นเกมเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ เช่นเดียวกัน “หิวก็กินข้าวมึงจะกินขนมไม่ได้” “กูหิวขนมไม่ได้หิวข้าว” ขมิ้นเถียงกลับแต่มือและสายตายังทำรายงานเรื่อย ๆ ไม่ได้หยุดพัก “มึงหิวข้าวขมิ้น มึงเชื่อกู” “หาข้อมูลครบกันแล้วก็ไปกินข้าวกันไหมมึง กูอยากกินข้าวเสร็จแล้วก็หาร้านกาแฟนั่งทำงานต่อก็ได้” มนัสเสนอเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองคนเริ่มที่จะเถียงกันอีกแล้ว นับว่าเป็นเรื่องปกติจริง ๆ ที่สองคนนี้จะเถียงกันเรื่องกินข้าว “มันมีร้านกาแฟที่มีห้องทำงานบนชั้นสองด้วยนะ เราไปเช่าห้องแล้วนั่งทำยาว ๆ เลยก็ได้” สายฟ้าบอกข้อมูลที่ทำงานเพิ่มเติม “ดีเลย เช่ายาว ๆ ไปเลย” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย เพราะตอนนี้มีเพียงข้อมูลที่ต้องใช้ ยังเหลือการทำรูปเล่มการทำพรีเซ็นเตชั่นอีก ลากยาวก็คงไม่เป็นไรเพราะหนึ่งเราไม่มีเรียนในวันนี้และสองหลังจากวันนี้สองสามวันเราว่างไง “ได้เดี๋ยวโทรจองห้องไว้ก่อน ไปถึงค่อยสั่งอาหาร” สายฟ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อจองห้องทำงาน ส่วนฉันบันทึกงานเสร็จก็เก็บโน้ตบุ๊คของตัวเองใส่กระเป๋ารวมถึงหยิบไอแพดมาเก็บไว้เช่นเดียวกัน “ปวดหลังว่ะ” “นั่งนานก็แบบนี้แหละ เราจะไปเจอกันที่ร้านเลยใช่ไหม?” ขมิ้นเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “ใช่จองห้องแล้ว ใครถึงก่อนเข้าไปบอกพนักงานเลยว่าห้องที่สายฟ้าจอง” “โอเค งั้นแยกย้ายไปเจอกันที่ร้าน” เผิงเอ่ยบอกกับทุกคน “มลฉันไปกับแกนะ วันนี้ซิ่งวินมา” แก้วบอกระหว่างที่ทุกคนกำลังเก็บของไปที่ร้าน ส่วนฉันนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเลยตอบตกลงหากไม่ติดว่าขมิ้นเองเมื่อได้ยินว่าแก้วจะไปพร้อมฉันเจ้าตัวเลยบอกว่าจะขอมาด้วยเพราะเมื่อเช้าก็นั่งวินมาเหมือนกัน สรุปเราสามสาวตกลงกันว่าจะไปร้านอาหารพร้อมกันส่วนหนุ่ม ๆ นั้นพวกมันทยอยออกเดินทางไปก่อนแล้ว “ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวรีบวิ่งไป” แก้วบอกฉันและขมิ้นที่กำลังเดินไปที่รถ “ได้ ๆ” ฉันตอบกลับก่อนจะเดินกลับมาขึ้นรถและสตาร์ทเครื่องรอแก้วที่ขอไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่นั่งรอขมิ้นที่นั่งมองฉันอย่างชั่งใจ คล้ายมีเรื่องจะพูดด้วยแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยออกมาตรง ๆ เสียที “ขมิ้นเป็นอะไรเนี่ย” เป็นฉันเสียเองที่ทนเห็นท่าทีของเพื่อนไม่ไหว อยากจะขยุ้มหัวมันแล้วถามจริง ๆ ฉันน่ะเลี้ยงเพื่อนด้วยความรุนแรงส่วนไอ้ขมิ้นมันเลี้ยงฉันด้วยลำแข้งนะ “มึง เพื่อนน่ะคือรู้ใช่ไหมว่าเขาเหมือนจะชอบมึง” ขมิ้นตัดสินใจเอ่ยบอกกับฉัน แน่นอนว่าเราทั้งสองคนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมความสนิทของเรานั้นมันก็ย่อมมีมากขึ้น ส่วนแก้วเราเพิ่งมาเจอช่วงปีสองเองแต่ก็พูดคุยกันได้ไม่ได้อะไรเพราะถือว่าเป็นเพื่อนกันหมด “ไม่หรอกมึงคิดมากไปแล้วขมิ้น อย่าคิดแบบนั้นกับเพื่อน” “ไม่มึง ไม่งั้นไอ้สายฟ้ามันจะตั้งแง่เหรอ?” ขมิ้นยังไม่ยอมหยุดเล่า แต่เพราะไม่อยากให้เพื่อนคิดแบบนั้นเลยบอกให้หยุดเมื่อเห็นแก้วเดินใกล้เข้ามา “กูนั่งหน้าแล้วกูจะแกล้งหลับ” ขมิ้นบอกเร็ว ๆ แล้วปรับเบาะเล็กน้อยหลับตาลงทันทีเป็นจังหวะเดียวกับที่แก้วพยายามเปิดประตูฝั่งด้านหน้าคู่คนขับซึ่งมีแก้วแกล้งหลับอยู่ ฉันลดกระจกฝั่งนั้นลงแก้วโน้มหน้าลงต่ำก่อนจะมองขมิ้นนิ่ง ๆ “เราเวียนหัวขอนั่งข้างหน้าได้ไหมอะ” แก้วเอ่ยอ้อนเสียงหวานพร้อมกับมองฉันอ้อน ๆ “แต่ขมิ้นมันหลับแล้วนี่สิแก้ว มันไม่สบายเราไม่อยากปลุกอะ เอ่อ ขอโทษนะแต่แก้วพอจะนั่งข้างหลังได้ไหม” ฉันเองก็เกรงใจเพราะเพื่อนเคยบอกว่าไม่ชอบนั่งด้านหลังเพราะเวียนหัว แต่เชื่อสิไอ้ขมิ้นน่ะมันไม่ยอมหรอก “อื้อ ไม่เป็นไร คงไม่ไกลหรอกเนอะ” แก้มยิ้มหวานส่งให้ก่อนจะเปิดประตูนั่งที่เบาะด้านหลังที่ขมิ้นนั่งอยู่ ร้านที่เราจะไปกินข้าวแล้วนั่งทำงานอยู่ไกลเล็กน้อยหากเทียบกันแล้วก็อยู่ที่โรงพยาบาลที่ฉันไปรับคุณเจ้าของรถเมื่อวานยังไงล่ะ “ณมลคือ เราถามอะไรหน่อยได้ไหม?” แก้วที่นั่งอยู่ด้านหลังพยายามชวนคุยมาหลายเรื่องกระทั่งถึงประโยคเมื่อกี้ที่น้ำเสียงของเพื่อนได้เปลี่ยนไป “อื้อ ถามได้ถ้าเราตอบให้แก้วได้อะนะ” ฉันตอบกลับทีเล่นทีจริงแต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้ก็ไม่รู้ มันไม่ได้ถึงขั้นอึดอัดแต่มันแค่รู้สึกไม่สบายใจ “ตอบได้อยู่แล้ว คือณมลมีแฟนหรือยัง” อ่า คำถามแบบนี้ ถามเพื่ออะไรกันนะ “เอ่อ ยังไม่มีหรอก ทำไมเหรอ?” เพราะไม่อยากให้ภายในรถอึดอัดฉันจึงต้องถามเหตุผลกลับไปอีกอย่างฉันไม่อยากให้แก้วรู้สึกไม่ดีหากจะตอบห้วน ๆ ทั้งที่คำถามมันก็ไม่ได้รุนแรงอะไร “เราแค่สงสัยน่ะ เราก็ยังไม่มีแฟนนะ” แก้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใส ฉันเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากจึงเอ่ยแซวเพื่อนกลับไปเช่นเดียวกัน “เอาจริงกลุ่มเพื่อนเรา ยังไม่มีใครมีแฟนสักคน เราเองก็งงพวกมันจะโสดเป็นเพื่อนกันเหรอ?” แกล้งแซวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “เราก็ไม่ได้อยากโสดสักหน่อย เราชอบคนคนหนึ่งอยู่น่ะ” แก้วเอ่ยต่อ “หือ? ใครเหรอ อะไรกันเนี่ยจะมีแฟนคนแรกในกลุ่มเหรอเนี่ย” ฉันแกล้งแซวกลับไป แต่เริ่มอยากจะตีปากตัวเองเมื่อเอ่ยแซวกลับไปแบบนั้น “บ้าสิ เขาไม่รู้เลยมั้งว่าเราชอบ” แก้วตอบกลับเสียงแผ่วฉันเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดไปนั้นทำร้ายจิตใจแก้วหรือเปล่าเพื่อนถึงได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปแบบนั้น “เอ่อ ขอโทษเราไม่ได้ตั้งใจถามแบบนั้นนะ” “ไม่เป็นไรหรอก เราเองก็อยากบอกเขา ณมลอยากรู้ไหม?” แก้วถามกลับมา “เอ่อ เอาสิ” ฉันมั่นใจว่าแก้วไม่ได้คิดอะไรกับตัวเองแน่ ๆ เพราะทุกการกระทำนั้นเราทำเหมือนเพื่อนกันอยู่แล้ว แต่พอเห็นสายตาที่เพื่อนที่กำลังมองมาฉันก็อยากจะเปลี่ยนคำตอบของตัวเอง แอบรู้สึกไม่สบายใจอีกแล้วสิ “เราชอบเขามากเลย ชอบตั้งแต่ปีหนึ่ง ณมลเราชอบกะ...” ประโยคนั้นของแก้วชะงักหายไปเมื่อขมิ้นที่แกล้งหลับจามเบา ๆ รวมถึงโทรศัพท์ฉันที่ส่งเสียงเรียกเข้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันทำให้แก้วชะงักค้างไปพร้อมกับสายตาตัดพ้อที่ส่งมายังฉันไม่หยุด ที่เห็นเพราะว่าฉันมองกระจกหลังแล้วสายตาเหลือบมองเห็นอีกฝ่ายยังไงล่ะ “หือ? ทำไมแกไม่รับล่ะ” ขมิ้นขยับนั่งด้วยท่าทางมึนงง แสดงเก่งมากมันบอกฉันเองนี่ว่าแกล้งหลับทำไมท่าทางเหมือนมันหลับจริงเลยล่ะ “ขับรถอยู่” ฉันตอบเพื่อนและตอนนี้ก็ใกล้ถึงร้านแล้วด้วย อีกแค่สามแยกไฟแดงก็ถึงร้านแต่รถก็ติดเหลือเกินในช่วงเวลาใกล้เที่ยงแบบนี้ ออกไปกินข้าวกันเหรอคะเพื่อนร่วมท้องถนน “เดี๋ยวเอาแอร์พอร์ตให้ อุ๊ย เจ้าของโปรไฟล์แมวน้อยคนนี้คือใครเนี่ย” แต่เสียงแซวของขมิ้นทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าใครโทรมาในจังหวะที่แสนจะเพอร์เฟคแบบนี้ ขมิ้นสวมแอร์พอร์ตให้ฉันหนึ่งข้างพร้อมกับใจดีกดรับสายให้ฉันอย่างรู้งาน “ฮัลโหลค่ะ” เอ่ยทักทายสายตายังจับจ้องบนห้องถนน (ครับ คือพี่พักเที่ยงเราพักหรือยัง?) คุณเจ้าของรถอย่างพี่ภามเอ่ยถามพร้อมกับเสียงที่ดังแทรกเข้ามาเบา ๆ นั้นไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้างเพราะมีหลายเสียงหลายประโยคมากจนแยกไม่ออก “วันนี้อาจารย์ยกคลาสค่ะ เลยนัดเพื่อนไปทำงานต่อมีอะไรหรือเปล่าคะหรือจะกลับแล้ว” (เปล่าครับ ตั้งใจจะชวนไปกินข้าว) “อืม ที่จริงหนูนัดเพื่อนไว้ที่ร้านใกล้ ๆ โรงพยาบาล พี่อยู่โรงพยาบาลไหมไปกินด้วยกันหรือเปล่า” (อยู่ครับ) “เดี๋ยวหนูแวะเข้าไปรับ อีกสิบนาทีถึงโรงพยาบาล ร้านxxx พี่โอเคหรือเปล่า หรืออยากไปร้านอื่น” (ไปร้านเดียวกันนั่นแหละ ไม่ไกลด้วยช่วงบ่ายพี่เข้าโรงพยาบาลต่อ) “งั้นเจอกันนะคะ แต่ว่ามีเพื่อนนั่งมาด้วยสองคน..” (ครับไม่เป็นไร ขับรถระวังด้วย) “ค่ะ” “อะไรกันเนี่ย มึงมีแฟนเหรอมล!” “บ้าสิไม่ใช่” รีบปฏิเสธข้อกล่าวหาของขมิ้นทันที “คนนั้นไงที่พูดให้ฟัง” ไขข้อกระจ่างให้เพื่อนทันที เพราะเพื่อนที่เคยบอกว่าเล่าเรื่องให้ฟังนั้นมีเพียงแค่ขมิ้นและสายฟ้าเท่านั้นที่รู้เรื่อง ส่วนเพื่อนคนอื่นรู้แค่ว่าฉันสร้างประติมากรรมบนรถใครสักคนแค่นั้น “จริงเหรอ? เดี๋ยวถึงแล้วฉันจะไปนั่งข้างหลังกับแก้วแล้วกันให้พี่เขานั่งข้างหน้า” “อื้อ แบบนั้นก็ได้” ฉันไม่ห้ามหรอกเพราะเกรงใจพี่ภามเหมือนกันหากต้องนั่งด้านหลังทั้งที่ฉันอาสามารับไปกินมื้อเที่ยงเองแบบนี้ “แก้ว ๆ ฝากถามพวกนั้นหน่อยสิว่ามันถึงร้านกันหรือยัง” ฉันเลือกที่จะบอกแก้วที่นั่งเบาะด้านหลัง เพราะเพื่อนคงรู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ “ได้เดี๋ยวถามให้” แก้วตอบกลับมา “เพื่อนถึงกันแล้ว กำลังขึ้นไปบนห้องที่จองไว้ เผิงถามว่าให้สั่งอะไรไว้ให้เลยไหม” แก้วถามต่อ “ของเรายังไม่ต้องสั่ง เดี๋ยวเราสั่งเอง” ฉันตอบเพื่อนมือก็หมุนพวงมาลัยรถเข้าไปยังเขตโรงพยาบาลขับไปจอดรอที่ลานจอดรถด้านหน้า ระหว่างนั้นก็ส่งข้อความบอกพี่ภามว่าถึงแล้วรวมถึงบอกพิกัดที่รอ เมื่อรถหยุดนิ่งขมิ้นก็รีบย้ายตัวเองไปนั่งด้านหลังพร้อมกับชวนแก้วคุย หมายถึงให้แก้วบอกเผิงให้สั่งอาหารให้ล่วงหน้าแอบได้ยินขมิ้นนั้นบังคับให้แก้วฝากสั่งเหมือนตัวเองด้วยเพราะแก้วบอกว่าเดี๋ยวรอไปสั่งที่ร้านเหมือนฉัน “ขอโทษครับ รอนานไหม?” ประตูรถเปิดออกพร้อมกับร่างคุ้นตาที่ฉันเพิ่งมาส่งเมื่อเช้า “ไม่ค่ะ เพิ่งถึงเลย” ฉันตอบพร้อมกับรอให้พี่ภามนั่งเรียบร้อยเสียก่อนถึงได้ค่อย ๆ ออกรถเพื่อไปยังร้านอาหารที่นัดกับเพื่อนไว้ “พี่เรียนที่ไหนต่อตอนบ่าย” ภายในรถเงียบมากจึงตัดสินใจเอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ที่ลอบมองมาทางฉันเรื่อย ๆ “เรียนที่โรงพยาบาลครับอาคารด้านหลังเลย” “กี่โมงเหรอ?” “บ่ายสองครับ” “งั้นก็พอมีเวลาตอนนี้เพิ่งเที่ยง พี่หิวมากไหมให้เพื่อนหนูสั่งข้าวไว้ให้ก่อนไหม?” “พี่นึกไม่ออก” อีกฝ่ายตอบกลับมาเบา ๆ “งั้นถึงร้านค่อยสั่งก็ได้ค่ะ” ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงร้านอาหารที่นัดกันไว้ ขมิ้นแอบเนียนกอดแขนแก้วก่อนจะพาเดินเข้าไปภายในร้าน ระหว่างที่ฉันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายรวมถึงหอบหิ้วอุปกรณ์ที่จะใช้ทำรายงานลงจากรถ จังหวะที่เรากำลังจะเดินเข้าไปภายในร้านพี่ภามก็เดินเข้ามาใกล้แล้วช่วยถือกระเป๋าหนัก ๆ นี่ไปโดยที่เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก “นั่งแยกไหมคะ กลัวพี่อึดอัด” “เราล่ะ?” พี่ภามถามกลับ “เดี๋ยวนั่งกับพี่ก็ได้ค่ะ” “ครับ งั้นนั่งโต๊ะนั้นก็ได้” “ค่ะ” เราสั่งอาหารไปคนละอย่าง เป็นอาหารจานเดียว ระหว่างรออาหารฉันจึงขอเอาของไปรวมกับเพื่อนที่ห้องใหญ่บนชั้นสองที่สายฟ้าจองไว้ “วู้ว อะไรยังไงกันว่าที่คุณหมอเหรอพี่คนนั้นน่ะ” ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปสายฟ้าคือคนแรกที่ตะโกนแซวอย่างตื่นเต้น ไม่ต่างจากขมิ้นที่อุดปากกรี๊ด เพื่อนคนอื่น ๆ ก็หัวเราะเมื่อเห็นท่าทีบ้า ๆ บอ ๆ จากขมิ้นและสายฟ้า “บ้าบอ เบาหน่อยเถอะห้องข้าง ๆ ก็มีคนอยู่เดี๋ยวเขามาด่านะ” ฉันบอกเพื่อนเตือน ๆ แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้สายฟ้าก็จัดการทุบหลังมันจนดังอัก! พร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนคนอื่น ๆ “มือหรือตีนวะแม่ง” สายฟ้าบ่นอุบอิบ ฉันไม่ตอบอะไรก่อนจะส่งสายตาบอกขมิ้นว่าจะลงไปข้างล่าง เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะ อาหารบนโต๊ะถูกยกมาเสิร์ฟแล้วแต่พี่ภามกลับยังไม่กินอาหาร “ทำไมไม่กินก่อนคะ” “รออยู่ กินข้าวเถอะ” พี่ภามบอกสั้น ๆ ก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าวเงียบ ๆ ระหว่างเราไม่มีใครพูดอะไรอีกรวมถึงฉันที่ไม่กล้าชวนอีกฝ่ายคุย อีกฝ่ายคงจะเหนื่อยล่ะมั้งจู่ ๆ ถึงได้เงียบไปแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่ส่งเสียงรบกวนเขาแล้วกัน อยากให้เขาได้พักก่อนจะเริ่มเรียนในช่วงบ่ายเหมือนกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม