คนตัวเล็กพยายามข่มความประหม่าเอาไว้ในตอนที่ราเมศร์กำลังเดินตามออกไปจากเลานจ์เพื่อขึ้นลิฟต์โดยสารไปยังชั้นผู้บริหาร
ทันทีที่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกเธอก็เข้าไปหยุดยืนที่ตำแหน่งข้างประตู พอเขากับณภัทรเดินเข้ามาเธอก็หันไปกดตัวเลขและปิดลิฟต์ แต่ทว่ายังไม่ทันที่ประตูจะปิดลง วาโยก็วิ่งพรวดเข้ามาเสียก่อน
“ขวัญ ขอใช้ลิฟต์ด้วยสิ พอดีว่าลิฟต์ลูกค้ามันเต็มน่ะ คนเยอะมากเลย”
“เอ่อ...” หญิงสาวเหลือบมองหน้าราเมศร์ครู่หนึ่ง พอเห็นว่าเขาไม่ได้ว่าอะไรเธอจึงพยักหน้าตอบกลับไป “ได้สิคะ”
พอพูดประโยคนั้นจบ วาโยก็เข้ามาแทนที่ตำแหน่งของเธอทำให้หญิงสาวต้องขยับไปทางด้านหลังก่อนที่ลูกค้าจะทยอยเข้ามาในลิฟต์จนแน่นทำให้เพลงขวัญถูกดันไปด้านหลังจนรู้สึกได้ทันทีว่าแผ่นหลังเล็กมันแนบชิดกับแผงอกกว้างของราเมศร์
หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามขึ้นมาทันที เธอพยายามยืนให้ห่างจากเขามากที่สุด แต่ลูกค้าก็เหมือนจะยิ่งเข้ามาเรื่อย ๆ จนในที่สุดเธอก็ต้องขยับไปจนแทบจะหลอมละลายไปกับร่างสูงใหญ่ที่ยืนติดผนังลิฟต์ด้านหลัง
เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง เพลงขวัญก็เอาแต่จดจ่อไปยังตัวเลขที่กำลังปรากฏอยู่บนลิฟต์ หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่เขาขยับตัว ทำให้เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังดึงดันอยู่ตรงสะโพก
“เมื่อไหร่จะถึงนะ” หญิงสาวพึมพำอยู่ภายในใจยิ่งอยู่ในที่อึดอัดแบบนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมาอีกครั้ง
“อ้วก!” มือเรียวรีบปิดปากตัวเองไว้เมื่อเผลออ้าปากจะอาเจียนออกมาตามความรู้สึก โชคดีที่ลูกค้าภายในลิฟต์พูดคุยกันเสียงดังจึงไม่มีใครทันได้ยิน ยกเว้นก็แต่คนที่กำลังยืนอยู่ด้านหลัง
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ราเมศร์เอ่ยถาม แม้จะไม่หันไปมองแต่เธอก็รู้สึกว่าเสียงของเขาดังอยู่ใกล้กับใบหูเล็ก มันใกล้มากจนเธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวพาลคิดถึงเรื่องคืนนั้นขึ้นมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่
“ปละ...เปล่าค่ะ”
“ดูเธอไม่ค่อยดีเลยนะ ทำแบบนั้นต่อหน้าลูกค้า มันจะไม่เป็นไรเหรอ” พูดจบเขาก็เบี่ยงตัวหลบมายืนตรงหน้าแล้วดันเธอไปทางผนัง ทำให้เพลงขวัญต้องเป็นฝ่ายยืนอยู่ด้านหลังเขาแทน
ดวงตาคู่สวยเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังกว้างด้วยความชื่นชมที่เขาใช้ตัวเองเป็นที่กำบังไม่ให้ลูกค้าเห็นเธอในสภาพนี้ ก่อนจะหยิบยาดมในกระเป๋าขึ้นมาสูดดมเข้าปอดจนรู้สึกดีขึ้น
“ค่อยยังชั่ว” หญิงสาวรีบเก็บยาดมเข้ากระเป๋า แล้วหันมายืนตามปกติ แต่วินาทีที่หันหน้าเข้าหาแผ่นหลังกว้างเธอก็รู้สึกถึงน้ำหอมอ่อน ๆ ที่ลอยมาจากตัวราเมศร์ เป็นกลิ่นหอมที่ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกจนเผลอขยับหน้าเข้าไปใกล้แล้วสูดกลิ่นนั้นเข้าปอดไปฟอดใหญ่
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอยืนห่อตัวอยู่ในที่แคบ ๆ นั้น พอวาโยพาลูกค้าทยอยออกไปจากลิฟต์จนหมด ราเมศร์จึงขยับตัวออกมาทำให้เพลงขวัญหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น
“ดีขึ้นแล้วหรือยัง” เขาเอ่ยถามพลางปรายตามองคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพลงขวัญจึงรีบก้มหน้างุดเพราะกลัวว่าเขาจะจำได้
“ดีขึ้นแล้วค่ะ...ลิฟต์ถึงพอดีเลย”
โชคดีที่ประตูลิฟต์เปิดออกได้ทันเวลา ถึงแม้ในลิฟต์จะมีณภัทรยืนอยู่ด้วยแต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่าบรรยากาศมันน่าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“ทางนี้ค่ะ” เธอก้าวเดินออกไปจากลิฟต์แล้วผายมือไปยังห้องที่อยู่ริมสุด
“ขอบใจ”
“เอ่อ...เดี๋ยวก่อนค่ะ” ไม่รู้ว่าวินาทีนั้นผีห่าซาตานตัวไหนเจาะปาก ทำให้เธอกล้าที่จะเอ่ยเรียกเขาแบบนั้น
“มีอะไรเหรอ”
“คือ...หนูอยากรู้น่ะค่ะว่าคุณใช้น้ำหอมยี่ห้อไหน มันหอมมากเลยค่ะ ช่วยบอกบุญหนูทีได้ไหมคะ” คำถามของเพลงขวัญทำให้ราเมศร์ถึงกับหลุดขำ
“นี่ไม่ใช่วิธีจีบของคุณหรอกเหรอ”
“ไม่ใช่นะคะ” หญิงสาวรีบยกมือปฏิเสธ แล้วอธิบายให้เขาฟังจนลิ้นแทบพันกัน “คือ...ช่วงนี้หนูเป็นอะไรไม่รู้น่ะค่ะ รู้สึกเวียนหัวบ่อย แต่เมื่อกี้หนูได้กลิ่นน้ำหอมของคุณ หนูรู้สึกว่ามันสดชื่น...”
“อืม...วันหลังเดี๋ยวจะหิ้วมาฝากละกัน” เขาตอบกลับทันควันทั้งที่เพลงขวัญยังพูดไม่ทันจบเหมือนรำคาญเสียมากกว่า
“เอ่อ เดี๋ยว...” ยังไม่ทันที่เธอจะบอกว่าไม่ได้ต้องการให้เขาซื้อมาให้ ราเมศร์ก็หมุนตัวเข้าไปในห้องของภูริตเสียก่อน เธอจึงต้องเดินกลับลงไปชั้นล่างเพียงลำพัง