เพลงขวัญตื่นขึ้นมาในตอนดึกพร้อมกับอาการปวดหัวที่แล่นปราดขึ้นมาทันที ดวงตาคู่สวยกะพริบถี่ก่อนจะตื่นขึ้นจ้องมองเพดานห้อง
มองเห็นนาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาตีสามเศษ ๆ อาการปวดหัวก็เหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้น หญิงสาวจึงขยับพลิกตัวเพื่อจะข่มตาหลับต่อ แต่สายตาของเธอดันเหลือบไปเห็นแผ่นหลังกว้างของใครอีกคนที่กำลังนอนอยู่ข้าง ๆ บวกกับอาการเจ็บจี๊ดตรงส่วนกลางของร่างกายทำให้เธอสะดุ้งตกใจรีบยกมือปิดปากตัวเองไว้เพราะกลัวจะทำเสียงดังปลุกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น ผู้ชายคนนี้เป็นใคร” เพลงขวัญตัวชาหนึบ มือเรียวยกผ้าห่มขึ้นจนเห็นเรือนร่างเปล่าเปลือยของตัวเองและเขา พอปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เธอก็อ้าปากเหวอด้วยความตกใจขึ้นมาอีกครั้ง “อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนี้คือคุณราเมศร์”
หญิงสาวพึมพำแผ่วเบาผ่านความมืดสลัวภายในห้อง เธอจำได้ว่าเมื่อคืนเมามากจึงกระโดดขึ้นรถมาเพื่อให้เขาช่วยพาหลบหนีจากเพื่อนของพิมพ์พลอย แต่ไม่รู้ไปทำเอาท่าไหน ทำไมถึงได้ตื่นมาบนเตียงแบบนี้ก็ไม่รู้
ถึงเธอจะแอบปลื้มราเมศร์แต่การมานอนกับเขาแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเท่าไหร่นัก ถ้าภูริตรู้มีหวังเธอได้โดนตำหนิชุดใหญ่แน่ ลำพังแค่เป็นลูกคนรับใช้ก็เป็นที่รังเกียจมากพออยู่แล้ว
“เราต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ จะให้ใครรู้ไม่ได้” ดวงตาคู่สวยเหลือบมองเจ้าของแผ่นหลังกว้างด้วยสีหน้าคิดหนัก ค่อยๆ ขยับตัวลุกจากเตียงให้เบาที่สุด แล้วรีบหยิบชั้นในและชุดเดรสที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมลวก ๆ จัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมเสร็จก็ออกจากห้องไปทันที
“หวังว่าคุณจะจำหน้าฉันไม่ได้นะคุณราเมศร์” แผ่นหลังเล็กพิงประตูแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ได้แต่ภาวนาขอให้เขาลืมเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ไปเพราะถ้ารู้ไปถึงหูของนุชรี เธออาจจะถูกแม่เลี้ยงเล่นงานหนักแน่ ๆ
“รีบกลับห้องก่อนดีกว่า” หญิงสาวพยายามตั้งสติ หอบสังขารกลับลงไปขอคีย์การ์ดจากพนักงานที่ชั้นล่าง แล้วขึ้นลิฟต์โดยสารกลับไปที่ห้องของตัวเอง
นับว่ายังโชคดีที่มาถึงเธอก็พบว่าพิมพ์พลอยก็ยังกลับมาไม่ถึงห้องเพราะอีกฝ่ายเองก็ออกไปกับผู้ชายอีกคนตั้งแต่ออกมาจากบาร์
ร่างบางเดินโซซัดโซเซไปที่ห้องน้ำ จัดการถอดเสื้อผ้าที่แสนเกะกะออกอีกครั้ง ยิ่งมองเห็นรอยแดงบนเนื้อตัวเธอก็ยิ่งตระหนักได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามันคือเรื่องจริง เธอไม่ได้ฝันไป
“บ้าจริง...เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ทำไมฉันถึงไม่รู้ตัวเลย” น้ำหยดใสไหลคลอคลึงหน่วยตาอีกครั้งยามที่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
เธอเพิ่งรู้จักเขาแท้ ๆ แต่ดันไปนอนกับเขาแบบนี้ ถ้าเขาจำเธอได้เธอจะไม่ถูกมองว่าใจง่ายหรือไง
หญิงสาวนั่งทำใจในห้องน้ำอยู่นาน พยายามล้างคราบคาวที่ติดตามเนื้อตัวออกพร้อมกับน้ำตาที่ยังเอ่อออกมาไม่หยุด ถึงจะรู้ว่าไม่มีใครตายด้วยเรื่องแบบนี้แต่ถ้าคนเป็นพ่อรู้เข้า จะผิดหวังกับเธอมากขนาดไหน
“ช่างเถอะ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วยังไงก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้ พรุ่งนี้ฉันก็ต้องบินกลับไทยแล้ว กลับไปถึงโน่นก็คงไม่ได้เจอกันอีก”
เพลงขวัญพยายามปลอบใจตัวเอง รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกินยาแก้ปวดไปหนึ่งเม็ด ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นในเช้าของอีกวัน ทำให้เธอต้องหอบสังขารลุกไปเปิดให้ก่อนจะพบกับพิมพ์พลอยที่เพิ่งกลับมาตอนฟ้าสว่าง
“ยัยขวัญ แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงว่าทำไมฉันไปขอคีย์การ์ดจากพนักงานแต่ไม่มี” ทันทีที่เข้ามาในห้อง พิมพ์พลอยก็ยิงคำถามใส่รัว ๆ ด้วยความแปลกใจแต่เพลงขวัญกลับไม่สนใจจะตอบคำถามนั้น
“หนูต้องถามพี่มากกว่า ว่าเมื่อคืนพี่ตั้งใจจะทิ้งหนูที่บาร์ใช่ไหมคะ”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาเหลือบมองต่ำจนไปสะดุดเข้ากับรอยแดงบนต้นคอขาวระหงของน้องสาวเข้า “นี่แสดงว่าเมื่อคืนเธอสนุกกันทั้งคืนเลยสินะ”
“ทำไมพี่ต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย หนูรู้ว่าพี่ไม่ชอบหน้าหนู แต่พี่ตั้งใจจะพาหนูไปให้ผู้ชายทำแบบนั้นได้ยังไง”
“เขาเรียกว่าเปิดประสบการณ์ย่ะ อย่าโง่ไปหน่อยเลย หัดตามให้ทันโลกบ้างสิ” พิมพ์พลอยแก้ตัวอย่างไม่สะทกสะท้าน
อันที่จริงแผนของเธอคือตั้งใจจะให้เพื่อนพาเพลงขวัญออกไปนอกเมืองจนกลับไทยไม่ได้ต่างหาก แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนทั้งสี่คนไปทำเอาท่าไหน เพลงขวัญถึงกลับมาได้แบบนี้
“หนูจะบอกพ่อ...”
“ก็ลองดูสิ แต่อย่าลืมนะว่าแกมันลูกชัง คิดดูก็แล้วกันว่าพ่อจะเข้าข้างใคร” พิมพ์พลอยยิ้มอย่างผู้ชนะ เธอก้าวไปหาน้องสาวแล้วเลื่อนมือขึ้นเกลี่ยแก้มของอีกฝ่ายแผ่วเบา แต่คราวนี้เพลงขวัญกลับผลักมือของเธอออกเต็มแรงด้วยความโกรธที่สุดจะกลั้น
“พ่อต้องเข้าข้างพี่อยู่แล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างคนยอมแพ้ก่อนที่เธอจะหันไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองลงไปรอภูริตที่เลานจ์ของโรงแรม หามุมเงียบ ๆ เพื่อเอนกายนอนหลับเอาแรงอีกครั้งแต่ในจังหวะนั้นเองที่สายตาของเธอดันเหลือบไปเห็นร่างสูงที่แสนคุ้นตาออกมาจากลิฟต์โดยสารพร้อมกับกระเป๋าเดินทางกำลังเดินผ่านมาทางนี้
ด้วยความกลัวว่าราเมศร์จะจำเธอได้ หญิงสาวจึงยกกระเป๋าขึ้นปิดหน้าไว้ รอให้เขาเดินออกไปจากโรงแรมพร้อมกับเลขาฯ ส่วนตัว เธอจึงลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ขอให้เรื่องเมื่อคืน เป็นความลับตลอดไปด้วยเถอะ” เธอพึมพำแผ่วเบาผ่านสายลม จ้องมองรถหรูที่ถูกขับออกไปแล้วจึงเอนกายพิงพนักโซฟาเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ภูริตเข้ามาปลุกเพื่อเดินทางไปยังสนามบินเตรียมตัวกลับประเทศไทย
“ขวัญ ตื่นได้แล้ว เราต้องไปแล้ว”
“ค่ะพ่อ” หญิงสาวตื่นขึ้นมาในอาการงัวเงียจนภูริตอดเอ่ยถามเสียไม่ได้
“เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือไง”
“ค่ะ น่าจะผิดที่ด้วย” เพลงขวัญก้มหน้าตอบ รีบกระชับคอเสื้อขึ้นเพื่อปกปิดรอยแดงที่ราเมศร์ทิ้งไว้ไม่ให้ผู้เป็นพ่อเห็น
“รีบไปกันเถอะค่ะ” พิมพ์พลอยตัดบท เธอเองก็ยังคงคิดหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนต้องส่งข้อความไปถามเพื่อนทั้งสี่คนว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้ความว่ามีคนมาช่วยเพลงขวัญไว้เธอก็ยิ่งเจ็บใจที่ไม่สามารถกำจัดน้องสาวออกไปจากชีวิตตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ได้
พอกลับมาถึงบ้าน ใบหน้ายิ้มแย้มของนุชรีก็แปรเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นว่าเพลงขวัญยังมีหน้ากลับมาที่บ้านได้อย่างปลอดภัย คนเจ้าแผนการจึงรีบลากตัวลูกสาวไปถามไถ่ทันที
“เกิดอะไรขึ้น นี่อย่าบอกนะว่าลูกทำไม่สำเร็จ”
“ค่ะ เพื่อนหนูบอกว่ามีคนมาช่วยยัยนั่นไว้ได้ น่าเจ็บใจชะมัด เกือบจะสำเร็จแล้วเชียว” พิมพ์พลอยตอบด้วยความหงุดหงิด “พิมพ์ขอโทษนะแม่ ที่ทำให้แม่ผิดหวัง”
“ไม่เป็นไรจ่ะ วันพระไม่ได้มีหนเดียว ยังไงเราสองคนก็ต้องหาทางกำจัดมันไปให้ได้” นุชรีหมายมั่นปั้นมือ ดวงตาคู่สวยจ้องมองร่างเล็กที่กำลังลากกระเป๋ากลับเข้าไปทางหลังบ้านด้วยความเกลียดชังอย่างสุดจะทน
เพลงขวัญกลับมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าคิดว่าจะหลับเอาแรงสักงีบเพราะยังรู้สึกอ่อนเพลีย แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เพราะยังคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“อา...ยังเจ็บอยู่เลยแฮะ” ใบหน้าหวานเหยเกเล็กน้อยเมื่อขยับพลิกตัวแล้วรู้สึกว่าตรงส่วนนั้นของเธอยังเจ็บจี๊ดไม่หาย ทำให้อดคิดถึงความใหญ่โตของราเมศร์ขึ้นมาเสียไม่ได้ “บ้าจริง คิดอะไรของแกเนี่ยยัยขวัญ ลืมซะ ลืมไปซะ”
เธอพยายามสั่งตัวเองให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน คิดเอาไว้ว่าถ้าเวลาผ่านไปนานกว่านี้เดี๋ยวเธอก็คงจะลืมได้เอง แล้วอีกอย่างเขาเองก็เมาหลับไปแบบนั้นคงไม่มีทางจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้แน่
ร่างบางผุดลุกนั่งจ้องมองตัวเองผ่านเงาสะท้อนในกระจก ยังเห็นรอยดึงดูดตามร่างกายเด่นชัดโดยเฉพาะที่คอ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว เห็นทีคงต้องทาแป้งทับเอาไว้ให้หนาก็พอจะกลบเกลื่อนได้
“เขาคงผ่านผู้หญิงมาเยอะ คงจำไม่ได้หรอกว่าเป็นฉัน”
เพลงขวัญปลอบใจตัวเองหลายครั้งก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่เตียงแต่ยังไม่ทันจะทิ้งตัวนอนพิมพ์พลอยก็เข้ามาหาถึงห้องก่อนจะปิดประตูไว้เพื่อจะสอบถามถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง
“ยัยขวัญ บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเมื่อคืน ใครเป็นคนช่วยแกไว้”
“เขาเป็นแขกในงานน่ะค่ะ เราเจอกันในงานเลี้ยง โชคดีที่เขาก็ไปที่บาร์ด้วย เขาเลยช่วยหนูไว้ได้” เพลงขวัญตอบไปตามตรง ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้พิมพ์พลอยรู้สึกสงสัยจึงกระชากคอเสื้อของเธอเต็มแรงจนเห็นรอยแดงตามเนื้อตัวเต็มไปหมด
“แล้วรอยพวกนี้มันคืออะไร แกคิดว่าฉันโง่หรือไง บอกมาดีกว่าว่าเมื่อคืนแกไปนอนกับใครมา”
“หนูไม่ได้ไปนอนกับใครทั้งนั้น พี่ต่างหากล่ะที่ออกไปนอนกับใคร”
“นี่แกกล้ายอกย้อนฉันเหรอ” พิมพ์พลอยตะคอกใส่ สายตาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชัง “ถ้าแกคิดว่าจะปิดบังฉันได้ก็เชิญ อย่าให้ความลับของแกแตกก็แล้วกัน แล้วฉันนี่แหละจะเป็นคนลากแกออกไปจากบ้านเอง ถึงตอนนั้นพ่อก็คงช่วยแกไม่ได้หรอก”
นิ้วเรียวจิ้มลงบนหน้าผากกลมกลึงเต็มแรงจนเพลงขวัญล้มลงก้นกระแทกพื้นก่อนที่เธอจะกระชากประตูออกไป
คำขู่ของพิมพ์พลอยทำให้หญิงสาวเริ่มคิดหนัก แทนที่จะได้นอนพักในคืนนั้น พอทุกคนในบ้านทานมื้อค่ำกันเสร็จ เธอจึงแอบออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องมันบานปลาย เพราะเธอนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าถ้าเกิดท้องขึ้นมามันจะเกิดอะไรขึ้น