บทที่-๔- เรื่องลับในวังหลวง
หมิงไป่ลู่หลับไปได้สองยาม [4ชั่วโมง] ขันทีและนางกำนัล ต่างก็คอยดูแลพระสนมคนใหม่ ไม่ให้คลาดสายตา พลันดวงตาของขันทีวัยกลางคน ก็เบิกกว้างเมื่อเห็นว่าใครมาที่ตำหนักของพระสนม จึงสะกิดนางกำนัลจนดูวุ่นวายไปหมด เมื่อนางกำนัลเห็นว่าเจ้าชีวิตมาถึงแล้ว ต่างก็หน้าซีดตัวสั่น ทุกคนต่างรีบถวายพระพรโดยเร็ว
“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” ขันทีและนางกำนัลถวายพระพรฮ่องเต้เสร็จจึงรีบก้มหน้าลง
“อืม…พวกเจ้าออกไปก่อน เจิ้นจะอยู่กับพระสนม” ฮ่องเต้รับสั่ง
“พะย่ะค่ะ/เพคะ” ขันทีและนางกำนัล รับคำสั่งก่อนจะค่อย ๆ ออกจากห้องนอน
เมื่ออยู่ตามลำพังแล้วผู้เปี่ยมด้วยบารมี ก็ทรุดวรกายนั่งลงเก้าอี้เคียงข้างคนตัวหอม ยกพระหัตถ์ใหญ่ลูบไล้ใบหน้านวลผ่องอย่างหลงไหล พระองค์รอคอยพระสนมมานานหลายปี ตั้งแต่คนงามยังไม่ถึงวัยปักปิ่น ก็ทรงเอ่ยกับท่านราชครูหมิงลี่ฉูว่า ต้องการบุตรีของท่านมาไว้ที่วังหลัง
ท่านราชครูขอเวลาสักนิด ให้บุตรีเลยวัยปักปิ่นไปก่อน เพราะหมิงไป่ลู่ยังเด็กนัก และช่วงนั้นราชบัลลังก์ทองยังไม่แข็งแกร่งพอ พระองค์เลยรั้ง ๆ รอ ๆ จนตอนนี้ราชบัลลังก์แข็งแกร่งมั่นคงยิ่งนัก ยากที่แคว้นใดจะต่อกรและต้านทานได้ ก็ถึงเวลาแห่งรักของพระองค์เสียที
ด้วยความหวงห่วงและไม่ต้องการเสียนางไปให้ชายใด หากมีแม่สื่อตระกูลใหญ่ไปสู่ขอ ฮูหยินและท่านราชครูอาจเกรงใจจนไม่อาจปฏิเสธได้ ฮ่องเต้จึงต้องการให้นางในดวงใจเข้าวังหลัง แต่ติดขัดตรงฮองเฮา และกุ้ยเฟยที่ยังขัดกับราชบัลลังก์ของพระองค์ ฐานอำนาจของสองสกุลนี้จะดูเบาไม่ได้ พระองค์จำต้องวางแผนให้ดี
ประจวบเหมาะกับมีข้อมูลเรื่องกบฏ จึงเกิดแผนปราบโจรขึ้นมา เมื่อแผนการเริ่มไปได้ดี พระองค์จัดการให้ราชองครักษ์จัดหาบุรุษผู้ที่มีแก่นกายอันยาวใหญ่ เพื่อให้มาเสพสุขกับทั้งห้าพระนาง ให้หลงมัวเมากำหนัดในกามที่พระองค์สร้างขึ้น ทุก ๆ ราตรี สตรีสูงศักดิ์ทั้งห้าจะได้เสพสมกับบุรุษแปลกหน้าและราชองครักษ์ที่มีความเป็นชายใหญ่ยาวคอยปรนเปรอจนอิ่มเอมไปทั้งราตรีกาล
สตรีสูงศักดิ์ทุกพระนาง ต่างถูกราชองครักษ์และชายพเนจรบุกทะลวงร่องสวรรค์ จนบางครั้งในยามค่ำคืนก็มีแท่งหยกถึงสามแท่งเพื่อให้อิ่มหนำสำราญใจ พระชายาทั้งสี่และฮองเฮาต่างหลงไหลมัวเมาในรสราคะ ! ที่ผู้เป็นใหญ่จัดให้
ฮ่องเต้ผู้เป็นใหญ่เหนือคนใต้หล้า เลื่อนไล้พระหัตถ์นุ่มสีชมพูไปตามใบหน้าสวยคมของคนหลับ บรรจบกับริมฝีปากบางอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างที่ไม่มีสตรีนางใดเคยได้รับ
มีแค่สตรีนางเดียวเท่านั้นในดวงหทัย ผู้มีสิทธิ์ทุกอย่าง แม้แต่ตำแหน่งจอมนางของแผ่นดิน
สตรีผู้นั้นคือ หมิงไป่ลู่นั่นเอง
สายพระเนตรคมวาวนั้นจับจ้องไปที่กลีบปากสีแดงสด จนอดพระทัยไม่ไหว ก้มลงจุมพิตเรียวปากอิ่มอวบสวยของพระสนม แล้วคลึงเคล้าเบา ๆ ก่อนจะเพิ่มแรงขึ้นอีกนิด
ชิวหาร้อนผ่าวแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่มหอม ดูดดุนลิ้นเล็กของพระสนมอย่างชื่นใจ พระองค์ทรงอยากดูดกินคนตัวเล็กทั้งวันทั้งคืนให้สมกับที่รอคอยมานาน
“อื้ม” หมิงไป่ลู่ครางเบา ๆ
“หวานนัก พระสนมของข้า”
อวี๋ตี้เฟิ่งจับตาดูนางอยู่แล้ว ก็อดจะอมยิ้มไม่ได้ เมื่อละจากจุมพิตหวานแล้วจึงคลอเคลียที่หน้าอกอวบอิ่ม พระหัตถ์ซ้ายขยำขยี้ดอกบัวงามอย่างเต็มอารมณ์ของความหิวโหย
“อื้ม” หมิงไป่ลู่ครางอีกครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามังกรสวรรค์ขยี้ขยำหน้าอกอวบของตนอยู่ก็หน้าแดงก่ำ เมื่อฮ่องเต้ใช้ชิวหา(ลิ้น)ร้อนผ่าวไล้เลียลำคอระหง พระสนมคนงามพลันครางกระเส่า
“อะ อ่าส์ ฮ่องเต้”
“สนมของข้า เจ้าชอบที่ข้าทำเช่นนี้หรือไม่”
“อ่าส์ ฮ่องเต้ อื้อ” เสียงหวานนั้นดังออกมาจากลำคอสวย พร้อมกับที่เชิดใบหน้างามขึ้น เพื่อเปิดทางให้เจ้าชีวิตขบเม้มดูดเลียอย่างเต็มใจ
“ว่าอย่างไร เจ้าชอบหรือไม่ เจ้าตอบข้ามาไป่ลู่” ตรัสถามเสียงแหบพร่า
“อะ อื้อ ชะ ชอบ หม่อมฉันชอบ” พระสนมเองก็ครางกระเส่าไม่แพ้กัน
“ข้าดีใจที่เจ้าชอบ” มองตางามหยาดเยิ้ม
“ข้าหิวเจ้านัก ให้ข้ากินเจ้าตรงนี้เถิดนะ” ออดอ้อนถึงเพียงนี้ แล้วผู้ยังไร้เดียงสาจะไม่ใจอ่อนได้อย่างไร
“อื้อ พะ เพคะ หม่อมฉันยอมให้กินแล้ว อ่าส์” ลิ้นเปียกชื้นของผู้ยิ่งใหญ่แตะตรงไหปลาร้า ยั่วความอยากของหมิงไป่ลู่ให้พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
แขนเรียวสวยยกขึ้นคล้องพระศอแกร่ง จากนั้นจุมพิตกลีบพระโอษฐ์บางเบา
ผู้ยิ่งใหญ่รับสัมผัสนั้นอย่างเต็มตื้นหฤทัย พร้อมให้ความร่วมมือต่อนาง ด้วยการกอดตอบแล้วใช้พระทนต์กัดเข้าที่ลำคอหอมของพระสนม ด้วยความเต็มอกเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
รสจูบและรสรักที่ทั้งคู่ตอบสนองต่อกันมันรุนแรงเร่งเร้า ทำให้ห้องนอนมีเสียงครางของเจ้าเหนือหัวไปตลอดทั้งวัน
ตลอดทั้งทิวาและราตรี ที่ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทรงประทับอยู่พระตำหนักพระสนม มีพักแค่รับอาหารค่ำเท่านั้น แล้วเข้าห้องนอน เพียงไม่นานเสียงครวญครางพลันเล็ดลอดออกมา และยามราตรีที่เสพสมกัน
จากวันล่วงมาถึงกลางคืน ผ่านผันมานานนับสามเดือน ที่ฮ่องเต้เสด็จมาประทับพระตำหนักเล็กฝั่งซ้าย
พระองค์ไม่ปรารถนาพลิกป้ายไปที่ตำหนักของพระสนมและพระชายาคนใด เพราะไม่ต้องการให้สนมรักหมิงไป่ลู่ต้องเสียใจนั่นเอง อ้อมพระพาหานี้ จึงกกกอดแม่ยอดดวงใจคนนี้แนบแน่นทุกค่ำคืน
ที่ตำหนักหนักในฝั่งซ้าย ของเจียงกุ้ยเฟย
เพล้ง !
โครม !
“กุ้ยเฟยพะย่ะค่ะ โปรดระงับอารมณ์ด้วยเถิด ถ้าหากมีผู้ใดได้ยิน กุ้ยเฟยจะเดือดร้อนได้” ซวนซูขันทีของเจียงกุ้ยเฟยเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย
“ข้าเกลียดมันยิ่งนัก” กุ้ยเฟยผู้สูงศักดิ์เอ่ย ดวงตาแดงก่ำ พระนางเคียดแค้นพระสนมหมิงสุดหัวใจ และลามไปถึงท่านราชครูหมิงลี่ฉู ที่ส่งบุตรสาวมาสมัครเป็นพระสนม หากไม่มีมัน ฮ่องเต้คงไม่ทอดทิ้งพระนางแน่
“ข้าเกลียด ข้าแค้น ข้าอยากฆ่ามันนัก ! นับเข้าสามเดือนแล้วที่ฮ่องเต้ไม่เสด็จมาหาข้า พระองค์ทรงขลุกอยู่แต่กับมัน ข้าเกลียดแสนเกลียด อยากจะฆ่ามันให้ตายเหลือเกิน” สตรีผู้สูงศักดิ์เอ่ยอย่างเคียดแค้นและชิงชังต่อพระสนมคนใหม่ ที่ได้ครอบครองมังกรสวรรค์ แต่พระนางกลับได้แท่งหยกของบุรุษแปลกหน้าทุกค่ำคืนแทน
แม้จะอร่อย แต่นางไม่อาจมีมังกรสวรรค์ให้ฮ่องเต้นี่สิ คิดแล้วความเกลียดชิงชังมันก็เริ่มทำงานอีกครั้ง
“กุ้ยเฟยพะย่ะค่ะ” ท่ามกลางความตกใจของซวนซู ที่ถึงกับครางออกมาแผ่วเบา
เขากลัวเหลือเกินว่า พรุ่งนี้หัวของตนจะหลุดออกจากคอ
เหตุใดผู้เป็นนายถึงระงับอารมณ์ร้ายกาจเช่นนี้ไม่ได้นะ เขาหัวใจจะวาย เกรงเหลือเกิน ว่านับจากนี้จะไม่ได้อยู่ดีกินดีเช่นนี้อีกแล้ว
ยามราตรีกาลที่ดึกสงัด
ในพระราชวังด้านในฝั่งขวา ที่ตำหนักเสียนเฟย
“จะ เจ้า เจ้าอีกแล้วนะปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” เสียนเฟยครางลั่นพระตำหนัก ในขณะที่เหล่าขันทีและนางกำนัลต่างหลับไหลไม่รู้สติ
คงมีแต่ร่างสูงใหญ่ที่กระแทกกระทั้นส่งแท่งทวนใหญ่เข้าช่องทางสวรรค์อันเปียกแฉะของเสียนเฟยอย่างเมามัน
ตั่บ ตั่บ
“อะ อ่าส์ จะ เจ้า อ๊าส์”
อีกหลายพระตำหนัก ก็มีแท่งเอ็นร้อนจัดบุกทะลวงช่องแคบ เต๋อเฟย กุ้ยเฟย ซูเฟย รวมทั้งฮองเฮา นางหงส์คู่บารมี เสียงครวญครางของนางผู้สูงศักดิ์ต่างดังก้องทั่วตำหนักใน ทว่ากลับไม่มีผู้ใดได้ยืน หรือยื่นมือเข้าไปช่วย เนื่องจากถูกมนต์ลวงใจให้ไม่ได้ยินเสียงอันใดแม้แต่น้อย จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนดไว้แล้ว
“อื้อ ระ แรง ๆ อ่าส์” เสียงที่แว่วหวานของพระนางเร่งเร้ามีหรือที่บุรุษร่างใหญ่จะไม่สนองให้
เมื่อส่งความดำยาวใหญ่ทะลุทะลวง จากที่ดิ้นรนไม่ยินยอม แต่ในครานี้สตรีผู้สูงศักดิ์กลับแอ่นกายงามเด่น
ให้ร่างหนาดำมะเมื่อมส่งแท่งหยกเข้า-ออกช่องสวรรค์ของพระนางด้วยความกระสันเสียว พระนางทั้งห้าต่างครางอย่างเสียวซ่าน แอ่นอกอวบอิ่มให้ร่างสูงลึกลับแม้แต่ใบหน้าก็ไม่เห็น ขยี้ขยำหน้าอกอวบอย่างหิวโหยและเต็มใจ
ตลอดทั้งราตรีที่ยาวนานนี้ พระตำหนักทั้งห้า ต่างรองรับบุรุษแปลกหน้าภายใต้หน้ากาก ต่างสลับหมุนเวียนอัดแท่งยักษ์เข้ารูสวาทอย่างเมามัน
ที่ตำหนักเล็กฝั่งซ้ายของพระสนมหมิงไป่ลู่
พระสนมนั่งอ่านหนังสืออย่างเงียบ ๆ ขันทีคนสนิทก็เข้ามารายงาน
“พระสนม มีนางกำนัลของกุ้ยเฟยนำเทียบเชิญมาให้พระสนมเจ้าค่ะ” ขันทีฟงเหอรายงานให้พระสนมฟัง
“กุ้ยเฟย ?” หมิงไป่ลู่เสียวต้นคอวูบวาบ มาเชิญไปดื่มน้ำชา หรือต้องการอันใดกันแน่ คิดว่านางโง่หรืออย่างไร
“เจ้าค่ะ นางกำนัลของกุ้ยเฟยนำเทียบเชิญมาแจ้งแก่ข้าว่า กุ้ยเฟยอยากเสวยชา ชมดอกอิงฮวาที่สวนส่วนพระองค์ จึงให้นางกำนัลมาเทียบเชิญพระสนม”
“… ข้าไม่อยากไปเลย…ฟงเหอ แต่ข้าก็แค่พระสนม ไยจะกล้าขัดถ้ากุ้ยเฟยสั่ง” พระสนมงอแงไม่อยากไป ขันทีคนสนิทรับรู้ความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี
“ถูกแล้วขอรับ” ก้มหน้าตอบกลับ อย่างไม่รู้จะเอ่ยอันใดมากไปกว่านี้
“เฮ้อ ช่างเถอะ” ลุกขึ้นก่อนจะหันหน้ามาหานางกำนัล
“พวกเจ้ามาแต่งกายให้ข้าเถิด ข้าจะไปตามที่กุ้ยเฟยเทียบเชิญ อ้อ เจ้า ไคเฟ่อ เจ้าไปแจ้งให้ฝ่าบาททรงทราบด้วย” พระสนมบอกเหล่านางกำนัล
“เจ้าค่ะ พระสนม” ขันทีและนางกำนัลรีบจัดการแต่งเนื้อแต่งตัวให้พระสนมตามหน้าที่ของตนอย่างรวดเร็ว
พระตำหนักของเจียงกุ้ยเฟย
เนื่องจากวันนี้ พระชายาเอก เจียงกุ้ยเฟยจัดการดื่มชาชมดอกอิงฮวาที่กำลังชูช่อสวยงาม ในสวนส่วนพระองค์ ศาลากลางสวนดอกไม้หลากหลายชนิด จึงมีเหล่าพระชายาลำดับต่าง ๆ มาชมสวนด้วย โดยเฉพาะ ซูเฟย เสียนเฟย เต๋อเฟย ไหนจะเหล่าขันทีและนางกำนัลอีก
ศาลาชมดอกอิงฮวาที่กว้างขวางจึงแน่นขนัดไปทันตา
พระนางทั้งสี่ต่างประชันกันเต็มที่ อวดความงามและสัดส่วนข่มกันสุดฤทธิ์ ไม่มีผู้ใดแพ้ ไม่มีผู้ใดชนะ หวังเพียงอย่างเดียว นั่นคือการทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ทรงพอพระทัย
อยากเอาใจพระสวามีเผื่อว่า พระองค์จะเมตตาบ้าง
ทว่า ไม่ว่าจะงามสักเพียงใด ผู้ที่หมายตาและหมายใจก็ไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังไม่คิดพลิกป้ายไฟมาพระตำหนักของตนเลย
ทิ้งให้สตรีผู้สูงศักดิ์เงียบเหงา และว้าเหว่ นอนกอดตำแหน่งพระชายาด้วยความเดียวดาย เมื่อหิวโหยหนักเข้า จึงตกลงไปในหลุมกามาอันดำมืด ไม่รู้ตัวเลยว่า บุรุษแปลกหน้าที่ตนเสพสมจนอิ่มแปล้ในทุก ๆ ค่ำคืน ผู้ยิ่งใหญ่ได้จัดมาให้เองกับมือ