บทที่ -๓- พระสนมคนใหม่
“ชู่วววว์ เจ้าอย่ากลัวไปเลย ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะไม่มีผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้ เจ้าเชื่อข้าเถอะนะ เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี ๆ นะไป่ลู่ ว่า ข้านั้นเป็นสามีของเจ้าแล้ว และเจ้าจะเป็นภรรยาของข้าเพียงคนเดียว เจ้าและข้า เราต่างเป็นของกันและกัน ตราบวันที่ลมหายใจของข้าสิ้นสุดลง” จูบกลีบปากงามแผ่วเบามอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับนางอย่างเต็มที่
“…จะ จริงหรือท่าน แล้ว เอ่อ เรื่องพรุ่งนี้ล่ะ ข้าควรทำอย่างไร จะหลบหลีกคงไม่ได้ ข้า…กลัวเหลือเกิน” หมิงไป่ลู่เสียงแหบแห้ง
“คนดี เจ้าอย่ากังวลไปเลยนะ พรุ่งนี้เจ้าก็จะรู้เอง แต่ให้เชื่อใจข้า ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันคือความงดงามที่สุดของเรา และข้านั้นมีความสุขมากไป่ลู่ที่รัก” บอกรักวันละหลายรอบ ใครจะไม่ขัดเขิน
“อื้อ ท่านปล่อยข้าได้แล้ว ข้าง่วง พรุ่งนี้จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อให้ฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นพระสนมนะท่าน” หมิงลู่ไป่เขินจัด รีบเอ่ยเฉไฉ คนตัวโตนึกขึ้นมาได้ จึงถอนกายแกร่งออกจากช่องทางสวรรค์ของนาง
พล่อก !
“อะ ซี้ดด” ว่าที่พระสนมคราง บุรุษปริศนาดวงตาพราวระยับด้วยความชอบใจ
“หึหึ… พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะสนมรัก คืนนี้ฝันดีล่ะ อย่าลืมฝันถึงข้าด้วย” จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ทั้งของตนและของคนตัวหอม ก่อนจะลุกขึ้นได้ทำการจูบแก้มนวลอีกครั้ง ไล่มาบดคลึงกลีบปากนุ่มอีกรอบ
จากนั้นหยิบผ้าห่มมาคลุมกายเนียน สะบัดมือทีเดียวไฟก็ดับลงจนมืดสนิท เห็นเพียงแสงจากเยว่เลี่ยงที่ลอดผ่านช่องหน้าต่าง ชายหนุ่มปริศนามองหน้าคนเป็นเมียหมาด ๆ ด้วยดวงตาหมายมาด ตัดสินใจเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้คนงามหลับพักผ่อนต่อไป
หมิงไป่ลู่มองตามแล้วรีบหลับตา แต่พอนึกขึ้นมาได้ก็หันไปมองเหล่าพระสนมที่นอนเตียงถัดไปอย่างมึนงง เสียงตนครางดังขนาดนี้ยังไม่ตื่นอีกหรือ เหตุใดหลับลึกได้ถึงเพียงนี้นะแต่ช่างเถอะ คืนนี้นางอ่อนเพลียเหลือเกิน ง่วง ขอหลับก่อนแล้วกัน เปลือกตาคู่งามก็ปรือลง เพียงไม่ถึงสามลมหายใจเข้า นางก็หลับไหลไปในที่สุด
ฝั่งคนที่จากมา
หลังจากมาถึงพระตำหนักส่วนพระองค์แล้ว ชายปริศนาก็หันมาหาเหล่าราชองครักษ์ของตน แล้วเอ่ยออกมา
“พวกเจ้าไปเถิด เจิ้นถึงห้องบรรทมแล้ว จัดการตามที่เคย แต่ระวังตัวเอาไว้ ทั้ง ฮองเฮา กุ้ยเฟย ซูเฟย เต๋อเฟย และเสียนเฟย ต่างเป็นสตรีที่มีพิษร้าย จงอย่าหลงมัวเมากับนาง เมื่อพวกเจ้าเสพสมเรียบร้อย ค่อยมาเปลี่ยนเวรกัน” บอกองครักษ์เสียงเย็นเฉียบ
“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” องครักษ์ห้านายหายวับไปในทันที เหลือองครักษ์เพียงสองนายและผู้ที่อยู่ในเงามืด เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับผู้เป็นนายเหนือหัว ทุกคนต่างถวายตัวเพื่อผู้เป็นเจ้าชีวิต
ชายที่พร่าพรหมจรรย์หมิงไป่ลู่ไม่ใช่ชายพเนจรหมอนหมิ่น ทว่าเป็นถึงผู้ครองแคว้นอวี๋ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร พระนามก้องแผ่นดิน อวี๋ตี้เฟิ่ง หรือฮ่องเต้ของเหล่าไพร่ฟ้าราษฎรนี่เอง
“พรุ่งนี้ เราจะได้เจอกันอีกแล้วนะ ไป่ลู่ พระสนมของข้า” พักตร์เข้มเป็นนิตย์กลับอ่อนโยนลงสามส่วน ราชองครักษ์ต่างฉงนใจนัก ไยเจ้าชีวิตถึงดูมีความสุขนักเล่า
ในฤดูหนาวของเช้าวันนี้ ได้มีการแต่งตั้งสนมคนใหม่สิบนาง บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น และหมิงไป่ลู่ก็ได้รู้แล้วว่าบุรุษปริศนาผู้ได้ชิมพรหมจรรย์ของตนนั้นเป็นใคร ถึงว่า ไม่ให้นางนั้นหวาดกลัวต่อสิ่งใด เพราะเหตุนี้เองสินะ ช่างร้ายจริง ๆ ฮ่องเต้นะอ่องเต้
อวี๋ตี้เฟิ่งเป็นฮ่องเต้ของแคว้นอวี๋ ทรงปกครองแคว้นมาได้สิบสองปีกว่า ไพร่ฟ้าราษฎรต่างอยู่เย็นเป็นสุข บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองด้วยพระบารมีและพระปรีชาโดยแท้
ท่านราชครูหมิงลี่ฉู เห็นว่าบุตรีเพียงคนเดียวของท่านดูอิ่มเอิบก็ดีใจ และมั่นใจว่า คนผู้นั้นคงแอบกินลูกสาวของท่านแล้วล่ะ คงหมดห่วงสักที แม้จะไม่ถูกครรลองคองธรรม แต่อย่างใดคนผู้นั้นก็รักบุตรสาวของท่านจริง ไม่มีวันทอดทิ้งอย่างแน่นอน ท่านมั่นใจ
ท่านราชครูหมิงส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ พลางถอนหายใจด้วยความอิดหนาระอาใจที่มีต่อคนมากบารมี แต่ดวงตาอ่อนล้าตามวัยใกล้ฝั่งกลับฉายชัดถึงความสุข เมื่อบุตรีเพียงคนเดียว เป็นฝั่งเป็นฝา และมีวาสนาเป็นถึงพระสนมของผู้เกรียงไกร
หน้าที่ของบิดาจึงมีเพียงเท่านี้ ตนนั้นนำบุตรสาวมาส่งให้ถึงที่แล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อนของตนจริง ๆ เสียที
“ฮ่องเต้เสด็จ” สิ้นเสียงลากยาวการขานนามของนายทหารหน้าทวารท้องพระโรงดังขึ้น ทุกคนสะบัดชายเสื้อดังพรึบพรับแล้วคุกเข่าก้มหน้า เตรียมถวายพระพรผู้เป็นนายเหนือหัว ที่กำลังก้าวมาด้านในอย่างองอาจและห้าวหาญ สมกับเป็นโอรสสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่เหนือใต้หล้า
ชายฉลองพระองค์มีสีฟ้าอ่อนขลิบทอง มีผ้าคลุมสีทองปักลวดลายมังกรตัวใหญ่ ผ้าคลุมฉลองพระองค์นั้นสะบัดไปมาตามการเยื้องย่าง ยามพระองค์ก้าวพระบาทเข้ามานั้นช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก
ด้วยความที่โอรสสวรรค์นั้นเป็นดั่งพระอาทิตย์อันร้อนแรง บรรยากาศแห่งความยิ่งใหญ่นั้นได้กดทับทุกคนในท้องพระโรง จนแทบหายใจไม่ออก การเสด็จมาของฮ่องเต้เหมือนกับการแผ่ขยายอำนาจของพระองค์ให้ขจรขจายไปไกลทั่วหล้า ยากที่แคว้นใดจะมาต่อกร
ผู้เป็นใหญ่เหนือแผ่นดินเสด็จมาพร้อมกับเหล่าราชองครักษ์ทั้งเจ็ด เพื่อคุ้มครองปกป้องให้เจ้าเหนือหัวทรงปลอดภัย เมื่อประทับที่พระราชบัลลังก์สีทองเปล่งปลั่งตัวใหญ่แล้ว ทรงกวาดพระเนตรคมดุไปทั่วทุกผู้คน เห็นว่าคนที่อยากพบเจออยู่ทางด้านฝั่งซ้ายของพระหัตถ์ มุมพระโอษฐ์จึงยกขึ้น ยิ้มบางเบาด้วยความชื่นในหฤทัย
“ถวายพระพรฮ่องเต้ ขอทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่น ๆ ปี” เสียงถวายพระพรแซ่ซ้องไปทั่วท้องพระโรง หมิงไป่ลู่และว่าที่พระสนมทั้งสิบถวายพระพรฮ่องเต้ตามธรรมเนียม ร่วมกับเหล่าขุนนางราชสำนักทุกคน
“ขอบใจทุกท่าน พวกท่านลุกขึ้นเถิด เจิ้นนั้นมีราชกิจมากมายนักที่จะต้องจัดการ จะชักช้ามิได้ ประชาชนที่เดือดร้อนรอการช่วยเหลืออยู่” ฮ่องเต้ตรัส หมิงไป่ลู่ชะงัก เมื่อสุรเสียงของผู้เป็นใหญ่ช่างคุ้นหูยิ่งนัก เมื่ออดรนทนไม่ได้ จึงทำการฝ่าฝืนกฎด้วยการเงยหน้าขึ้นมา แล้วต้องชะงักอยู่กับที่
บุคคลร่างสูงใหญ่ นั่งบนบัลลังก์ทองช่างสง่างาม น่าเกรงขาม เหมือนเทพบุตรบนสรวงสวรรค์ก็มิปาน
แต่เหนืออื่นใด ชายคนเมื่อคืนกลับกลายมาเป็นชายผู้เกรียงไกรไปซะแล้ว เห็นเช่นนี้ หัวใจของผู้เสียพรหมจรรย์หมาด ๆ เป็นต้องเต้นรัวเร็ว ใบหน้างามแต่งแต้มมาเป็นอย่างดี คราวนี้แดงระเรื่อ ลามไปถึงใบหูเล็ก คนตัวโตที่มองดูอยู่จึงอมยิ้มชอบใจ
“…..” เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ หมิงไป่ลู่ต้องรีบก้มหน้าตามเดิม ทั้งที่หัวใจยังคงกระหน่ำโครมคราม
‘ฮึ ฮึ น่ารักนัก ไป่ลู่’ เห็นความน่ารักของคนตัวน้อย ก็ให้พอพระทัยยิ่งนัก
“ขอบพระทัยฮ่องเต้พะย่ะค่ะ” ทุกคนลุกขึ้นเป็นที่เรียบร้อย แต่ยังคงก้มหน้าอยู่
“เจิ้นนั้นโชคดี ที่ขุนนางของเจิ้นเก่ง และซื่อสัตย์ ขยันทำงานเพื่อราษฎรได้อยู่ดีกินดี เจิ้นขอบใจพวกท่านยิ่งนัก หวังว่าพวกท่านจะตั้งใจทำงานต่อไปนะ เพื่อบ้านเมืองของพวกเราทุกคนให้เจริญมั่งคั่ง” ฮ่องเต้ทรงตรัสชมเชยขุนนางในราชสำนัก ขุนนางที่ได้รับคำชม ต่างก็หน้าบานไปตาม ๆ กัน
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”
“ก่อนจะทำราชกิจ เจิ้นขอแต่งตั้งพระสนมทั้งสิบตามที่พวกท่านคัดเลือกมา สนมนางในที่จะได้รับการแต่งตั้ง ให้ก้าวมาตรงหน้าเถิด” ฮ่องเต้ทรงบัญชา
ว่าที่พระสนมทั้งสิบ ต่างก้าวไปตรงด้านหน้าของพระพักตร์ของโอรสสวรรค์ ด้วยความเกรงในความยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงทอดพระเนตรไปยังพระสนมทุกคน แล้วสายพระเนตรก็ไปหยุดอยู่ที่บุตรีของท่านราชครูหมิงลี่ฉู นามหมิงไป่ลู่
พระเนตรคมดุจเหยี่ยวทำการจับจ้องนางนั้น มีแววหวานและอิ่มเอิบ พระปรางเข้มขึ้นสีเพียงนิด ท่านราชครูเห็นเช่นนั้น จึงส่ายศีรษะเล็กน้อย แต่ก็มีความสุขใจไม่ต่างกัน
จากนั้นการแต่งตั้งอวยยศจึงเริ่มขึ้น เมื่อเสร็จพิธีการ ขันทีประจำตัวพระสนมก็นำพาพระสนมทั้งสิบไปตำหนักใน ที่ได้จัดเตรียมไว้เมื่อหลายราตรีก่อนหน้านี้
“ทูลลาฮ่องเต้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ หมื่นปีหมื่น ๆ ปี” สนมทั้งสิบและขันที กล่าวคำทูลลาพร้อมถวายพระพรกึกก้องท้องพระโรง
ตำหนักเล็กฝั่งซ้าย
พระตำหนักที่หมิงไป่ลู่อยู่ช่างดูร่มรื่นสดชื่นยิ่งนัก มีสวนดอกไม้นานาพันธุ์ชูช่อไสวโต้ลม มองแล้วช่างชื่นตาชื่นใจ
ในบึงก็มีเหลียนฮวาหลากสีสัน มีปลาเล็กปลาใหญ่ กระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำ เพื่อยั่วยวนใจให้นกหลากชนิดน้ำลายหกเล่น สายลมเย็น ๆ ก็นำพาความชื่นใจมาให้ สตรีผู้ได้รับการแต่งตั้งรู้สึกพึงพอใจต่อความงามนี้ที่สุด
พระสนมคนใหม่มองไปด้านหลังตำหนัก ที่ตรงนั้นมีศาลาริมอยู่ บึงเหลียนฮวานั้นมีดอกบัวสีสดกำลังบานชูช่อ ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนลอยมา พาให้ใจคนมองเป็นสุขและผ่อนคลาย ขาเรียวสวยกำลังจะก้าวตรงไปเหล่านางกำนัลก็รีบเข้ามาค้อมกายให้ผู้เป็นนายได้เรียกใช้ทันที
หมิงไป่ลู่มองดูนางกำนัลและขันที ที่ฮ่องเต้ประทานให้ รวมทั้งหมดสามคน ซึ่งตรงใจของสนมคนใหม่ยิ่งนัก จำนวนเท่านี้ก็ดีแล้วไม่วุ่นวายแถมปกครองก็ง่ายแสนง่าย สนมคนงามคิดก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ออกมา
“พระสนมจะไปที่ใดเจ้าคะ” นางกำนัลที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มเอ่ยถามขึ้น
“ข้าจะไปที่ศาลาริมบึงเหลียนฮวา พวกเจ้าจะไปกับข้าหรือไม่” กล่าวจบพระสนมคนงามก็ตรงไปที่บึงบัว
“เดี๋ยวนะขอรับ” ขันทีฟงเอ่ยขัดขึ้น
“…อันใดหรือท่าน” ชะงักกึก
“องค์ฮ่องเต้จะเสด็จมานะขอรับ ตามขนบธรรมเนียม ห้ามเจ้าสาวออกนอกห้องหอ มันจะไม่เป็นมงคล พระสนมโปรดรอฮ่องเต้ที่นี่เถิดขอรับ” ขันทีวัยกลางคนเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ
“…จริงสินะ ข้าลืมคิดไปเลย ขอบใจท่านมาก” ยิ้มอ่อน ๆ ไปให้ นี่ตนลืมไปได้อย่างไรนะ ว่าเพิ่งแต่งงานไปแล้ว
“มิได้ขอรับ…” ขันทีหนุ่มก้มศีรษะลง
หมิงไป่ลู่ก็สาวเท้าเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ เอนกายพิงพนักพลางหลับตา หวนคิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วกายสาวก็เต้น ตุบ ! ตุบ ! ขึ้นมา การเสียพรหมจรรย์ครั้งแรกไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่กลับทำให้นางติดใจมากต่างหาก
สนมคนงามยิ้มอ่อน ๆ อย่างระอาใจ ที่ตนเองนั้นเกิดความกำหนัดได้ทุกเวลาที่คิดถึงเรื่องเมื่อคืน ตอนที่อยู่ในงานพิธีแต่งตั้งสนมใหม่ ตนเองเผลอสบตากับผู้ยิ่งใหญ่ เห็นความอยากและหิวโหยของคนเป็นเจ้าชีวิต ตนก็แฉะเสียแล้ว คนตัวหอมคิดก่อนจะเคลิ้มหลับไป เพราะความเพลียจากกามอารมณ์ ของเมื่อราตรีที่ผ่านมา