คิดอะไรเรื่อยเปื่อย

1521 คำ
พอลที่นั่งเฝ้าเด็กสาวอยู่ด้านข้างเห็นว่าเธอตื่นแล้วจึงขยับเข้าไปใกล้ ๆ แล้วใช้มือแตะหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ เขาพบว่าไข้เธอลดลงแล้ว “เป็นอย่างไรบ้างข้าว” เขาถามเธออย่างห่วงใย “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอตอบและขอบคุณสำหรับการที่เขาดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี “ดีแล้ว” หนุ่มใหญ่ว่า ก่อนที่จะมองดูเวลาแล้วเอ่ยต่อ “นี่ก็ใกล้เย็นแล้ว ฉันว่าฉันไปเตรียมอาหารเย็นดีกว่า อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” “ข้าวยังไม่หิวเลยค่ะ” เธอตอบ เพราะแม้ว่าอาการปวดหัวของเธอจะดีขึ้น แต่เธอกลับรู้สึกไม่อยากอาหาร ปากคอของเธอยังขมไปหมด “ไม่ได้หรอก ถึงไม่หิวก็ต้องกิน จะได้กินยา” หนุ่มใหญ่ว่าอีกครา “ก็ได้ค่ะ” เด็กสาวจึงยอมรับเพราะมันเป็นเรื่องจริง กินข้าวกินยาเสียจะได้หายไว ๆ แล้วก็ไม่ต้องทนอุดอู้อยู่แต่ในเตียง “ดีแล้ว” พอลจึงเอ่ยอย่างพอใจแล้วลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู “รอฉันแป๊บนะ” เขาบอกแล้วตั้งท่าจะเดินออกไป แต่เขาเห็นว่าขวัญข้าวกำลังจะลุกจากเตียงจึงถามขึ้น “นั่นเธอกำลังจะไปไหนน่ะข้าว” “ข้าวว่าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะจะได้สดชื่น” เธอตอบ “ไม่ได้ เธอยังไม่หายดีถ้าอาบน้ำเดี๋ยวไข้ก็กลับมาอีกหรอก” พอลเอ่ยห้ามอย่างเป็นห่วงก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เอาอย่างนี้ดีกว่า ให้ฉันเช็ดตัวให้เธอเหมือนอย่างเมื่อเช้าดีกว่า” หนุ่มใหญ่เสนอตัวอย่างใจดีด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง “ไม่เป็นไรค่ะ” เด็กสาวรีบปฏิเสธ เมื่อเช้าใครว่าเธอไม่รู้ตัว เธอรู้ตัวอยู่ตลอดว่าเขาทำอะไรกับร่างกายของเธอบ้าง แต่เธอไร้เรี่ยวแรงที่จะห้ามเขาเท่านั้น ดังนั้นในตอนนี้ที่เธอมีสติสัมปชัญญะเต็มร้อยและเรี่ยวแรงของเธอกลับมาแล้ว เธอจะไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้นอีกเด็ดขาด “ฉันเต็มใจ” เขาดูเหมือนจะไม่ฟังเธอเลย “ข้าวไม่อาบน้ำแล้วก็ได้ค่ะ แต่ข้าวขอเช็ดตัวเอง” เธอบอกไปก็หน้าแดงไป เพราะแววตาที่เขามองมาที่เธอตอนนี้มันช่างร้อนแรงเหลือเกิน “ถ้าเธอต้องการอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้ามีส่วนไหนที่เธอเช็ดไม่ถนัดก็บอกฉันได้ ฉันจะได้ช่วยเธอเช็ดให้สะอาด” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมใช้สายตาสื่อความหมายบางอย่างอย่างเปิดเผยบอกเธอ “คนบ้า” ขวัญข้าวเขินกับประโยคสองแง่สองง่ามของเขาจนต้องต่อว่าเขาแก้เก้อ “เธอกล้าว่าฉันหรือข้าว อยากโดนทำโทษหรือไง” เขารู้แต่ก็แกล้งขู่เธอ “ไม่ค่ะ ข้าวขอโทษ แด๊ดไปทำมื้อเย็นให้ข้าวเถอะนะคะ ข้าวหิวแล้ว” เด็กสาวรีบปฏิเสธ แล้วเปลี่ยนมาออดอ้อนเขาแทน แต่สรรพนามที่เธอใช้เรียกเขามันแปร่งหูคนฟัง “เธอเรียกฉันว่าไงฮึ เธอคงอยากถูกทำโทษจริง ๆ” เขาแกล้งว่าเธออีกครั้ง “ก็มันชินนี่คะ” เธอบอกอย่างแง่งอน แต่พอลกลับแสดงท่าทีไม่ยอมอย่างเห็นได้ชัด “คุณพอลอย่าถือโทษข้าวเลยนะคะ มันชินจริง ๆ นี่นา นะคะ” เธอตัดสินใจใช้มุกอ้อนเผื่อว่ามันจะได้ผล โดยที่เธอไม่รู้หรอกว่าท่าทางและน้ำเสียงที่เหมือนลูกแมวน้อยแบบนี้ทำให้เสือหิวอย่างเขาอยากจะขย้ำเธอนัก แต่เขาก็กักเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ เดี๋ยวเหยื่อตัวน้อยของเขาจะตื่นตกใจไปเสียก่อน “ก็ได้” พอลยอมลงให้เธอแต่โดยดี จากนั้นเขาก็ลงไปเตรียมมื้อเย็นสำหรับเธอและเขา ปล่อยให้เธอได้มีเวลากับตัวเองบ้าง พอบิดาของเพื่อนออกไปแล้ว ขวัญข้าวก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อย ใจจริงเธออยากจะลุกไปอาบน้ำ เธอเป็นคนที่นอนไม่ได้และรู้สึกไม่สบายตัวถ้าไม่ได้อาบน้ำ แม้เขาจะเช็ดตัวให้เธอแล้วก็ตามแต่มันก็ยังไม่รู้สึกสดชื่นเหมือนการได้อาบน้ำอยู่ดี แต่ว่าครั้งนี้เธอคงต้องยอมเชื่อฟังเขา เพราะแม้ว่าอาการปวดหัวของเธอจะหายไปแล้ว แต่ว่ากันไว้ดีกว่าแก้ พรุ่งนี้เธอยังต้องไปเรียนอีก ส่วนอาการปวดตรงบริเวณอื่นก็ยังคงหลงเหลืออยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับขยับตัวแทบไม่ได้เหมือนเมื่อเช้าแล้ว เมื่อจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้วขวัญข้าวจึงเดินลงมาชั้นล่างในห้องครัวที่ถูกออกแบบให้มุมหนึ่งเป็นครัวและอีกมุมหนึ่งเป็นมุมรับประทานอาหาร เธอมองภาพาชินตาที่เห็นทุกครั้งเธอมาที่บ้านของ นาตาลี บิดาของเพื่อนกำลังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนยืนขะมักเขม้นทำครัวอยู่ตรงหน้า เธออมยิ้มน้อย ๆ แล้วนึกไปถึงครั้งแรกที่เธอเห็นเขาในภาพลักษณ์แบบนี้ ลักษณะภายนอกของเขาเป็นนักธุรกิจที่ภูมิฐาน แต่งตัวเนี้ยบทุกกระเบียด เขาไม่ได้ดูเป็นคนเจ้าชู้ แต่ด้วยรูปร่างหน้าตากับฐานะทำให้มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาหลงเสน่ห์แห่งบุรุษเพศของเขา หนึ่งในนั้นก็คือเธอเอง... เพียงเห็นเขาครั้งแรกใจเธอก็สั่นไหวให้กับชายหนุ่มรุ่นพ่อ การมาบ้านนาตาลีในครั้งแรกของเธอนั้นทำให้เธอเห็นอีกด้านหนึ่งของเขา เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาและนาตาลีเป็นพ่อลูกที่สนิทกันมาก แต่เวลาพบปะภายนอกแม้ว่าเขาจะดูเอาใจใส่เพื่อนของเธอ แต่มันเทียบไม่ติดกับตอนที่เขาอยู่ที่บ้าน เขาเปลี่ยนมาดจากนักธุรกิจเป็นพ่อบ้านอันแสนอบอุ่นทันที และที่เธอนึกไม่ถึงก็คือการทำอาหาร เขาดูคล่องแคล่วมากและเมื่อเธอได้ชิมอาหารฝีมือของเขาครั้งแรกเธอยอมรับว่ารสชาติของมันอร่อยเหลือเกิน “ลงมาทำไมข้าว ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวฉันยกขึ้นไปให้” พอลรู้ตัวตั้งแต่ที่เด็กสาวเดินเข้ามาแล้ว เขาจึงเอ่ยถามเธอ “ข้าวดีขึ้นแล้วค่ะ อยู่แต่ในห้องทั้งวันน่าเบื่อจะตาย” เธอตอบแล้วย้ายตัวเองมานั่งรอเขาที่โต๊ะอาหาร ใช่แล้วขวัญข้าวไม่คิดที่จะเสนอตัวช่วยเขาเพราะว่าเธอทำอาหารไม่เป็น ปกติแล้วทั้งเธอและนาตาลีจะมีหน้าที่เก็บล้างมากกว่า ส่วนหน้าที่ทำอาหาร ในเมื่อมีเชฟใหญ่อย่างคนตรงหน้าก็ปล่อยให้เขาทำไป ขวัญข้าวนั่งมองพอลทำอาหารไปเรื่อย ๆ เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่นและเอาใจใส่ ให้ตายเถอะ! ความมีเสน่ห์นี้มันกลบเรื่องอายุของเขาไปหมดเลย เธอเผลอนั่งคำนวณอายุของเขาและเธอคร่าว ๆ ซึ่งปรากฏว่าห่างกันถึงยี่สิบกว่าปี ปีนี้ขวัญข้าวอายุยี่สิบสอง ส่วนบิดาของเพื่อนนั้นเธอไม่แน่ใจแต่น่าจะประมาณสี่สิบกว่า พอคิดแล้วขวัญข้าวก็ใจหาย ความต่างนี้มันมีมากเหลือเกิน แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอดันไปตกหลุมรักหนุ่มใหญ่เข้าให้แล้ว พอลที่ทำอาหารเสร็จแล้วได้ยกอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะ เห็นเด็กสาวทำท่าครุ่นคิดและถอนหายใจจึงเอ่ยถามขึ้น “เป็นอะไรไปหรือข้าว” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ขวัญข้าวเอ่ยตอบแบบกลาง ๆ แต่บิดาของเพื่อนก็ไม่ยอม ปล่อยผ่าน “คิดอะไรเรื่อยเปื่อยแต่ก็คิด ฉันเห็นนะเธอมองฉันแล้วถอนหายใจ” เขาทั้งอยากรู้และกังวล “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ขวัญข้าวเอ่ยปัด “จะไม่มีอะไรได้ยังไง” พอลแย้ง ถึงอย่างไรเขาต้องเค้นคำตอบจากเธอให้ได้ พอลพาตัวเองมายืนตรงหน้าเด็กสาว ด้วยความที่เป็นฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้ใบหน้าของขวัญข้าวจึงอยู่ที่ระดับเอวสอบของเขาพอดิบพอดี ขวัญข้าวรู้สึกตกใจและใบหน้าเริ่มขึ้นสีเรื่อเมื่อเธอสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างเป็นแนวลำภายใต้กางเกงผ้าเนื้อดีเบื้องหน้า เธอจึงรีบก้มหน้าลง แต่พอลก็ขยับเข้าไปใกล้เธออีก เธอไม่รู้ว่าเขาจงใจหรือไม่ แต่ที่รู้ ๆ คือเธอได้กลิ่นอายแห่งความเป็นบุรุษเพศของเขาอย่างชัดเจน มันทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอสั่นไหวเต้นระรัว และยังเหมือนกับว่าจะรู้สึกหวิว ๆ ตรงบริเวณนั้นด้วย “บอกฉันมาซิขวัญข้าว” เขาพูดแล้วเชยคางเธอขึ้นมา ขวัญข้าวพยามไม่มองสิ่งที่จดจ่ออยู่ตรงหน้า ที่ดูเหมือนมันกำลัง ชี้ขึ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม