“เอ่อ...ข้าว...”
ตอนนี้ขวัญข้าวคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น หัวใจเธอกำลังเต้นอย่างรุนแรง สมองของเธอเหมือนกับหยุดทำงานเอาเสียดื้อ ๆ เธอพยายามที่จะบังคับไม่ให้สายตาจ้องไปยังบางสิ่งตรงหน้า
“หือ...ว่ายังไง” พอลเร่ง
“ข้าวแค่คิดถึงเรื่องอายุของเรา” สุดท้ายเธอจึงเอ่ยออกไป
พอลขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง เขารู้ว่าตนเองเป็นคนเพอร์เฟกต์ในทุก ๆ เรื่อง และเขาก็รู้ตัวว่ามีผู้หญิงหลายคนหลงเสน่ห์ของเขา เขาไม่เคยคำนึงถึงเรื่องอายุเลยถ้าเพียงแต่เขาจะต้องตาต้องใจหนึ่งในบรรดาผู้หญิงเหล่านั้น แต่สำหรับเด็กสาวตรงหน้า สาวน้อยรุ่นลูก ความกังวลเดียวของเขาคือเรื่องอายุนั่นเอง
“เธอนึกเสียใจหรือที่ต้องตกเป็นของคนแก่คราวพ่อ” พูดเองก็เจ็บเองเพราะมันแทงใจดำ
ส่วนขวัญข้าวพอได้ยินดังนั้นจึงรีบเอ่ยปฏิเสธ “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”
“ข้าวไม่ต้องปฏิเสธหรอก ฉันเข้าใจ” พอลเอ่ยแต่น้ำเสียงติดแววตัดพ้อ
“โธ่แด๊ดคะ แด๊ดนั่นแหละที่จะเบื่อเด็กอย่างข้าว”
เธอเป็นฝ่ายตัดพ้อเขาบ้าง ก็เขาน่ะมีผู้หญิงไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แล้วยิ่งเด็ก ๆ ที่บางครั้งเอาแต่ใจอย่างเธอด้วยแล้วเขาอาจเบื่อเธอได้ง่าย ๆ
“ฉันน่ะหรือจะเบื่อเธอ แต่เธอลืมไปแล้วหรือว่าเธอต้องเรียกฉันว่าอะไร” เขาไม่โกรธที่เธอตัดพ้อเขา เพราะการตัดพ้อของเธอในลักษณะนี้แสดงว่าเธอเองมีใจให้เขา แต่คำสรรพนามที่เธอใช้เรียกเขานั่นแหละ เขาไม่ได้เป็นพ่อเธอเสียหน่อย
“มันชินนี่คะ ให้ข้าวเรียกเหมือนเดิมเถอะค่ะ ข้าวเรียกอย่างนี้มาตั้งนาน อยู่ ๆ จะให้เปลี่ยนมันก็ต้องลืมตัวกันบ้าง” หญิงสาวบอก
“แต่ฉันชอบให้เธอเรียกชื่อฉันเหมือนตอนที่เรารักกัน มันทำให้ฉันมีอารมณ์และอยากรักเธอมากขึ้นกว่าเดิม” เขาพูดออกมาแถมยังจ้องเธอราวกับจะกลืนกิน
แน่นอนประโยคที่สื่อความอย่างโจ่งแจ้งทำให้ใบหน้าของขวัญข้าวที่เห่อร้อนอยู่แล้วยิ่งแดงแจ๋เข้าไปอีก
“แด๊ดคะข้าวไม่พูดกับแด๊ดแล้ว” เธอแสร้งงอนเขาแก้เขินแต่ก็ยังไม่วายใช้สรรพนามตามความเคยชิน
“สงสัยเธอคงอยากให้ฉันทำโทษเธอจริง ๆ” พอลเอ่ยและโน้มตัวลงประกบปิดริมฝีปากเย้ายวนตรงหน้า
เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าหากันก็เหมือนมีประกายไฟบางอย่างแล่นปลาบไปทั่วร่าง มันเป็นแรงดึงดูดระหว่างคนสองคน
ขวัญข้าวที่ไม่ค่อยประสาแต่ก็ตอบสนองจูบของหนุ่มใหญ่คราวพ่อได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทุกอย่างมันเป็นไปตามความต้องการของหัวใจ สองลิ้นเกี่ยวพันรัดรึงกันไปมา จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สักพักพอลจึงถอนจูบออกมาอย่างแสนเสียดาย ขวัญข้าวจึงรีบสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่ เพราะจูบเมื่อสักครู่นั้นร้อนแรงจนเธอแทบหายใจไม่ทัน
“เธอยังจะเรียกฉันว่าแด๊ดอยู่มั้ยข้าว” พอลเอ่ยถาม
“ข้าวขอเถอะนะคะ ข้าวชินแล้วจริง ๆ”
ขวัญข้าวต่อรอง เพราะเธอรู้ว่าถึงตอนนี้เธอจะเรียกชื่อเขา แต่ในครั้งหน้าเธอจะต้องเพราะเรียกเขาเหมือนเดิมอีกแน่ ๆ และถ้าเธอเรียกอีกคงนี้ไม่พ้นการทำโทษแบบเมื่อครู่ เพราะเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้เพียงแค่ขู่ แต่เขาทำจริง
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังนิ่ง ขวัญข้าวจึงขอร้องเขา “นะคะ เรื่องแค่นี้เอง ข้าวขอได้มั้ยคะ”
ขวัญข้าวเรียกร้องด้วยความน่าสงสารและเพิ่มเติมด้วยการช้อนสายตามองเขาอย่างออดอ้อนแล้วทำตาปริบ ๆ จนทำให้หนุ่มใหญ่หลุดหัวเราะ
เธอน่ารัก...เขาคิดอย่างนั้น ในเมื่อเธอทำถึงขนาดนี้แล้วเขาคงต้องยอมตามใจเธอ มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร และเขาก็แพ้ทางเธออีกแล้ว
“ก็ได้” เขาเอ่ยตกลงในที่สุด
จากนั้นเขาจึงพาตัวเองมานั่งที่เก้าอี้ด้านข้างของเธอ
“กับข้าวเย็นหมดแล้ว กินข้าวกันเถอะ” เขาเอ่ย
“ก็เพราะใครล่ะคะ” ขวัญข้าวเอ่ยแล้วแกล้งค้อนเขานิด ๆ
“เพราะเธอ” พอลว่าพร้อมกับตักข้าวต้มใส่ถ้วยให้เธอ
“ข้าวไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย” เด็กสาวแย้ง
“เธอทำ” เขายืนยัน
“ถ้าอย่างนั้นข้าวทำอะไรคะ” เธอถามออกไปด้วยความสงสัย
“เธอทำให้ฉันอยากกินเธอมากกว่าข้าวที่อยู่ในจานนี่” เขาเอ่ยอย่างหน้าตายแต่กลับปรากฏประกายตาลึกล้ำในสายตา
“แด๊ดหื่นจัง” ขวัญข้าวว่าทั้ง ๆ ที่เขินกับคำพูดตรง ๆ ของเขาอีกแล้ว
เธอไม่เคยเห็นด้านนี้ของเขามาก่อน ปกติก่อนหน้านี้เขาจะวางตัวดีมาตลอด ไม่แม้แต่จะพูดจาในเชิงชู้สาวกับเธอ หรือกระทั่งสายตาเจ้าชู้แบบที่เวลาเจอผู้หญิงสวย ๆ มองก็ไม่เคยได้เห็นจนเธอได้แต่แอบรักเขาในใจและเกือบจะถอดใจอยู่รอมร่อ
“ฉันหื่นกับเธอคนเดียวนะข้าว แล้วก็ลงมือกินได้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะต้องกินข้าวตรงหน้านี้ก่อนแน่ ๆ” พอลว่าพร้อมจ่อช้อนข้าวต้มที่เขาเป่าจนอุ่นแล้วไปที่ปากของเธอ
ขวัญข้าวมองหน้าเขาแล้วเปิดปากรับแต่โดยดี อาหารมื้อนี้ที่เขาทำให้เธอคือข้าวต้มปลา เนื้อปลากระพงสดหวานกับน้ำซุปรสกลมกล่อมแถมเขายังโรยด้วยกระเทียมเจียวทำให้รสชาติของข้าวต้มนี้ชวนทานยิ่งขึ้นไปอีก
“แด๊ดทำอาหารอร่อยจังเลยค่ะ” เธอเอ่ยชมเขาอย่างไม่ปิดบัง
“ถ้าอร่อยก็กินให้หมด” เขาว่า แล้วก็ตักคำต่อ ๆ ไปส่งให้เธอ
ถึงปาก
“แด๊ดไม่กินหรือคะ ดูสิแด๊ดลำเอียง ของตัวเองมีแต่กับข้าวน่ากินทั้งนั้นแต่ให้ข้าวกินแค่ข้าวต้ม” เธอว่าเขาเพราะเธอเห็นว่าสำรับของพอลนั้นมีทั้งไก่ผัดพริกขิง แกงเขียวหวาน และผัดฉ่าทะเล
“เธอน่ะกินอาหารอ่อน ๆ ไปก่อน ส่วนกับข้าวพวกนี้ฉันซื้อมาจากร้านข้าวแกงตั้งแต่เช้า ฉันอยากให้เธอกินของที่ปรุงใหม่ ๆ มากกว่า” พอลเอ่ยอธิบายให้เธอฟัง ในคำอธิบายนั้นแสดงออกถึงความเอาใจใส่เธออย่างเห็นได้ชัด
“ค่ะ แต่แด๊ดก็กินของตัวเองบ้างสิคะ ข้าวกินเองได้” เธอห่วงและเกรงใจเขา แม้ว่าเธอจะชอบให้เขาเอาใจแบบนี้ก็เถอะ
มันเกินคาดมากที่เธอได้มีช่วงเวลาแบบนี้กับคนที่เธอเคยแอบรัก และเหลือเชื่อยิ่งกว่าที่ว่าเขาเองก็มีใจให้เธอเช่นกัน นึกแล้วความสุขก็อาบล้นจะเธอเผลอยิ้มออกมา
“ฉันป้อนเธอไม่ดีหรือ” เขาย้อนถามแต่ก็ยังตักข้าวต้มป้อนเธออีก
“กินพร้อม ๆ กันดีกว่าค่ะ” เธอจงใจตอบไม่ตรงคำถาม เพราะเธอรู้สึกดีเหลือเกินกับความอ่อนโยนของเขาในตอนป้อนข้าวเธอแบบนี้ แต่เธอเขินนะ มุมนี้ของเขาช่างอ่อนโยนจนใจเธอแทบจะละลายอยู่แล้ว
“เอาอย่างนั้นก็ได้” พอลยอมตามแต่โดยดีเพราะเห็นว่าเด็กสาวกินไปได้มากพอสมควร และดูเหมือนเธอจะชอบข้าวต้มที่เขาทำให้
หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้วขวัญข้าวตั้งท่าจะทำหน้าที่ประจำของเธอคือการเก็บล้างแต่พอลหยุดเธอไว้ก่อน
“เธอนั่งลงเถอะข้าวเดี๋ยวฉันทำเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะนี่มันหน้าที่ข้าว” เธอว่า
“แต่เธอไม่สบายอยู่ เธอยังมีเวลาทำหน้าที่นี้อีกทั้งชีวิต”
เขาเอ่ยประโยคธรรมดาแต่ความหมายไม่ธรรมดา เพราะประโยคนี้มันอุ่นวาบเข้าไปในใจของขวัญข้าว
เธอมองหน้าเขาทันที และสายตาของเขานั้นเหมือนเป็นเครื่องยืนยันคำพูดของเขาเพราะมันแน่วแน่จริงจัง