"อย่าลืมที่พี่บอกนะ ห้ามลุกไปไหน พวกท่านจะเดินดูแค่ห้าไลน์ตัวอย่างเท่านั้น จะมาอาทิตย์ล่ะครั้งหรือสองครั้ง แล้วแต่งานเร่งไม่เร่ง พวกนั้นวางได้แล้วแป้งกับลิปสติกนะสวยแล้ว" มนเดินมาเตือนกลุ่มของผ่องอำไพ เพราะว่าเธอเป็นเด็กใหม่
สักพักทีมผู้บริหารก็เริ่มเดินมาจากไลน์ที่ 1 ก่อนเพราะใกล้สุด และก็ดูการเย็บการหยิบการส่งผ้า ภูสิษฐ์เริ่มดัดแปลงให้ทันสมัย จะได้ง่ายในการส่งผ้าไปอีกเครื่อง
เวลาคนแรกเริ่มเย็บจุดแรกก็จะเป็นไลน์แบบเลื่อนได้มีไม้หนีบ เย็บเสร็จก็หนีบใส่ไม้ มันก็จะเลื่อนไปจักรเครื่องต่อไป ตรงหนีบก็จะสูง ๆหน่อยแต่ใช้มือเอื้อมถึงไม่ต้องเสียเวลาลุกขึ้นยืน เครื่องต่อไปก็เอาออกจากไม้มาเย็บขั้นตอนที่สองแล้วก็หนีบใส่ไม้ แล้วก็จะเลื่อนไปขั้นตอนที่สามที่สี่ แบบนี้จนไปถึงแผนก ตัดขี้ดาย แล้วก็ต่อไปยังแผนก QC ให้ตรวจวัดว่าผ่านไหม
ถ้าไม่ผ่านก็จะตีกลับมาให้แก้ก่อน แต่ถ้าผ่านก็จะต่อที่แผนกรีด และก็แพ็คใส่ถุงให้เรียบร้อย
ทั้งหมดนี้อยู่ที่ไลน์เดียว แต่จะเริ่มที่แผนกเย็บก่อนเลย
และแผนกตัดผ้าจะมีโรงเฉพาะของมันเองตัดทีละเยอะๆแล้วก็ส่งมาตามไลน์ผลิต
"สวัสดีค่ะพี่ภู" พอเฟสเห็นภูสิษฐ์เดินมาเธอก็รีบเดินเข้าไปทัก เฟสเป็นญาติห่างห่างของทางน้าเขยเขา
ญาติอีกคนก็คือลูกสาวของน้าสาวเขา คนนี้เธอจะทำตำแหน่งผู้บริหาร
"อืม ไลน์เราเป็นไงบ้าง" ภูสิษฐ์หันไปพูดกับเฟส
"ปล่อยได้ตามเป้าเลยค่ะ" แต่เฟสไม่ได้ต้องการเป็นแค่ญาติของเขา
"ผมไปต่อไลน์ 3 ก่อนนะ" แล้วภูสิษฐ์ก็เดินนำหน้าทางทีมงาน
"สวัสดีค่ะท่านประธาน" มน หัวหน้าไลน์ 3 ยืนรอต้อนรับอยู่ด้านหน้าของไลน์
"สามวันนี้เห็นว่าการผลิตของไลน์ 3 ลดลงนะคุณมน ถ้าไม่ทันก็เพิ่มโอทีหน่อยนะ อีกสองวันผมต้องได้เดินทางไปต่างประเทศแล้ว ช่วยเร่งให้ผมหน่อย"
ภูสิษฐ์คุยแต่เขาก็ไม่ได้หยุดเขายังเดินดูงานไปเรื่อย ๆ ทุกคนก็เดินตามหลังเขาไป
ตอนนี้เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าของผ่องอำไพ แล้วก็หยิบงานที่เธอเย็บขึ้นมาดู
"ไสบอกให้เฮ็ดเป็นบ่รู้จัก แล้วมาหยุดอิหยังตรงนี้!!" (ไหนบอกให้ทำเป็นไม่รู้จักกันแล้วมาอยู่ตรงนี้ทำไมวะ) เธอบ่นพึมพำเป็นภาษาบ้านเกิด
"น้ำ!! ต่อหน้าท่านห้ามพูดภาษาอื่นให้พูดภาษากลาง" มนหัวหน้าแผนกตำหนิเธอ
"เมื่อกี้พูดอะไรนะ ชื่อน้ำใช่ไหมเราน่ะ" ที่เขาถามแบบนี้เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไรจริง ๆ อยู่ด้วยกันจนได้เสียกันแต่ก็ไม่รู้ชื่อของเธอ
"ค่ะ น้ำบอกว่า ท่านอย่าหยุดตรงนี้นาน มือมันสั่น" ผ่องอำไพก็เลยแปลภาษาอีสานให้เขาฟัง ถ้ามีแค่เขาคนเดียวเธอก็ไม่กลัวหรอกแต่นี่เล่นมาทั้งขบวน
"น้ำ!!" มนตำหนิผ่องอำไพอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรคุณมน เราไปต่อไลน์อื่นกัน" ภูสิษฐ์ก็เดินนำทีมผู้บริหารออกไป
"น้ำมาคุยกับพี่หน่อย" พอทีมผู้บริหารออกจากไลน์ 3 ไปแล้วมนเดินมาหาผ่องอำไพ
"แกงานเข้าแล้ว ทำไมไม่เย็บเงียบ ๆ วะ" แตงหันไปพูดกับเพื่อนเบา ๆ
แล้วหญิงสาวก็เดินตามหลังมนไป
"ถ้ายังมีครั้งหน้า พี่จะไม่ให้ผ่านการฝึกงาน"
"ค่ะ" เธอก้มหน้าก้มตาแบบสำนึกผิด
แต่ในใจก็นึกโมโหให้ ถ้าเขาไม่เลือกที่จะมาอยู่ตรงหน้าจักรเย็บผ้าของเธอก็คงไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา
..ตอนเย็นที่คอนโด..
"ทำไมต้องมาคอนโดบ่อย ๆ ด้วย กลับไปนอนบ้านตัวเองเลยนะ" พอผ่องอำไพเห็นเขาเปิดประตูห้องเข้ามาเธอก็ไม่พอใจ
"ไปอารมณ์เสียมาจากไหน"
"แล้วใครละที่ทำให้ฉันโดนพี่มนด่า ในไลน์นั้นมีคนตั้ง 30-40 คน ทำไมคุณต้องมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉันด้วย เข็มไม่ทิ่มมือก็บุญเท่าไหร่แล้ว"
"ก็แค่สงสัยว่าเธอทำเป็นจริงหรือเปล่า"
"ไม่เป็นแล้วจะไปนั่งตรงนั้นได้ไง เว้าบ่คิด!!" (พูดไม่คิด) ยังมีต่อภาษาบ้านเกิดอีก
จากเป็นคนพูดมาก ตอนนี้เธอไม่ค่อยพูด พูดออกมาแต่ละคำถ้าไม่ดุก็ด่าเขา แต่ภูสิษฐ์กลับชอบแบบนี้ เพราะเขาเพิ่งเคยเจอผู้หญิงอย่างเธอคนแรก
"วันนี้จะกินข้าวด้วยนะ ทำเผื่อด้วย" เขาพูดพร้อมกับเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำออกมาถือไปวางตรงหน้าทีวี แล้วก็นั่งดูทีวีแบบสบายใจ
"ไม่มีเงินซื้อของมาไว้ทำหรอก เท่าที่มีไม่รู้จะถึงสิ้นเดือนหรือเปล่า" พอเธอพูดออกมาแบบนั้นแล้วเธอก็มองไปที่เขา
"นี่ๆๆ นายๆ ให้เรายืมเงินหน่อยสิ เงินออกเดี๋ยวคืนให้" หญิงสาวพูดพร้อมกับวิ่งมานั่งบนโซฟาข้างเขา เธอใช้สายตามองเขาแบบอ้อน ๆ
ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะมันคือครั้งแรกที่มีพนักงานของบริษัทมาขอยืมเงินท่านประธานแบบเขา
"กระเป๋าวางอยู่ตรงนั้น หยิบไปหมดเลย เดี๋ยวผมกดมาใส่กระเป๋าใหม่ได้" เขาพูดพร้อมกับใช้สายตามองไปที่ชั้นวางของ เพราะตอนที่เขาเดินเข้ามาชายหนุ่มวางกระเป๋าเงินและกุญแจรถไว้ตรงนั้น
ผ่องอำไพรีบเดินไปเปิดกระเป๋าสตางค์ภูสิษฐ์ดู
"ใครเขาจะเอาไปหมด" ดูจากความหนาของแบ่งค์พันแล้ว ไม่ต่ำกว่าสามหมื่น
"ฉันเอาสามพันพอแล้ว เดี๋ยวไปหาอะไรมาให้กินรอก่อนนะ" แล้วเธอก็หยิบออกมา 3 ใบยัดใส่กระเป๋ากางเกง
"สามพันจะไปพออะไร เอาไปอีก" เขาเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วดึงออกมาเกือบหมดแล้วใส่มือเธอไว้
"ได้! พ่อคนรวยพ่อบุญทุ่ม จะใช้ให้หมดเลย แล้วอย่าหักจากเงินเดือนฉันละ"
"อืมม ไม่หักหรอก"
ผ่องอำไผเดินออกไปจากห้อง เขาถึงกับหัวเราะขึ้นมา "ฮ่า ฮ่าา คนอะไรน่ารักเป็นบ้า"
เธอออกไปซื้ออะไรง่าย ๆ แถวมินิมาร์ทด้านล่าง แล้วก็กลับขึ้นมาทำกับข้าวเผื่อเขาด้วย
"มากินข้าวได้แล้ว"
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาหน้าทีวี เขาเดินมานั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าว
"ทำงานไหวไหม เห็นทำโอทีทุกวันเลย" พอเริ่มกินข้าว ภูสิษฐ์ก็ชวนผ่องอำไพคุยเรื่องงาน
"เหนื่อยสิ แต่ส่งงานไม่ทันก็ต้องได้เร่งโอที เจ็บไหล่ไปหมดเลยเนี่ย ไม่ได้เย็บผ้าแบบนี้นานแล้ว" มือเรียวตวัดบีบนวดไหล่ตัวเองทันทีที่พูดเรื่องเจ็บ
เขาแอบหันไปมองเธอเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
พอกินข้าวเสร็จเขาก็มานั่งดูทีวีต่อ ส่วนผ่องอำไพก็เข้าห้องนอนของเธอไป