“หนูตะวันมากินข้าวได้แล้วลูก” ปิ่นมุกเอ่ยเรียกลูกสาวเธอที่นั่งอยู่การ์ตูนอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์
ปิ่นมุกและลูกสาวมาอยู่ที่เชียงรายได้สี่ปีกว่าแล้ว เธอรู้สึกเหมือนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ และไม่นานมานี้เจ้าหล่อนตัดสินใจประกาศขายบ้านที่กรุงเทพฯ เพราะไม่อยากกลับไปอยู่นั้นอีก และตั้งใจจะย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวร
ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ศตวรรษมาที่บ้านปิ่นมุกทุกวัน มาด้วยความหวังว่าสักวันหญิงสาวจะกลับมา ทว่าวันนี้เขากลับเห็นป้ายประกาศขายบ้านพร้อมเบอร์โทรศัพท์เจ้าของบ้าน หัวใจที่ราวกับว่าหยุดเต้นไปหลายปีของเขา กลับมาเต้นโครมครามอีกครั้ง
ชายหนุ่มทั้งตื่นเต้นและดีใจ แต่เขากลัวว่าปิ่นมุกจะไม่ยอมคุยด้วยหากรู้ว่าเขาเป็นคนโทร. ไป จึงให้เลขานุการเป็นคนติดต่อซื้อบ้านของเจ้าหล่อน
เสียงแจ้งเตือนสายเข้าของโทรศัพท์ปิ่นมุกดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะรีบกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกรายชื่อเอาไว้ หญิงสาวภาวนาในใจว่าขอให้เป็นสายที่ติดต่อมาเพื่อคุยเรื่องบ้านที่ประกาศขาย
“สวัสดีค่ะ ปิ่นมุกพูดค่ะ”
วิชัยรีบเปิดลำโพงทันทีที่หญิงสาวกดรับสาย ศตวรรษที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ยินเสียงของคนที่ตนคะนึงหาอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
“ผมสนใจบ้านที่คุณประกาศขายน่ะครับ คุณปิ่นสะดวกออกมาพบผมไหมครับ พอดีอยากจะคุยรายละเอียดด้วย”
“เออ.. ตอนนี้ดิฉันอยู่เชียงรายน่ะค่ะ ขอเวลาสักสองวันได้ไหมคะ”
“ได้ครับ งั้นเจอกันที่ร้านกาแฟ Xx หน้าปากซอยทางเข้าบ้านนะครับ วันเสาร์สักสิบโมง คุณปิ่นมุกสะดวกไหมครับ”
“สะดวกค่ะ”
ปิ่นมุกคุยรายละเอียดคร่าวๆ เกี่ยวกับบ้านอีกสองสามประโยคก่อนกดวางสาย เธอดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อเห็นความหวังว่าจะขายบ้านได้ “อีกไม่นานแล้วสินะ ฉันที่จะได้ลาขาดจากกรุงเทพฯ ตลอดกาล”
แต่ปิ่นมุกหารู้ไม่.. กลับไปครั้งนี้อาจทำให้เธอได้อยู่กรุงเทพฯ ตลอดกาล
“คุณแม่.. เราจะไปไหนกันคะ”
“เราจะไปกรุงเทพกันจ้ะ ไปเที่ยวกันสักอาทิตย์นะลูก”
“จุงเทพ ไปจุงเทพ เย้ๆ ได้ไปเที่ยวแล้ว” หนูตะวันพูดพลางกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
ปิ่นมุกมองลูกสาว เธอยิ้มกว้างออกมา แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ทว่ารอยยิ้มก็ค่อยๆ หุบลงเมื่อมองหน้าลูกแล้วอดนึกถึงใครบางคนไม่ได้ ยิ่งโต.. ใบหน้าปานตะวันก็ยิ่งเผยให้เห็นว่าละม้ายคล้ายพ่อของหนูน้อยเพียงใด
สี่ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยลืมเขาได้เลย ผู้ชายคนแรกที่สอนให้รู้จักคำว่ารัก ผู้ชายคนแรกที่เธอตกเป็นของเขา และเป็นคนแรกที่ทำให้เธอได้รับรู้ว่าเจ็บแทบขาดใจนั้นเป็นเช่นไร แต่ศตวรรษคงลืมเธอไปแล้วกระมัง ป่านนี้ชายหนุ่มคงกำลังมีความสุขกับผู้หญิงที่เขารัก และอาจจะมีโซ่ทองคล้องใจด้วยกันแล้วก็ได้
“ตะวัน.. แม่รักหนูนะลูก” เธอเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูกสาว
ปิ่นมุกพาปานตะวันมาที่บ้านก่อนเวลานัดเกือบสองชั่วโมงเพื่อจะได้มาดูบ้านและเก็บความทรงจำครั้งสุดท้ายของบ้านหลังนี้เอาไว้
“บ้านใครคะคุณแม่”
ดวงตาใสซื่อที่มองมา เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “บ้านยายของหนูจ้ะ”
“ยายคืออะไรเหรอคะ” หนูปานตะวันไม่รู้ความหมาย
“ยายคือแม่ของแม่จ้าลูก แต่ตอนนี้คุณยายไม่อยู่ที่นี่แล้ว คุณยายอยู่บนนู้น” เธอชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า “คุณยายของหนูเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์จ้าลูก”
“นางฟ้าสวย ตะวันชอบ” หนูน้อยยิ้มแฉ่งส่งให้แม่
“ตะวันก็เป็นนางฟ้า หนูเป็นนางฟ้าของแม่” ปิ่นมุกพูดพลางเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูก สายตาเจ้าหล่อนที่ทอดมองปานตะวันนั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดูและเปี่ยมด้วยรัก
‘ขายบ้านหลังนี้ได้เมื่อไหร่ แม่จะไม่พาหนูมาเหยียบกรุงเทพฯ อีกเลย เราจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กันนะลูก ไปอยู่ในที่ที่ไกลจากผู้ชายสารเลวคนนั้น’
ปิ่นมุกคิดในใจ..
เมื่อใกล้ถึงเวลานัด ปิ่นมุกจึงพาหนูปานตะวันมาร้านกาแฟที่นัดกับวิชัยไว้ หญิงสาวมาถึงก่อนเขา จึงสั่งเค้กกับเครื่องดื่มมาให้ลูกสาวรับประทานระหว่างนั่งรอ
เพียงไม่นานวิชัยก็มาถึง “สวัสดีครับคุณปิ่นมุก” เลขานุการของศตวรรษมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า พบว่าหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักนัก ไม่แปลกใจที่เจ้านายของตนเฝ้าตามหามาตั้งนาน
“สวัสดีค่ะคุณวิชัย”
พลันสายตาของวิชัยก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวอ้วนจ่ำม่ำที่กำลังรับประทานเค้กอย่างเอร็ดอร่อยนั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆ ปิ่นมุก
“คุณวิชัยคะ นี่ลูกสาวของมุกเองค่ะ” ปิ่นมุกหันไปหาลูกที่กำลังรับประทานเค้กก่อนจะเอ่ยบอก “หนูตะวันสวัสดีคุณลุงก่อนลูก”
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาแล้วไหว้วิชัย ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของปานตะวันทำให้คนที่มีลูกสาวเช่นเดียวกันนึกเอ็นดูตั้งแต่แรกเห็น ทว่า.. ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าหนูน้อยอย่างไรไม่รู้ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“หนูตะวันกี่ขวบแล้วเอ่ย”
“ห้าขวบค่า..” เด็กหญิงลากเสียงยาว ยิ่งทำให้ดูน่ารักเข้าไปอีก
หลังจากพูดคุยหยอกล้อกับเด็กหญิงพอสมควรแล้ว วิชัยจึงหันมาคุยรายละเอียดกับเรื่องบ้านกับปิ่นมุก เมื่อได้ข้อสรุปที่ลงตัว วิชัยจึงบอกลาหญิงสาวด้วยว่าจะรีบกลับไปรายงานเจ้านายของตน
“เป็นไงบ้างคุณวิชัย เธอสบายดีไหม” ทันทีที่วิชัยมาถึงห้องทำงาน ศตวรรษยิ่งคำถามใส่เลขานุการของเขาทันที
“สบายดีครับ แต่..”
คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นวิชัยท่าทางกระอึกกระอัก คล้ายว่ามีบางเรื่องหนักใจนักที่จะเอ่ยปากออกมา “มีอะไรก็พูดมาเถอะ”
“เธอมีลูกแล้วครับ”
ศตวรรษช็อกไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขา.. ผิดหวัง เสียใจ ระคนใจหาย
“สามีเธอมาด้วยไหม”
“ไม่เห็นนะครับ”
“ลูกสาวเธอกี่ขวบแล้ว”
“เห็นบอกว่าห้าขวบครับ”
ห้าขวบเหรอ เธอเลิกกับเขากันมาหกปี ถ้าลูกสาวเธอห้าขวบ แสดงว่า..หัวใจของชายหนุ่มพองโตอีกครั้ง
“คุณวิชัยให้นักสืบตามหาที่อยู่เธอให้ผมหน่อย ด่วนเลยนะ”
“ครับๆ ” เลขาตามอารมณ์เจ้านายแทบไม่ทัน
ปิ่นมุกไม่ใช่คนที่จะยอมนอนกับใครง่ายๆ เขารู้จักเธอดี ลูก.. ไม่มีทางที่เด็กคนนั้นจะเป็นลูกของผู้ชายคนอื่นไปได้ ศตวรรษเริ่มมีความหวังอีกครั้ง