บทที่
6
เงื่อนไขการแต่งงานของเพียงดาว
หญิงสาวตัวเล็กกะทัดรัดกำลังส่งเด็กชายหญิงในชุดนักเรียนขึ้นรถไปโรงเรียนในตอนเช้าที่ลานกว้างของไร่โชคอนันต์
“เวหาดูแลน้องดีๆ นะลูก แล้วห้ามไปมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียนอีกเด็ดขาด เข้าใจที่แม่บอกไหม” เพียงดาวจับเป้สะพายใส่หลังเด็กชายเวหา แสนสิริ แล้วอบรมไปด้วยเหมือนทุกเช้า
“ครับ เวหาจะดูแลอิงฟ้าให้ดี ถ้าใครมารังแกน้อง เวหาจะชกให้คว่ำไปแล้ว” เด็กชายร่างอวบอ้วนชูกำปั้นเล็กๆ ขึ้นมาอย่างหมายมาด
“เอ้า ก็แม่บอกแล้วว่าอย่าไปชกต่อยกับเพื่อน แล้วนี่อะไรกัน จะขัดคำสั่งแม่เหรอ ตาหมูอ้วน” เพียงดาวมองลูกชายอย่างคาดโทษ
“ก็ปู่ดินบอกว่าให้ปกป้องอิงฟ้า ถ้าใครรักแกให้จัดการได้เลย เดี๋ยว ปู่ดินจะไปเคลียร์ให้เอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ตาหมูอ้วนของเพียงดาว ตบลงที่หลังมือแม่ เพื่อให้แม่สบายใจว่าปู่ดินจะจัดการเอง
“ใช่ค่าแม่ดาวขา ปู่ดินบอกว่าให้ชกหน้ามันไปเลย เมื่อวานมงคลมาเปิดกระโปรงอิงฟ้า อิงฟ้าก็ชกหน้าเขาและผลักไปจนล้มหัวแตกเลยค่ะ อิงฟ้าเก่งไหมคะ” เด็กหญิงเพียงนภาหรืออิงฟ้าบอกแม่ดาวถึงวีรกรรมของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“อะไรกันอิงฟ้า ทำไมแม่ไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย แล้วมงคลเป็นยังไงบ้างลูก” เพียงดาวตกใจมากเมื่อรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรงถึงเลือดตกยางออกแบบนี้
“อิงฟ้าไม่รู้ค่า อิงฟ้าเห็นแต่ปู่ดินไปที่ห้องพักคุณครู”
“ใช่ครับ ปู่ดินเก่งที่สุด” ตาหมูอ้วนของเพียงดาวพยักหน้ารัวๆ
“ลูกรู้ไหมว่าทำแบบนี้ไม่ดี มันไม่ถูกต้อง...”
“รถมาแล้ว สวัสดีครับแม่ดาว / สวัสดีค่าแม่ดาว”
“สวัสดีครับปู่ดิน / สวัสดีค่าปู่ดิน”
เพียงดาวยังพูดไม่จบดี เด็กทั้งสองคนก็ร้องขึ้นมาว่ารถมาแล้ว แล้วก้มหัวสวัสดีเธอ และเงยหน้าขึ้นไปสวัสดีชายสูงวัยที่ยืนอยู่ที่ระเบียงบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถที่ทางไร่มีไว้สำหรับรับส่งเด็กๆ ไปโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลจากไร่มากนัก
“แสบทั้งสองคนเลยนะตัวแค่นี้” เพียงดาวแต่ส่ายหัวให้กับความแสบของลูกทั้งสอง
เด็กชายเวหา แสงสิริ กับเด็กหญิงเพียงนภา แสงสิริ เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของเธอ แม้ว่าพวกเขาจะมาผิดเวลาไปบ้าง แต่ทั้งสองคนก็เกิดจากความรักของเธอที่มีต่อผู้ชายคนนั้น
เพียงดาวต้องพักการเรียนถึงหนึ่งปีเมื่อเธอท้องเข้าเดือนที่ 5 และเมื่อคลอดลูกแล้วระยะหนึ่ง เธอถึงกลับไปเรียนจนจบคณะเกษตรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง โดยเธอยอมที่จะเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด ในการเดินทางเพื่อที่จะได้กลับมาบ้านทุกวัน เพื่อที่จะได้นอนกอดลูกๆ ของเธอ
โชคดีที่การฝึกงานในปีสุดท้าย เธอสามารถฝึกงานในไร่โชคอนันต์ได้และเมื่อเรียนจบ เธอก็มาทำงานช่วยพ่อเดชที่เป็นผู้จัดการไร่โชคอนันต์มาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนวันนี้ก็เข้าปีที่ 2 แล้วที่เธอเข้ามาเป็นผู้จัดการไร่แทนพ่อของเธอเพราะอุบัติเหตุบางอย่าง
เพียงดาวเดินขึ้นไปที่เรือนไม้สักหลังใหญ่ ก่อนจะยกมือไหว้พ่อเลี้ยงพสุธากับคุณอรอินทร์
“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง สวัสดีค่ะน้าอร”
“555555 สีหน้าแบบนี้คงรู้แล้วสินะ ว่าเมื่อวานไอ้สองแสบก่อเรื่องอะไรไว้ ไม่ต้องห่วงหรอก ลุงจัดการเรียบร้อยแล้ว ดาวสบายใจได้”
พ่อเลี้ยงพสุธารีบพูดก่อนเมื่อเห็นสีหน้าของเพียงดาว และรู้ว่าเธอจะพูดอะไรออกมา เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งแล้ว
“แต่พ่อเลี้ยงคะ ดาวไม่อยากให้เด็กๆ ติดการใช้ความรุนแรงแบบนี้เลย ดาวกลัวว่าโตมาเด็กจะเป็นคนก้าวร้าว” เพียงดาวอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
“ดาวไม่ต้องห่วงหรอก เด็กสองคนนั้นเขามีสายเลือดที่ดี โตขึ้น ไม่เป็นคนก้าวร้าวแน่นอน แต่เขาจะรู้จักป้องกันตัวเอง รู้จักปกป้องคนอื่น ที่อ่อนแอกว่า ลุงไม่ใช่ให้ท้ายหลานไปซะทุกเรื่อง แต่ลุงก็อบรมสั่งสอนเขาไปด้วย หนูดาวไว้ใจลุงไหม” สุดท้ายพ่อเลี้ยงพสุธาก็จบด้วยคำถามที่ทำให้เธอพูดไม่ออกเหมือนทุกๆ ครั้ง
“ค่ะ ดาวขอบคุณพ่อเลี้ยงมากนะคะที่ช่วยอบรมสั่งสอนเวหาและ อิงฟ้า แต่ดาวจะขอความกรุณาว่าดาวอาจจะอบรมลูกในแบบของดาวบ้าง ในตอนนั้นดาวขอให้พ่อเลี้ยงไม่ขัดขวางได้ไหมคะ” แต่ถึงอย่างนั้นเพียงดาวก็ไม่ยอมแพ้ เธอจึงต่อรองออกไป จนทำให้พ่อเลี้ยงพสุธาได้แต่พยักหน้า
“ได้ ลุงจะไม่เข้าไปยุ่งในตอนที่หนูดาวอบรมลูกๆ แต่ห้ามตีเด็กๆ ได้ไหม ลุงทำใจไม่ได้จริงๆ ที่จะเห็นหลานถูกตี” ถึงจะพยักหน้ารับ แต่ก็ยังมีข้อต่อรองอยู่ดี
“สุภาษิตไทยเขาบอกว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตีนะคะ ดาวไม่สัญญาว่าจะไม่ตีเด็กๆ แต่ดาวสัญญาว่าถ้าจะตี เด็กๆ จะเป็นคนยื่นมือมาให้ดาวตีด้วยตัวเขาเองค่ะ” เพียงดาวตอบกลับยิ้มๆ
เรื่องที่เวหากับอิงฟ้าถูกพ่อเลี้ยงพสุธาตามใจจนเธอกลัวว่าลูกๆ จะกลายเป็นคนเอาแต่ใจ ได้เคยคุยกันหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล
“โอ๊ย ปวดหัวกับสองลุงหลานนี่จริงๆ เลย ต่อรองกันไปต่อรองกันมา พี่ดินก็อย่าโอ๋หลานให้มันมากนัก เดี๋ยวหลานอรเสียคน ส่วนดาวก็อย่า ตีหลานน้าแรงนัก เดี๋ยวหลานน้าเจ็บ เมื่อวานอิงฟ้าก็วิ่งร้องไห้มาให้ย่าอรเป่าเพี้ยงให้เวหาให้อยู่เลย เห็นบอกว่าเวหาถูกแม่ตีไปสองที”
“หะ อิงฟ้าร้องไห้เลยเหรอ หนูดาวไปตีลูกทำไม เด็กทำผิดอะไรขนาดนั้นเหรอ” พ่อเลี้ยงพสุธาถามขึ้นด้วยความตกใจ
“ก็เมื่อวานเวหากับอิงฟ้า พาเด็กๆ ลูกของคนงานแอบไปจับปลาในลำธารหลังไร่ ทั้งที่ดาวเคยห้ามเด็ดขาดแล้ว เพราะตรงนั้นน้ำไหลเชี่ยวและใกล้กับเขตไร่ของพ่อเลี้ยงก้องเกียรติด้วยค่ะ ดาวถึงต้องลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วยการตีทุกคนไปคนละหนึ่งที ส่วนเวหาก็รับส่วนของอิงฟ้าไปตามกฎค่ะ คราวหลังจะได้ไม่กล้าทำอีก”
กฎที่ว่าคือถ้าอิงฟ้ากับเวหาผิด จะต้องถูกตี เวหาจะถูกตีเพิ่มเป็นสองเท่า เพราะเขาไม่ยอมให้แม่ตีน้องเด็ดขาด และที่เพียงดาวทำแบบนั้น ก็เพื่อให้อิงฟ้ารู้สึกผิดด้วยที่ทำให้พี่ชายถูกตีแทนตัวเอง
“หะ ไปแถวลำธารท้ายไร่ แล้วพวกไอ้แมนกับไอ้อ่ำมันไปไหน ทำไมปล่อยให้หลานของฉันไปแถวนั้นได้ มันก็รู้ว่าเป็นเขตห้ามเข้าสำหรับเด็กๆ ไม่ได้การ ฉันจะต้องไปสั่งสอนพวกมันสักหน่อยแล้ว”
พูดจบพ่อเลี้ยงพสุธาก็หยิบหมวกมาสวมแล้วเดินลงจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นเขาขับรถกระบะเข้าไปในไร่
“55555 แก่แล้วยังใจร้อนเหมือนเดิม สงสารไอ้แมนกับไอ้อ่ำมันนะ คงโดนเตะหลายทีแน่คราวนี้” อรอินทร์หัวเราะกับท่าทางของพ่อเลี้ยงพสุธาที่ดูจริงจังเกินไป
“แต่ดาวกลัวแต่พ่อเลี้ยงจะเป็นลมก่อนน่ะสิคะ ยิ่งตอนนี้ร่างกาย ไม่ค่อยแข็งแรงด้วย ส่วนพี่แมนกับพี่อ่ำก็ขยันยั่วโมโหพ่อเลี้ยงซะด้วยสิ”
“ไม่เป็นไรหรอกหนูดาว ถือว่าให้พ่อเลี้ยงได้ออกกำลังกาย เลือดจะได้สูบฉีดบ้าง แต่ที่รีบไปน่ะ น่าจะหาเรื่องไปที่ไร่มากกว่านะ”
อรอินทร์พูดไปยิ้มไป ก่อนที่จะหุบยิ้มลงเมื่อนึกถึงอาการป่วยของพี่เขยที่เปลี่ยนมาเป็นสามีของเธอเมื่อไม่นานมานี้
"น้าอรอย่ากังวลไปเลยนะคะ ทุกวันนี้หมอเก่งๆ มีเยอะแยะ เดี๋ยวพ่อเลี้ยงผ่าตัดเสร็จ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นค่ะ” เพียงดาวเข้าใจน้าอรของเธอดี
“น้าขอบใจดาวมากนะที่ยอมทำตามที่พ่อเลี้ยงขอร้อง แต่น้าก็ว่า ดีเหมือนกันนะ ทุกอย่างจะได้เข้ารูปเข้ารอยสักที”
“น้าอรคิดว่าเขาจะกลับมาหรือคะ หรือถ้ากลับมาจริงๆ เขาอาจจะไม่อยากแต่งงานกับดาวก็ได้นะคะ ดาวก็แค่ลูกคนงานในไร่และยังมีลูกติดอีกตั้งสองคน” เพียงดาวก้มหน้าลงพื้นเพื่อหลบสายตา
อรอินทร์เดินเจ้ามาใกล้ๆ เพียงดาวและดึงเธอเข้ามากอดไว้เพื่อปลอบใจ เธอรู้ว่าเพียงดาวแคร์ความรู้สึกของเมฆาขนาดไหน
“ใครบอกว่าดาวเป็นเพียงลูกคนงานในไร่ น้าจะบอกให้นะลูก ถ้า ไร่โชคอนันต์ไม่มีพ่อของดาวช่วยเอาไว้ในตอนนั้น ในตอนนี้อาจจะไม่มีไร่นี้อยู่ก็ได้ ไหนจะเรื่องที่พี่เดชต้องมาเป็นแบบนี้ ก็เพราะช่วยชีวิตพ่อเลี้ยงไว้จากคนเลวพวกนั้น แค่สองเรื่องนี้ พวกเราก็ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณพ่อ ของหนูยังไงแล้ว แถมหนูยังมีหลานที่น่ารักทั้งสองคนให้พวกเราอีก นี่คือ สิ่งที่วิเศษที่สุดต่างหากล่ะ น้าเชื่อว่าตาเมฆจะต้องมีดวงตาที่เห็นธรรมแน่ แล้วเรื่องแต่งงานก็เป็นพ่อเลี้ยงที่เป็นคนขอร้องให้หนูช่วย ไม่ใช่ว่าหนูเป็นคนเสนอสักหน่อย ดาวทำใจให้สบายนะ ทุกคนในไร่รักดาวกับลูกๆ มาก ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แต่น้าก็จะขอเพียงให้ดาวอดทนหน่อยได้ไหม บางทีตาเมฆอาจจะมีต่อต้านบ้างในตอนแรก แต่น้าเชื่อว่าสักวันเขาจะเข้าใจ”
“ค่ะน้าอร แต่ดาวยังยืนยันคำเดิมนะคะ ว่าเรื่องเวหากับอิงฟ้าจะยังเป็นความลับสำหรับพี่เมฆอยู่ ดาวไม่อยากให้เขาลำบากใจที่จะต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ตั้งใจ และดาวจะอดทนแค่สองปีเท่านั้น ถ้าครบกำหนดสองปีแล้วพี่เมฆอยากจะหย่า น้าอรกับลุงดินต้องไม่ห้ามนะคะ ดาวไม่อยากที่จะกักขังใจของคนที่ไม่รักไว้กับดาว”
“ได้ๆ เรื่องของเด็กๆ ทุกอย่างจะเป็นความลับ น้ากับพ่อเลี้ยงสัญญาว่าจะไม่บอกตาเมฆ แต่ดาวต้องยินยอมให้ตาเมฆรับรองให้เด็กทั้งสองเป็นลูกของตาเมฆนะ แล้วให้เปลี่ยนนามสกุลมาใช้โชคอนันต์ด้วย ทั้งหมดก็เพื่ออนาคตของเด็กๆ นะดาว”
“ค่ะ น้าอร” เพียงดาวทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น
“เอาล่ะ เราเข้าไปในไร่เถอะ ป่านนี้พ่อเลี้ยงคงไล่เตะสองคนนั้นอยู่แน่ ๆ หรืออาจจะเป็นลมไปแล้วก็ไม่รู้ เห้อ หมอนัดผ่าตัดเดือนหน้าแล้วแท้ๆ ยังไม่เจียมตัวอีก ป่ะ เราไปกันเถอะ แล้วน้าจะพาไปในเมือง ไปรับชุดแต่งงานของหนูกับตาเมฆ อีกสองวันก็ถึงวันงานแล้ว”
จากนั้นเพียงดาวก็พาอรอินทร์เดินไปที่รถกระบะ แล้วขับเข้าไปในไร่ทันที