บทที่ 5
แผนการของนางมารร้าย
วันรุ่งขึ้น
เกรชมาหาเมฆาแต่เช้าตามที่นัดไว้ว่าจะไปเที่ยวกัน ทั้งที่เมฆาบอกว่าจะไปรับเธอที่โรงแรมแล้วไปขับรถเที่ยวนอกเมืองด้วยกันอีกครั้ง
“เกรชมาที่นี่เองดีกว่า ที่โรงแรมเพื่อนเกรชพาแฟนมาอยู่ด้วย แถมเมื่อคืนก็ชวนเพื่อนๆ มาปาร์ตี้อีก เกรชเบื่อมากเลย ถึงรีบหนีมาหาเมฆที่นี่เลย ว่าแต่วันนี้เราจะไปเที่ยวไหนคะ” เกรชที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ถามขึ้น
“วันนี้ผมจะให้แทนไทขับรถพาเกรชเที่ยวรอบๆ เมืองเหมือนเดิมนะ ส่วนผมคงไปเที่ยวด้วยไม่ได้ ผมมีงานต้องเคลียร์ ก่อนจะต้องบินคืนนี้”
ทันทีที่เมฆาพูดจบ เกรชก็ชักสีหน้าไม่พอใจทันที
“อ้าว ไหนว่าอีกสองวันถึงจะกลับไม่ใช่เหรอคะ ทำไมต้องบินคืนนี้ด้วย” เกรชถามอย่างแปลกใจ แล้วแบบนี้เธอจะทำตามแผนการได้ยังไงล่ะ แล้วถ้างานไม่สำเร็จ กลับไปเธอจะต้องโดนก้องภพเล่นงานแน่
“พอดีบริษัทที่ผมทำงานอยู่เขาให้ผมบินไปที่จีนก่อน เพื่อดูงานที่มีปัญหาที่นั่น ผมจึงต้องบินไปก่อนกำหนดน่ะ” เมฆาบอกกับเกรชไปตามตรง
บริษัทที่ประเทศจีนเป็นอีกที่ที่เขาดูแลอยู่ การบินไปดูงานกะทันหันจึงเป็นเรื่องปกติ
“งั้นเกรชไม่กวนแทนไทหรอกค่ะ เกรชกลับไปชวนเพื่อนซอปปิ้งดีกว่า แล้วเย็นๆ เกรชจะมาหาแล้วไปส่งเมฆที่สนามบินนะคะ”
พูดจบเกรชก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปทันที ก่อนที่แทนไทจะออกมาจากห้องนอน
“เกรชกลับไปแล้วเหรอ” แทนไทที่เดินไปชงกาแฟแล้วกลับมานั่งลง ตรงข้ามเมฆาถามขึ้น
“หื่อ เห็นบอกว่าเย็นจะมาใหม่ แล้วจะไปส่งพวกเราที่สนามบินด้วย” เมฆาตอบโดยสายตาไม่ละไปจากหน้าจอไอแพค เขากำลังตรวจดูงานที่มีปัญหาที่ประเทศจีน
“ว่าแต่แกเก็บกระเป๋าเสร็จหรือยัง” แทนไทถามขึ้นจ็จหรือยัง
“เก็บเสร็จแล้ว เหลือแต่ที่จะนำติดตัวไปเท่านั้นที่อยู่นอกกระเป๋า มีอะไรหรือเปล่า” เมฆายังตอบแบบไม่มองหน้าอีกแล้ว
“เปล่า งั้นบ่ายๆ ฉันเอากระเป๋าไปโหลดให้นะ จะได้สะดวกในตอนที่พวกเรานั่งแท็กซี่ไปสนามบิน” แทนไทเสนอความคิดขึ้นมา
“หื่อ ก็ดีเหมือนกัน” เมฆาพยักหน้ารับ
รถของเขายังจะจอดไว้ที่นี่ เพราะทั้งห้องพักและรถที่เขาใช้ เป็นของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ เขาจึงเห็นว่าการจอดรถไว้ที่นี่แล้วนั่งรถสาธารณะไปสนามบินจะสะดวกกว่า
แทนไทเห็นแบบนั้นก็ไม่กวนใจเพื่อนอีก เขานั่งกินกาแฟเงียบ
⋲
ช่วงเย็น เกรชมาหาเมฆาพร้อมกับถุงกระดาษใบหนึ่ง เธอยิ้มหวานเมื่อเขามาเปิดประตูห้องให้ “พร้อมแล้วเหรอคะ เกรชไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม”
“พร้อมแล้วครับ แต่เกรชไม่ได้มาช้าหรอก เรายังมีเวลาอีกประมาณสามชั่วโมงกว่าเครื่องจะออก มีเวลาไปทานข้าวด้วยกันได้สักมื้อที่สนามบิน”
เมฆาที่อยู่ในชุดพร้อมเดินทางยิ้มให้เพื่อนสาวที่เป็นแฟนเก่า แล้วเปิดทางให้เธอเดินเข้ามาในห้อง
“แล้วเราไม่รีบไปโหลดกระเป๋าเหรอคะ นี่เกรชก็ว่าจะมารบกวนเมฆสักหน่อย พอดีลูกพี่ลูกน้องเกรชจะแต่งงานอีกสองวัน เกรชเลยอยากฝากของขวัญแต่งงานไปได้ไหมคะ กระเป๋าเมฆพอจะมีที่ว่างให้ของฝากของเกรชไหม พอไปถึงเมืองไทย เกรชจะให้คนไปรับเอาที่ที่เมฆสะดวกเลยค่ะ”
เกรชพูดพร้อมกับยกถุงกระดาษที่ในนั้นมีกล่องไวน์อยู่หนึ่งกล่องให้เมฆาดู
“ผมขอโทษนะเกรชที่ช่วยคุณไม่ได้ เพราะแทนไทเอากระเป๋าของพวกเราไปโหลดแล้ว”
เกรชชะงักไปทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ไอ้แทนไทอีกแล้วเหรอ
“แต่เกรชไม่ต้องห่วงนะ ในกระเป๋าของผมมีไวน์ยี่ห้อนี้อยู่ 2-3 ขวด เดี๋ยวไปถึงไทย เกรชให้คนมารับไวน์ที่ไร่ได้เลย ผมจะแบ่งให้หนึ่งขวดนะ”
เมฆารีบพูดเมื่อเห็นใบหน้าผิดหวังของเกรช เขาจึงเสนอทางออกให้โดยแบ่งไวน์ที่เขาเตรียมไปฝากคนที่เมืองไทยให้เกรชอย่างคนใจกว้าง
“งั้นก็ขอบใจเมฆมากนะ เดี๋ยวเกรชจะให้คนไปรับนะ แล้วถ้าเกรช กลับไป เกรชจะเอาขวดนี้ไปคืนให้ก็แล้วกัน” เกรชพยายามยิ้มออกมาเพื่อไม่ให้เมฆาสงสัย
ติ้ง...ก่อนที่ทั้งสองจะพูดอะไร ข้อความในโทรศัพท์ของเมฆาก็ดังขึ้น
“แทนไทมารอข้างล่างแล้ว เรารีบไปกันเถอะ จะได้มีเวลาทานข้าวด้วยกัน” เมฆาพูดขึ้น พร้อมกับหยิบเสื้อแจ๊คเก็ตขึ้นมาสวม ก่อนจะเดินไปเปิดประตู ทำให้เกรชต้องเดินตามแบบไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร
เมื่อลงมาข้างล่างก็พบกับแทนไทที่ยืนอยู่ข้างๆ รถแท็กซี่คันหนึ่ง เมื่อเห็นทั้งคู่เดินลงมา เขาก็เปิดประตูข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่ง
เกรชมองรถแล้วจำใจที่ต้องขึ้นรถไปด้วย เมื่อนั่งบนรถ เธอก็ทิ้งถุงกระดาษที่มีกล่องไวน์ลงที่พื้นรถอย่างไม่สนใจ
แทนไทมองเกรชผ่านกระจกหลังตลอดเวลา เขาไม่วางใจผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อมาถึงร้านอาหารใกล้สนามบิน แทนไทที่หันไปสบตากับคนขับรถแท็กซี่ ก็รีบเปิดประตูรถลงอย่างรวดเร็วเมื่อรถจอดหน้าร้าน พร้อมกับเอ่ยปากเร่งเมฆากับเกรชให้รีบลงจากรถด้วย
“รีบๆ ลงมา รถข้างหลังบีบแตรเร่งแล้ว”
“จะเร่งอะไรนักหนานายแทน แล้วทำไมมาจอดที่นี่ ทำไมไม่ไปกินที่สนามบิน” เกรชรีบลงจากรถตามแรงเร่งของแทนไทที่มาเปิดประตูข้างที่เธอนั่ง โดยลืมถุงกระดาษที่เธอถือมาด้วย
“เธอไม่รู้อะไร ร้านนี้เป็นร้านที่เวลาใครมาแคนาดาต้องมากินให้ได้เลยนะ แล้วฉันก็มาจองคิวไว้ตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะได้คิวนี้มา แล้วร้านนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากสนามบินด้วย” แทนไทบอกในตอนที่พากันเดินเข้าไปในร้าน
“ใช่เกรช ร้านนี้อาหารอร่อยมาก แถมการจองคิวก็ยากมากด้วย เรารีบไปทานอาหารกันเถอะ” เมฆาไม่อยากให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอีก จึงพูดอย่าง เห็นดีเห็นงามไปกับแทนไทด้วย
เกรชจึงจำใจต้องเดินไปในร้าน ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอก็ทำหน้าตกใจทันที
“โอ๊ะ เกรชลืมถุงไวน์ไว้ในรถแท็กซี่น่ะ ทำยังไงดี”
เกรชจะเดินออกไปจากร้านอาหารด้วยความร้อนใจ แต่แทนไท ดึงแขนเธอเอาไว้ซะก่อน
“ไม่ต้องไปหรอกเกรช เดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วโมงรถคันนั้นก็จะกลับมารับพวกเราไปส่งสนามบิน ฉันจ้างเขาไว้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกินข้าวกันเถอะ พวกเรามีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเองนะ ว่าแต่แกสั่งอาหารไว้แล้วใช่ไหมแทน” เมฆาพูดขึ้น
ทุกสิ่งอย่างที่แทนไททำลงไป เมฆารู้สึกตงิดๆ แต่ที่ไม่ถามออกไปในตอนนี้ เพราะเขารู้ว่าแทนไทคงไม่อยากให้เกรชรับรู้ด้วย เขาจึงยอมเงียบ
“สั่งไว้แล้วครับเจ้านาย เรียนเชิญเจ้านายกับเพื่อนที่โต๊ะได้เลยขอรับกระผม” แทนไทแกล้งทำท่าเผยมือให้เมฆากับเกรชเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทั้งคู่
กินข้าวไปสักพักแทนไทก็ขอตัวไปห้องน้ำ ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้ไปห้องน้ำ แต่เขาแอบมาที่ด้านหลังร้านที่มีรถแท็กซี่คันเดิมจอดรออยู่ แทนไทรีบเข้าไปในรถทันที ก่อนที่เปิดกล่องไวน์ออก
“แม่ง ใช่จริงๆ ด้วย” แทนไทสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นของในกล่อง เพราะในขวดไวน์ไม่ใช่ไวน์ แต่เป็นแป้งสีขาวอยู่แทน แม้ขวดไวน์จะมีการห่อหุ้มอย่างดี ถ้ามองด้วยตาเปล่าจะไม่รู้ว่าข้างในเป็นอะไร แต่สำหรับตำรวจปราบปรามยาเสพติดมาอย่างโชกโชนอย่างเขา ทำไมจะไม่รู้ว่าข้างในมันคืออะไร
“แม่ง จะเล่นกันถึงขนาดให้ตายในคุกเลยหรือไงวะ”
แทนไทรู้ดีว่าโทษของการนำเข้ายาเสพติดประเภท 1 เข้าประเทศ มีเพียงจำคุกตลอดชีวิต หรือไม่ก็ประหารชีวิตเท่านั้น แทนไทรีบใช้มือถือถ่ายภาพไว้อย่างละเอียด แล้วเก็บขวดไวน์ไว้เหมือนเดิมและเดินเข้าไปรับประทานอาหารต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ทั้งสามคนก็เดินออกมาที่หน้าร้าน ไม่นานรถแท็กซี่คันเดิมก็มาจอด เกรชรีบขึ้นไปบนรถและตรวจดูถุงกระดาษและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ทุกอย่างยังปกติดี
เกรชส่งทั้งสองคนถึงสนามบินแล้วก็ให้รถแท็กซี่มาส่งที่โรงแรมทันทีและเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องก็เจอกับสายตาที่ดุดันของก้องภพทันที
“นี่มันหมายความว่ายังไง” ก้องภพลุกขึ้นมาถามอย่างหัวเสียที่เห็นในมือของเกรชมีถุงขวดไวน์อยู่
“ฉันว่าไอ้แทนไทมันน่าจะรู้ทันเรา มันรีบเอากระเป๋าไปโหลดที่สนามบินก่อนที่ฉันจะไปถึง ฉันเลยฝากของไปไม่ได้” เกรชตอบไปตามความจริงและตามที่เธอคิด
“ไอ้แทนไท ไอ้ตำรวจบ้า คอยดูเถอะ สักวันฉันจะเก็บมันให้ได้”
ก้องภพพูดอาฆาตแทนไท เพราะงานส่งสินค้าของเขาหลายครั้งถูกจับเพราะทีมงานของแทนไท ทำให้เขาแค้นมาก
“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” เกรชพูดขึ้นพร้อมกับกำลังจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“อาบน้ำให้สบายใจเถอะ อีกหนึ่งชั่วโมงเราจะมีแขกมา 2 คู่ ฉันหวังว่าวันนี้เราจะสนุกสุดเหวี่ยงแน่นอนด้วยไอ้นี่”
ก้องภพพูดขึ้นมาพร้อมกับยกขวดไวน์ที่มีผงสีขาวอยู่ในนั้นให้เกรชดู ซึ่งเกรชเมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปในห้องน้ำทันที
“ฮื่อๆๆ มันเป็นเวรกรรมอะไรของฉัน ถึงต้องมาติดอยู่กับไอ้คนเลวแบบไอ้ก้องภพ เมื่อไรฉันจะหมดเวรหมดกรรมสักที”
เกรชที่อยู่ในห้องน้ำใช้มือปิดปากและสะอื้อไห้อย่างร้าวรานใจ เธอตัดสินผิดที่แต่งงานกับก้องภพ
“ถึงเกรชจะทำงานพลาด แต่เกรชก็ดีใจนะเมฆที่คุณรอดพ้นไปได้”
เกรชพูดเบาๆกับตัวเอง เธอก็ไม่อยากให้เมฆาโดนจับเหมือนกัน แต่ถ้าเธอไม่ทำก็ไม่ได้
ถ้าเธอทำงานนี้สำเร็จ เธอจะได้เลิกกับก้องภพ เธอจะหลุดพ้นจากขุมนรกนี้สักที