“นี่ห้องของคุณนะคะ ห้องของคุณมีประตูเชื่อมกับห้องของคุณชายหนึ่ง ซึ่งท่านสั่งทำเพื่อคุณ” นี่คือเสียงของป้าแม่บ้านที่ทำงานอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของคนขวางโลก
“แต่พีชไม่ชอบห้องเชื่อมค่ะ” ฉันทำหน้าเศร้ากว่าเดิม ทั้งที่ความจริงมันเศร้าอยู่แล้ว
“เป็นคำสั่งของคุณชายหนึ่ง ไม่มีใครกล้าขัดค่ะ” ป้าแม่บ้านบอกพร้อมกับทำหน้าเศร้า
“ค่ะ” ฉันพูดแค่นั้นนั่นแหละ พูดมาแบบนี้จะให้ฉันพูดอะไรได้อีก
ฉันกำลังอยู่ในอารมณ์เซ็ง เพราะไอ้เสี่ยขวางโลกมันสั่งคนมาบอกฉันว่าให้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านโดยด่วน
ทั้ง ๆ ที่ฉันเพิ่งอยู่กับฟิล์มได้แค่อาทิตย์เดียว!
แล้วพอฉันขอคุย เขาก็บอกว่าไม่ว่างที่จะมาคุยเรื่องไร้สาระ สั่งให้ทำอะไรก็ทำเถอะ
มันเป็นประโยคที่ฉันจุก และรู้สึกเกลียดผู้ชายคนนี้มาก
แล้วคือฉันขัดอะไรไม่ได้เลย ฉันต้องแยกจากฟิล์มทันที ซึ่งเราเพิ่งมีความสุขกันแค่ไม่กี่วัน
มารความสุขชัดๆ!
“เดี๋ยวป้าขอตัวไปเตรียมอาหารก่อนนะคะ คุณพีชพักผ่อนสักประเดี๋ยวก็ลงไปทานได้เลย” ป้าแกยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินออกจากห้องไป
ฉันกำลังตกอยู่ในสภาวะอึน!
ครืด ครืด...
“ว่าไงตัว” ฉันกดรับสายของฟิล์ม ซึ่งเราแยกจากกันเมื่อเช้านี้
(พี่ชายตัวเป็นยังไงบ้าง อาการป่วยของเขาดีขึ้นไหม" ฟิล์มถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“อาการหนักมากเลยตัว คุณหมอบอกให้ดูแลอย่างใกล้ชิด สมองของพี่ชายเค้าไม่ปกติแล้ว เค้าขอโทษตัวด้วยนะ เราเลยอยู่ด้วยน้อยเลย” ฉันปั้นน้ำเป็นตัว อ้างว่าที่ต้องกลับมาอยู่บ้านโดยด่วน เพราะจู่ ๆ พี่ชายก็ล้มป่วย พอตื่นมาก็กลายเป็นโรคประสาท
ฟิล์มเข้าใจว่าฉันอยู่กับพี่ชาย2คน พ่อแม่เสียหมด ซึ่งเธอเข้าใจถูกเป็นบางส่วน และฉันไม่คิดจะอธิบายในส่วนที่เธอเข้าใจผิด
(แบบนี้ก็แย่เลยสิเนอะ แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกเมื่อไหร่ล่ะ เค้าไม่อยากงี่เง่านะ แต่เค้าคิดถึงตัว) ฟิล์มเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เค้าขอโทษนะตัว” ฉันไม่รู้จะพูดคำไหนให้เธอรู้สึกดี เพราะตอนนี้ในหัวฉันมันกลั่นคำพูดออกมาไม่ทัน ฉันจึงเอ่ยได้เพียงคำขอโทษ
(เค้าเข้าใจ ตัวอย่าคิดมาก เค้าก็แค่น้อยใจเฉยๆ ยังไงเค้าก็รักตัวนะ) ฟิล์มพยายามพูดปลอบใจฉัน หรือจริง ๆ เธออาจจะพูดปลอบใจตัวเองด้วยล่ะมั้ง
“งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะฟิล์ม พอดีพี่ชายเค้าตื่นอะ” ฉันรีบร้อนวางสายฟิล์มทันที เมื่อประตูเชื่อมถูกเปิดออก แล้วร่างหนาสูงใหญ่ย่างก้าวเข้ามาในห้องนี้
เขาเดินตรงมาที่เตียง ซึ่งฉันลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเขา
“...” ฉันเงียบเพราะตื่นกลัวกับสายตาที่เขาใช้สำรวจร่างกายฉัน เขามองฉันด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“ไง!” คำเอ่ยทักสั้นๆพร้อมขาที่ก้าวเข้ามาเรื่อย ๆ
จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
“ฉันเป็นพี่ชายเธอตั้งแต่เมื่อไหร่” เสี่ยภพเดินเข้ามาประชิดตัวฉัน แล้วจากนั้นเขาก็ผลักฉันล้มลงที่นอน และตามมาคร่อมฉันไว้
“...” ความกลัวของฉันเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสายตาดุดันกำลังมองฉันอย่างไม่กะพริบตา เราใกล้ชิดกันเกินไป
เราไม่เคยใกล้กันขนาดนี้!
“ถามให้พูด” เขาว่าด้วยเสียงเย็นเฉียบพร้อมสายตาที่จับจ้องดวงหน้าฉัน
“อะ... อะไรคะ” จู่ ๆ ฉันก็โง่ขึ้นมาทันที
“ฉันไปเป็นพี่ชายเธอตอนไหน” เขาเน้นทุกคำที่พูด พร้อมหน้าตาที่เพิ่มเลเวลความน่ากลัว
“กะ...ก็ เฮียจะให้หนูบอกเพื่อนว่ายังไงล่ะคะ” ตอนนี้เสียงฉันมันติด ๆ ขัด ๆ ไม่ตอบก็กลัวเขาจะฆ่าแกงกัน
“หึ! แล้วไอ้คอเธอเนี่ย! ใครสั่งให้ทำ!” ไอ้เสี่ยขวางโลกมันใช้มือจับใบหน้าฉันแล้วพลิกไปพลิกมา พร้อมใช้สายตาขยะแขยงมองตรงต้นคอ
ต้นคอที่มีรอยห้อเลือดจากการขบเม้มของฟิล์ม ซึ่งมันมีรอยเต็มไปหมด
ฉันเกลียดสายตาแบบนี้! เขามองเหมือนรังเกียจเดียดฉันท์
“ทำไมจะทำไม่ได้คะ พีชไม่ใช่นักโทษของคุณนะ พีชจะทำอะไรก็ได้ เพราะนี่มันร่างกายพีช แล้วอย่ามาใช้สายตาแบบนี้มองพีชนะ พีชไม่ใช่ตัวประหลาด!” ฉันตะโกนใส่หน้าเขาด้วยน้ำเสียงที่ดังระดับหนึ่ง
เขาจ้องฉันเขม็ง
“เดี๋ยวเธอจะได้เป็นยิ่งกว่านักโทษ” เขายิ้มเหี้ยมหลังจากที่พูดจบ
“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับพีชแบบนี้!” ฉันยังคงโต้เถียงเพื่อเรียกร้องสิทธิมนุษย์
ความกลัวที่มีก่อนหน้ามันหายไปหมดสิ้น เมื่อได้รับรู้ว่าอิสรภาพที่เหลือเพียงน้อยนิดของฉันกำลังจะหดหาย
“ฉันมีสิทธิ์ทุกอย่างบนตัวเธอพีชญา ชีวิตเธอมันเป็นของฉันตั้งแต่พ่อแม่เธอเล่นพนันเสีย! แล้วเอาเธอมาขายให้ฉันตั้งแต่เธออายุ12ปีแล้ว! ทุกอย่างก็แค่รอเวลาให้เธอเติบโต แต่น่าเสียดายที่พ่อแม่เธอโดนสั่งเก็บจากเจ้าหนี้คนอื่นซะก่อน... ฉันถึงต้องไปรับตัวเธอยังไงล่ะ ฉันให้เธอเรียนดีมีทุกอย่างเลี้ยงดูอย่างดี ฉันใจดีแค่ไหนที่ให้เธอทุกอย่าง เธอควรสำนึกบุญคุณฉันไว้ ที่ฉันไม่เอาเธอไปขายซ่องเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ฉัน! จดจำใส่สมองของเธอไว้ว่าชีวิตเธอมันเป็นของฉัน!”
คำพูดของเขาเหมือนไม้หน้าสามฟาดลงใบหน้าและลำตัวของฉัน
มันชาไปหมดทั้งร่าง ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
สิ่งที่รับรู้และสงสัยมาตลอดคือ บางวันพ่อแม่ก็เอาเงินมาจากไหนมากมายนักก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่พวกท่านไม่ได้ทำงานประจำ ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนใครอื่นเขา ฉันเคยถามแต่ก็ไม่ได้คำตอบ
และบางครั้งพวกท่านก็หัวเสียกันทั้งวัน
สรุปแล้วพ่อแม่ฉันติดอบายมุขสินะ
“หึ! เธอห้ามออกไปไหนเด็ดขาด อาหารฉันจะให้แม่บ้านเอามาให้ โทรศัพท์ห้ามใช้เพราะฉันไม่ชอบให้เธอติดต่อใคร โดยเฉพาะยัยเพื่อนคนนั้นของเธอ” เขาออกคำสั่งพร้อมกับหยิบมือถือฉันไป ในขณะที่ฉันกำลังอึ้งกับเรื่องที่ได้ฟังจนตั้งรับอะไรไม่ทัน
รับรู้แค่ว่า ฉันกำลังจะโดนกักขัง
“คนใจร้าย” ฉันพูดตามหลังเขาระหว่างที่เขากำลังจะเดินไปที่ประตูทางเชื่อม
“ฉันใจดีกับเธอมามากพอแล้ว จากนี้ถ้าเธอขัดคำสั่งฉัน เธอจะได้รู้จักคำว่า...นรก” เขาหันมาชี้หน้าฉันแล้วหันกลับไปเปิดประตูเดินผ่านประตูนั้นไป
ชื่อเสียงเขาใช่ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเลื่องลือเรื่องเลวทรามมากแค่ไหน
ฉันต้องยอมรับชะตากรรมใช่ไหม หรือฉันควรทำยังไง