วิมานในฝัน...1/1
มนต์มีนา หรือชื่อในวงการพริตตีรถยนต์คือน้อง ‘มีมี่’ สาวสวยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หนุ่ม ๆ หลายคนหมายปองอยากครอบครองร่างกายที่มีสัดส่วนเย้ายวนของเธอ แต่หญิงสาวเป็นคนชัดเจน เธอแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้อย่างเด่นชัด ตอนทำงานพูดจากับแขกหวานหยด ทั้งส่งสายตาท่าทาง แต่พอจบงานหญิงสาวก็กลับจากหน้ามือเป็นหลังมือราวกับคนละคน
เธอประกาศให้ทุกคนรับรู้แล้วนี่ว่าส่วนตัวเธอมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วน่ะ แต่ยังมีคนประเภทที่ไม่สนใจผัวเขาเมียใครยังคอยมายื่นข้อเสนอให้เธอไม่เลิก
ผัวเธอทั้งหล่อ ทั้งรวย เลอเลิศประเสริฐศรีให้เงินเธอใช้ทุกเดือนไม่เคยขาดมือเรื่องอะไรจะใฝ่ต่ำลดตัวมายุ่งกับเศรษฐีที่รวยแต่เขือพวกนี้ด้วย ที่สำคัญเธอก็รักสามีของเธอมากไม่มีวันนอกกายนอกใจไปหาใครอีกแน่นอน
ช่วงพักจากงานหญิงสาวกดส่งข้อความไปหาผัวสุดที่รักทูนหัวของเมียด้วยความห่วงใยว่า
มีมี่ : เที่ยงแล้ว ทานไรยัง
: เลิกงานแล้วอยากกินไรมั้ย
: ตอนเย็นกินเป็ดย่างร้านเฮียชูหน้าปากซอยมั้ย เดี๋ยวมี่ซื้อเข้าไป
ผ่านไปแล้วสิบนาที ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะตอบมา มนต์มีนานั่งเท้าคางรอ จ้องหน้าจอโทรศัพท์ใจจดใจจ่อ แม้จะรู้สึกมาสักระยะแล้วว่าช่วงหลัง ๆ พฤติกรรมของ ‘ผัว’ เริ่มเปลี่ยนไป พูดจากันไม่กี่คำเขาก็ดูจะหงุดหงิดขึ้นมาเหมือนเธอพูดอะไรไม่เข้าหู หาเรื่องกลับไปนอนที่บ้าน กินข้าวกับครอบครัวโดยไม่พาเธอไปด้วย กลับคอนโดดึกบอกว่างานยุ่งหรือมีประชุม ปีนี้เข้าปีที่สี่แล้วนะที่อยู่ด้วยกันฉันผัวเมีย ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายคนแรก เป็นแฟนคนแรก เป็นผัวคนแรกที่เธอมอบกายถวายหัวใจให้ ถ้าเลิกกับคนนี้ไปเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีผัวคนต่อไปได้อีกหรือไม่ เพราะชีวิตจิตใจคงติดอยู่แต่กับผู้ชายคนนี้
ดังนั้นไม่ว่าเขาจะแสดงสัญญาณเตือนมาอย่างไรมนต์มีนาจึงพยายามประคับประคองหลักที่เซใกล้จะล้มให้มั่นคงกลับมาเหมือนวันแรก
กระทั่งมนต์มีนาเลิกงานจากการยืนเป็นพริตตีให้รถยนต์หรูที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เปิดหน้าจอที่แชตถามผู้ชายที่เธอเรียกอวดใคร ๆ ว่าผัว แต่ผัวก็ยังไม่อ่านข้อความที่เธอส่งไปถามเลย หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพ่นออกมาจนอกแฟบ จิ๊ปาก อารมณ์เริ่มตีขึ้นในอก อดทนไม่ได้จึงตัดสินใจโทร. หาเสียเลย มันชักจะเอาใหญ่แล้วนะ แค่ส่งกลับมาบอกว่าจะกินหรือไม่กินเป็ดย่างแค่นี้จะตายรึไง
ตื๊ดดด แนบโทรศัพท์กับหู รออยู่สามตื๊ดปลายสายก็รับ หญิงสาวถึงกับยิ้มแก้มปริ อารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวที่คั่งอยู่ในอกพลันมลายหายไป
“ทำงานอยู่ กลับไปค่อยคุยกัน”
เสียงคุ้นหูบอกมาเบา ๆ แล้วเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง
“เย็นนี้กินเป็ดย่าง...”
หญิงสาวยังอ้าปากถามยังไม่ทันจบประโยคเขาก็พูดสวนกลับมาอีก
“แค่นี้นะ ค่อยกลับไปคุยกัน”
ตื๊ด ๆ ๆ
“อ้าว วางแล้ว ไลน์ไปก็ไม่อ่าน แล้วตกลงจะกินไม่กินเนี่ย กลับไปจะกินไร”
ยืนบ่นอยู่คนเดียวหน้าห้องน้ำในห้างสรรพสินค้า แม้จะหงุดหงิดที่เขาไม่อ่านข้อความแต่อารมณ์ก็ไม่ได้คุกรุ่นขึ้นมาอีกเพราะอย่างน้อยเขาก็รับโทรศัพท์ แต่จะกินหรือไม่กินก็ซื้อเข้าไปก่อนแล้วกัน
มนต์มีนาขับรถญี่ปุ่นสีขาวที่จวิน สามีเป็นคนซื้อให้สมัยที่รักกันใหม่ ๆ ตอนนั้นเธอยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสาม เขาเห็นว่าเธอต้องนั่งรถสาธารณะไปทำงานจึงออกรถให้หนึ่งคัน และชวนย้ายจากหอพักแถวมหาวิทยาลับมาอยู่คอนโดมิเนียมของเขา
จากวันนั้นเป็นต้นมามนต์มีนาก็ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายคนนี้มาตลอดเป็นเวลากว่าสี่ปีแล้ว โดยเขาเปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ แม้เธอจะไม่เคยพบเจอครอบครัวของเขาเลยสักครั้ง แต่นั่นก็ไม่สำคัญเพราะเธอรักในตัวผู้ชายคนนี้ไม่ว่าครอบครัวเขาจะเป็นอย่างไร ร่ำรวยมหาศาลอย่างที่เคยได้ยินได้ฟังมาเธอก็ไม่ได้คิดหวังทรัพย์สมบัติใด ๆ นอกจากความรักและความจริงใจจากเขาเท่านั้น
มนต์มีนาแวะซื้อเป็ดย่างเจ้าดังก่อนจะถึงคอนโดมิเนียม เมื่อกลับเข้ามาในห้องเธอก็จัดโต๊ะรับประทานอาหารเตรียมพร้อมไว้รอเขากลับมาจะได้นั่งรับประทานด้วยกัน ระหว่างนั้นก็เดินไปเดินมาจัดข้าวของทำความสะอาดห้องเรื่อยเปื่อย หูคอยฟังเสียงโทรศัพท์ กระทั่งเวลาผ่านไปจนสามทุ่มครึ่งขณะที่หญิงสาวกำลังตากผ้าอยู่ที่ระเบียงก็มีเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันสนทนาเข้ามา เมื่อเปิดดูก็พบกับข้อความของชายหนุ่มที่เธอรอคอยพิมพ์ตอบมาว่า
จวิน : ไม่กิน ออกมาดื่มกับเพื่อน
ไม่ต้องรอ
ใจอยากจะพิมพ์ถามว่าจะกลับมากี่โมง แต่ก็ยั้งมือไว้ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเธองี่เง่าเซ้าซี้ ไม่ให้อิสระ ไม่มีใครชอบคนที่คอยถามทุกเรื่องเหมือนเป็นเจ้าชีวิต สิ่งที่มนต์มีนาทำได้ตอนนี้มีเพียงระบายลมหายใจออกมาแล้ววางโทรศัพท์ลง เดินออกไปตากผ้าให้เสร็จแล้วกลับมานั่งกินเป็ดย่างเหงา ๆ คนเดียว เปิดทีวีเป็นเพื่อน
ทางด้านของจวินที่ตอนนี้อยู่ในผับแห่งหนึ่งกับเพื่อนก็กำลังนั่งดื่มพูดคุยกันสไตล์หนุ่ม ๆ เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งเห็นสีหน้าจวินดูเบื่อ ๆ เหมือนคนที่กำลังมีปัญหาชีวิต ไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยพูด สาว ๆ เดินมาทักถึงโต๊ะก็ไม่สนใจจึงได้เอ่ยถาม
“เป็นไรวะเพื่อน หน้าตาไม่ต้อนรับสาว ๆ เลย นาน ๆ นัดรวมกลุ่มกันได้สักที ทำตัวให้มันสนุก ๆ หน่อยดิวะ นั่งนิ่งคิดถึงใครอยู่”
จวินที่คลึงแก้วเหล้าในมือจึงออกจากท่าทีที่นิ่งเฉยหันกลับมามองหน้าเพื่อน เหยียดริมฝีปากสีแดงชุ่มออกด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเช่นเดิม ก่อนจะเอ่ย
“คิดถึงอิสระ”
“ฮะ อะไรนะ”
“กูบอกว่ากูคิดถึงอิสระ”
เพื่อนที่รู้ความหมายของจวินกระดกเหล้าเข้าปากแล้วเหยียดรอยยิ้มออกมา
“มึงคิดถึงอิสระ แสดงว่ามึงก็อยากได้อิสระแล้วดิ”
“อืม”
“แล้วจะเอาไง บอกเลิกเมียคืนนี้เลยดีมั้ย อยากลองกลิ่นใหม่แล้วล่ะสิ ฮ่า ๆ”
กรเอ่ยปากท้าทายต่อ “ถ้ามึงกล้าบอกเลิกกับเมียมึงคืนนี้ มึงเอาไปเลย...”
จะด้วยความมึนเมาหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เพื่อนสนิทอย่างกรพูดประโยคเดิมคล้ายกับเมื่อสี่ปีก่อนออกมา เป็นการพนันสนุก ๆ ที่ไม่คิดว่าจะยาวนานมาจนถึงวันนี้
“ถ้ามึงจีบน้องมีมี่ พริตตีคนดังติด กูให้เรือยอช์ตมึงไปเลยลำนึง รุ่นใหม่ล่าสุดด้วย มึงจะขับพาสาวไปปี้ที่กลางทะเลก็เรื่องของมึง เอาปะล่า ได้เรือแถมยังได้สาวสวยด้วย เค้าว่ากันว่าคนนี้ของแรร์ไอเท็มนะมึง กูให้เวลามึงเดือนนึงจีบน้องมีมี่ให้ติด”
หนึ่งเดือนต่อมาเพื่อน ๆ ก็ได้เห็นพริตตีสาวอย่างน้อง มีมี่ หรือมนต์มีนา นักศึกษาปีสามนั่งรถสปอร์ตหรูมากับจวิน ซึ่งถ้าจะนับระยะเวลาการจีบก็ยังถืออยู่ในช่วงเวลาที่กรพนันไว้ จากนั้นอีกสองสัปดาห์จวินก็ได้พามนต์มีนาไปล่องเรือเล่นที่ภูเก็ต สร้างความประทับใจให้สาวสวยไปอีกหลายเท่า แน่นอนว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ถ้ามีผู้ชายพาไปล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกสองต่อสองแบบนี้ก็คงใจแข็งต่อไปได้อีกไม่นาน มนต์มีนาก็เช่นกัน
ความจริงแล้วจวินก็ไม่ได้อยากได้เรือยอช์ตที่กรพนันไว้นักหรอก เขาสนใจแค่ตัวของผู้หญิง ของอย่างอื่นเขามีปัญญาซื้อเองโดยไม่ต้องขอจากใคร ที่ตัดสินใจรับคำท้าของเพื่อนก็เพราะความคึกคะนองในตอนนั้นก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรซับซ้อน
ตอนคบกับมนต์มีนาใหม่ ๆ จวินแทบไม่โผล่หัวไปให้กลุ่มเพื่อนได้เห็นหน้าเห็นตาเป็นเดือน ๆ นัดดื่มมันก็ไม่มา จนถูกแซวในกลุ่มไลน์ว่าเขาติด xี อย่างหนักถึงขั้นขาดการติดต่อกับเพื่อนไปพักใหญ่ และพักใหญ่นั้นก็เป็นปีทีเดียว
มีบ้างที่จวินเข้ามาอ่านข้อความกว่าพันข้อความที่เด้งขึ้นมาบอก พอกดอ่านใจความทั้งหมดทั้งมวลที่เพื่อนมันคุยกันก็เป็นเรื่องของเขาทั้งนั้น ไม่ว่าจะแซวหนักแซวแรง บ่น ด่า จนจวินต้องพิมพ์ตอบกลับไปบ้างว่า
^
^
^
***ตอนแรกมาเสิร์ฟแล้ว อยากอ่านตอนที่สองเร็ว ๆ คอมเมนต์มาให้กำลังใจมนสิด้วยน้าาา เรื่องนี้มาแนวโบ้ที่สำนึกผิดยากด้วยค่าาา