บ่ายของวัน...
ฝ่ามือหนากำเข้าหากันจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน ทำเอาเลขาฯคนสนิทที่วิ่งแจ้นมาหานั้นถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ ดูท่าแล้วเจ้านายหนุ่มจะโกรธมาก โกรธจนควันออกหู แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานหลายชั่วโมงแล้วก็ตามแต่
“ไปลากคอมันมาชดใช้กรรม ไปเอานาฬิกากูคืนมา!” ว่าเสียงเข้ม เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบ ๆ เขาสวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำนั่งหน้าบูดบึ้งภายในเพนต์เฮาส์สุดหรู
“เอ่อ ตอนนี้ผมสั่งให้คนตามหาให้อยู่ครับ”
“ก็ตามให้เร็ว ๆ สิวะ” ตวัดสายตามอง ธันวาโกรธมากจริง ๆ ไม่เคยมีใครทำเขาแบบนี้มาก่อน
“อาจจะต้องตามหาจากกล้องวงจรปิดครับ แจ้งตำรวจดีไหมครับ”
“ถามจริง? มึงคิดบ้างยังถึงมาถามกูเนี่ย...” ภูริถึงกับต้องกลั้นใจฟังคนเป็นนาย เขารู้สึกประหม่ามาก ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมานายของเขาไม่เคยโกรธมากขนาดนี้มาก่อน ที่ผ่านมา...ธันวาไม่ใช่คนโมโหร้ายเสียด้วยซ้ำ “ถ้ากูแจ้งตำรวจ ก็ต้องเป็นข่าว นักข่าวทำข่าวว่ากูไปมีวันไนต์กับผู้หญิงแล้วโดนหลอก มึงว่ากูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“เอ่อ...”
“แล้วพรรคการเมืองกูอีก” เขายกมือขึ้นกุมขมับ หากว่าเธอวางยาเขาก็ยังพอมีข้ออ้างว่าถูกวางยา แต่นี่...มันเป็นความโง่เขลาของเขาเองทั้งหมด ยิ่งตอนนี้อีกไม่กี่เดือนเขาก็ต้องลงสมัคร สส. ถ้ามีข่าวหลุดออกไปคนก็ยิ่งขุดคุ้ยประวัติว่าเขาชอบเที่ยวมากแค่ไหน ถ้าถึงตอนนั้นคงไม่เหลือหน้าตาทางสังคมแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรอหน่อยนะครับ”
“รอ รอ กูรอไม่ได้ โธ่เว้ย!!” ลุกขึ้นปัดข้าวของบนโต๊ะทำงานทิ้งจนกระจัดกระจายเต็มพื้นห้องทำงาน
...ธันวากัดฟันกรอด นาฬิการาคาเหยียบยี่สิบล้านนั้นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือเธอกล้ามาแหย่จมูกเขา เธอกล้ามาลูบคางของเขา แถมยังทำให้เขาอับอายต่อหน้าแม่บ้านอีก
“พิ้งค์กี้” ชื่อนี้...น่าจะเป็นชื่อปลอม หากใครรู้ ใครเห็นคงตราหน้าว่าเขาเป็นไอ้โง่แหง ๆ แม้แต่เพื่อนสนิทเขาก็ไม่อยากเล่าให้ฟัง มีหวังไอ้ใหญ่มันล้อเขาจนตายแน่ ๆ
“เอ่อ เดี๋ยวผมขอรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ น่าจะได้เรื่องแล้ว”
“เอามา! กูคุยเอง!” ก้าวขาเดินไปหา กระชากโทรศัพท์ออกจากมือเลขาฯหนุ่ม ธันวายกโทรศัพท์แนบหูทันที
“ฉันเอง ได้เรื่องแล้วงั้นสิ”
[ครับ เธอชื่อรินลณี อายุ 22 ปี ทำงานรับจ้างเป็นแคดดี้ในสนามกอล์ฟครับ]
“เอาตัวมันมา! อย่าให้ใครเห็นล่ะ”
[ครับ นาย] กดตัดสายพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก กล้านักนะที่มาทำแบบนี้กับเขา อย่าหากว่าเขาเป็นคนไร้มนุษยธรรมเลย ศีลธรรมมันมีไว้ให้กับคนที่เห็นคุณค่ามันแค่นั้นแหละ
หลังจากชดใช้หนี้ทั้งหมดรินลณีก็ไม่ลืมที่จะเอาสัญญาใช้หนี้มาเก็บไว้ แม่ออกไปทำงานที่โรงงานตั้งแต่เช้า เธอไม่อยากให้คนเป็นแม่ทำงานแล้ว แม้นว่าอายุจะเพิ่งขึ้นเลขห้า แต่คนเป็นแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็กทำให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยง่าย ซึ่งตอนนี้เธอก็มาทำงานแล้ว
“เป็นไรหรือเปล่านะ” พึมพำออกมาเสียงแผ่วเบาหลังจากพยายามติดต่อพี่สาวคนสนิท อยู่ ๆ จอยก็ไม่รับโทรศัพท์ของเธอเสียอย่างนั้น
“ไม่สบายหรือเปล่า” นั่งพูดคนเดียวระหว่างพัก เธอทำงานในสนามกอล์ฟไม่ไกลจากสลัมที่อยู่นัก หญิงสาวทำงานเป็นแคดดี้มืออาชีพ ทำมาตั้งแต่อายุได้สิบแปดปี เธอคุ้นชินกับคนที่นี่และเจ้าของสนามกอล์ฟก็เอ็นดูเธอ
...งานของเธอนั้นหนักพอควร หญิงสาวต้องทำหน้าที่ถือกระเป๋า ถุง หยิบไม้กอล์ฟ เช็ดอุปกรณ์ กางร่มบังแดด สารพัดอย่างให้กับนักกอล์ฟมืออาชีพ ในบางครั้งหากมีการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ เธอก็ได้รับหน้าที่เป็นพริตตี้สนาม บางคนก็สามารถออฟไปทำเรื่องอย่างว่าได้ นักธุรกิจเบอร์ใหญ่มักเรียกสาวสวยไปใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอไม่ได้รับงานนี้ด้วยเพราะคนเป็นแม่ห้ามไว้
ทว่าขณะนั้นเอง
“คุณรินลณีครับ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทางด้านหลังนั้นทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง หลุดจากภวังค์ความคิดในทันที เธอหันไปมองก่อนจะต้องตกใจให้กับกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดสูทมากกว่าสิบคน
“คะ?” กลืนน้ำลายลงคอ หัวใจดวงน้อยร่วงลงพื้นแต่ยังพอตั้งสติได้
“พอดีว่ามีคนต้องการพบครับ ยอมไปกับพวกเราดีกว่านะครับ”
“ไม่ค่ะ อะไรคะ ฉะฉัน...ไม่ไปไหนทั้งนั้น” เธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ คิดไปต่าง ๆ นานาว่าคนพวกนี้ต้องเป็นคนของคุณธันวาแน่ ๆ ดวงตาคู่สวยมองหาทางหนีในทันที
“แต่คุณต้องไป อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยครับ คงไม่ดีแน่ ๆ ถ้ามีใครมาพบศพคุณในห้องพักแบบนี้”
“ศพ? ...พะพวกแกพูดเรื่องบ้าอะไร” ว่าเสียงตะกุกตะกัก ไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนี้เข้ามาข้างในได้
“ไม่ต้องพยายามหนีหรอกครับ พอดีว่านายของผมรู้จักกับเจ้าของสนามที่นี่ เราก็เลยเข้ามาได้” ตอบคำถามในใจของเธอราวกับรับรู้ว่าเธอกำลังสงสัย รินลณีส่ายหน้าพร้อมกับก้าวขาถอยหลัง
“พะพวกแกต้องการอะไร!”
“ผมไม่ต้องการอะไรหรอกครับ แต่ว่านายผมต้องการ” ริมฝีปากบางอ้าค้างกลางอากาศ เธอหันซ้ายแลขวาก่อนจะคว้าเอาไม้กอล์ฟด้ามหนึ่งขึ้นมา
“อย่าเข้ามานะ!!” วาดไม้กอล์ฟไปทั่วทุกสารทิศ แต่ก็ไม่ทันเพราะอีกฝ่ายมีกันเยอะมาก พอเธอวาดไปด้านซ้ายคนด้านขวาก็เข้ากระโจนใส่
หมับ!
“กรี๊ดดด ช่วยด้วย!!” ไม่ทันไรเธอก็ถูกรวบตัวได้ รินลณีดิ้นพล่านในอ้อมแขนของชายฉกรรจ์
“หยุด!! ไม่งั้นผมชกหน้าคุณแน่!” ไม่พูดเปล่า ชายคนหนึ่งกำกำปั้นขึ้นเหนือศีรษะ เขาไม่ใช่คนใจดี ท่าทีน่ากลัวของเขาทำให้รินลณีหยุดดิ้นในที่สุด
“ฮึก แกจะพาฉันไปไหน” ร่างบางถูกลากไปขึ้นรถยนต์คันหรูไม่ไกลจากห้องพัก หันไปมองรอบกายก็ไม่มีผู้ใดเลยสักคนเดียว
“พาไปหานาย...” ตอบเสียงนิ่งเรียบ เพียงแค่นี้รินลณีก็รับรู้ชะตากรรมของตัวเอง เธอหนีไม่รอดแล้ว...