เวลาต่อมา... [ปัจจุบัน]
ทุกอย่างถูกเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ทางหนีทีไล่ นอกจากเงินในกระเป๋าแล้วทรัพย์สินของเขาที่ห้ามคลาดสายตาอีกอย่างคือนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือหนา
...รินลณียืนมองตัวเองผ่านกระจกสีใสหลังจากเสร็จภารกิจ คราแรกว่าจะวางยานอนหลับไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัว แต่การเสียตัวในครั้งนี้จะทำให้เธอได้เปรียบเขา ไม่ให้เขากล้าไปแจ้งความ หากแจ้งความไปแล้วก็คงเป็นข่าว แล้วเขาคงไม่กล้าบอกหรอกว่าได้เสียกับมิจฉาชีพ หรือถูกผู้หญิงหลอก เพราะฉะนั้นการยอมเสียตัวจึงแนบเนียนมากกว่า หากวางยานอนหลับอาจจะกลายเป็นคดีอาญาใหญ่โต เป็นอาชญากรรมปล้นทรัพย์เลยก็ได้
พี่สาวคนสนิทบอกไว้
เพราะอย่างนั้นเธอจึงยอมที่จะเสียครั้งแรกให้กับชายแปลกหน้าคนนี้ น้ำตาไหลอาบแก้ม มองรอยรักเป็นจ้ำที่ต้นคอระหง น้ำสีขาวขุ่นที่เขาปล่อยออกมาใส่ร่องอกของเธอ ตอกย้ำว่าถูกเขาย่ำยีศักดิ์ศรีไม่เหลือชิ้นดี
รินลณีเดินเข้าอาบน้ำใต้ฝักบัว ชำระล้างคราบสกปรกจากชายแปลกหน้า ความเจ็บที่หว่างขาทำให้เธอมีใบหน้าเหยเก เขาไม่ได้ทะนุถนอมคู่นอนเลย ความรู้สึกจุกในท้องน้อยทำให้รู้สึกขยาด นี่แค่คนเดียว...ถ้าได้รับแขกวันละห้าคนอย่างที่พี่สาวคนสนิทบอกไว้ ก็คงได้ตายกันพอดี
พอเวลาผ่านไปสักพักเจ้าของร่างบางก็แง้มประตูออกมา เห็นว่าธันวาได้หลับไปแล้ว มุมปากสวยกระตุกยิ้มรีบเดินออกมาใส่เสื้อผ้าที่เกลื่อนอยู่บนพื้น คว่ำปากลงอย่างนึกหมั่นไส้ผู้ชายที่นอนหลับอยู่ อยากประทุษร้ายเขาที่ไม่ทะนุถนอมเธอเอาเสียเลย รินลณีรีบจัดการเอานาฬิกาเรือนหรูที่พี่สาวคนสนิทย้ำนักย้ำหนา ก่อนจะเปิดกระเป๋าควักเอาเงินสดมาจนหมด เธอดึงเอาทั้งผ้าห่ม เสื้อผ้าและโทรศัพท์มือถือของเขาไปไว้ในตู้เพราะอยากให้เขาขายหน้า หมั่นไส้ที่อีกฝ่ายทำรุนแรงกับเธอ หญิงสาวไม่เอาโทรศัพท์ของเขาไปด้วย เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะตามตัวได้
รินลณีจัดการทุกอย่างด้วยความรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะมัดข้อมือของอีกฝ่ายไว้กับหัวเตียง โดยใช้เชือกที่เตรียมไว้ก่อนหน้า หญิงสาวต้องการถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด หากว่าเขาตื่นขึ้นมาจะได้ไม่ตามหาตัวเธอได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถมัดได้ทั้งสองข้าง เพราะเกรงว่าเขาจะรู้สึกตัว อย่างน้อยการมัดตายข้อมือข้างหนึ่งของเขาไว้ก็ซื้อเวลาได้บ้าง
...หลังจากได้ของ จัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็รีบออกจากโรงแรมไปด้วยความรวดเร็ว
“เรียบร้อยใช่ไหม ไหนนาฬิกา”
“คะ?” พอขึ้นรถมาพี่สาวคนสนิทก็ปรี่ถามหานาฬิกาทันที
“นาฬิกาไง!! ไม่ได้เหรอ” ถามพร้อมกับยื่นมือมายึดไหล่ทั้งสองข้างของรินลณีไว้ ก่อนจะเขย่าแรง ๆ จนร่างบางโยกคลอน
“อะเอามาค่ะ” รีบล้วงกระเป๋าหานาฬิกามาให้พี่สาวคนสนิท ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบร้อนรับไปอย่างลนลาน
“แล้วเงินในกระเป๋ามีเท่าไหร่” เอ่ยถามทั้ง ๆ ที่สายตายังไม่ละจากนาฬิกาเรือนหนูนี้
“อ้อ ห้าพันเองค่ะ”
“งั้นเอาห้าพันไป แล้วก็นี่เงินเพิ่ม...รวม ๆ ก็สองหมื่นพอดี” อยู่ ๆ พี่สาวคนสนิทก็ยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ รินลณีมึนงงจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวบอกว่าไม่มีเงินให้ยืมไม่ใช่หรือ
“เอ่อ เงินนี่พี่ยืมจากแฟนพี่น่ะ” รับมาพร้อมกับมองไปยังแฟนหนุ่มของจอยที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับรถ เธอพยักหน้าอย่างงง ๆ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่สาวคนสนิทคนนี้มีแฟน
“เดี๋ยวพี่ขอนาฬิกา เรือนนี้ไม่แพงหรอก”
“ค่ะ...” ตอบรับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“งั้นพี่ไปส่งรินก่อนเลยนะ” สิ้นสุดเสียงของจอย รถเก๋งอีโคคาร์สัญชาติญี่ปุ่นก็แล่นไปตามท้องถนน
“เป็นไงเสียตัวครั้งแรก”
“เอ่อ...” รินลณีส่ายหน้า รู้สึกไม่ชอบสักเท่าไหร่
“หึ เดี๋ยวถ้าได้รับงานบ่อย ๆ ก็ชินแล้วล่ะ ถ้าอยากจะขายก็ไปติดต่อเจ๊ได้เลยนะ” จอยคงหมายถึงเจ๊เจ้าของเลานจ์ รินลณีพยักหน้ารับเบา ๆ แต่ตอนนี้เธอไม่อยากทำแล้วล่ะ
ไม่นานรถยนต์ก็เคลื่อนมาถึงสลัม
“พี่ไม่กลับบ้านเหรอ” เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา จอยแทบไม่กลับมาที่สลัมอีกเลย
“ไม่รู้จะกลับมาทำไม”
“จริงด้วย...” ตั้งแต่พ่อแม่ของพี่สาวคนสนิทเสียก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย รินลณีหน้าเศร้าเพราะเธอไม่มีเพื่อนเลย
“พี่ไปละ”
“ค่ะ...กลับดี ๆ นะคะ” โบกมือลาหย็อย ๆ มองท้ายรถที่เคลื่อนไปด้วยความรู้สึกใจหายแปลก ๆ ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ คงเป็นเพราะเพิ่งทำความผิดมาด้วยล่ะมั้ง
ทว่าพอกลับมาถึงบ้านก็เห็นคนเป็นแม่นั่งกอดเข่ารออยู่ เวลานี้เกือบตีสามแล้ว
“แม่!” ตะโกนเรียกพร้อมกับรีบเดินไปหา
“ไปไหนมาริน” มารดาถามเสียงสั่นก่อนจะเห็นรอยจ้ำสีม่วงคล้ำที่คอของลูกสาว “ไปทำอะไรมาล่ะหือ”
“หนู...”
“ทำไม...รินลูก” รั้งร่างบางเข้ามากอด พอเดาออกว่าลูกสาวไปทำอะไรมา “ทำไมหนูไม่เชื่อแม่ ทำไมหนู...”
“ฮึก หนูอยากได้เงิน หนูขอโทษ” ว่าพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ก่อนจะผละอ้อมกอดออก “แต่หนูไม่ทำอีกแล้วแม่ มันไม่สนุกเลย”
“อึก หนูเจ็บเหรอลูก” ลูบเนื้อลูบตัวของลูกสาว ในอดีตก็เคยทำงานแบบนี้จึงรู้ว่าแขกแต่ละคนนั้นเป็นอย่างไร
“อึก ค่ะ...” พยักหน้ารับ อาจจะเป็นเพราะครั้งแรกก็เลยรู้สึกเจ็บอย่างนี้ ส่วนตัวเขาเองก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าเธอยังซิง ก็เลยไม่ได้ทะนุถนอมเลยสักนิด
“ดีแล้วลูก ครั้งเดียวก็เกินพอ แม่ดีใจที่หนูคิดอย่างนี้” โรสรินรู้สึกดีใจ ก่อนหน้านี้รินลณีพยายามรบเร้าอยากขายตัวนักหนา แต่พอได้ยินว่าจะไม่ทำอีกก็รู้สึกดี รู้สึกว่ารอบนี้มันคุ้มที่ทำให้ลูกสาวมีความคิดที่เปลี่ยนไป
“เขาได้ป้องกันไหม”
“อึก ปะป้องกันค่ะ” เธอพยักหน้ารับ ก่อนจะโผเข้ากอดคนเป็นแม่อีกครั้ง ในใจก็หวั่นว่าแม่จะรู้ว่าไม่ใช่แค่การขายตัวธรรมดา แต่เป็นการลักทรัพย์อีกด้วย