EP 26

1146 คำ
ยายจำปาโอดครวญทั้งน้ำตา เพราะความโกรธและสงสารหลาน ขณะที่ชาลี ธีระนัยและชลธิชาต่างเรียงหน้ากันเข้ามากราบแทบเท้าในความผิดที่ปิดบัง และยายจำปายังสั่งทุกคน ให้พาไปหาหลานสาวในวันนั้น “ไม่มีใครรู้ว่านิ่มอยู่ไหนหรอกครับยาย เห็นนิ่มบอกว่าเขาสั่งห้ามไม่ให้ใครไปหาก่อนได้รับอนุญาตด้วย” แต่ทุกคนไม่ยอมและบอกให้ยายจำปารับรู้ ว่าตอนนี้กัณหาเองก็คงเสียอกเสียใจไม่ต่างกันนัก ที่ชีวิตต้องผกผันแบบนี้ ยายจำปาเสียใจร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ ว่าทำไมงหลานต้องมาเจอกับเรื่องร้าย ๆ อย่างนี้นับตั้งแต่วันที่รู้เรื่อง   กระทั่งถึงวันที่หลานจะกลับบ้าน “นิ่มกราบขอโทษยายจ้ะ ที่ไม่ยอมบอกยาย นิ่มกลัวยายจะคิดมากจนกลับไปป่วยอีก ยกโทษให้นิ่มด้วยนะจ๊ะยายจ๋า ที่นิ่มทำไปทั้งหมดก็เพราะนิ่มรักยายจ้ะ นิ่มยอมเห็นยายในสภาพนั้นไม่ได้” กัณหาได้ยินจากปากพ่อแล้ว ว่ายายรู้เรื่องทั้งหมด เลยต้องรีบคุกเข่าลงไปกราบแทบเท้ายายทันทีที่เดินเข้าบ้านมา ยายจำปาร้องไห้ด้วยความเสียใจ ที่หลานทำอะไรไม่ปรึกษา เสียใจที่อุตส่าห์ถนอมกล่อมเกลี้ยหลานมา เพื่อหวังจะให้มีอนาคตที่ดีกว่าแม่กว่ายาย แต่สุดท้ายก็ต้องพาความสาวไปให้เขาย่ำยี “ยายครับ! ถ้าจะโกรธพี่นิ่ม ยายก็ต้องโกรธหนุ่มด้วย ที่ยอมให้พี่นิ่มไปทำงานนั้น แต่เราสองคนไม่มีทางเลือก ทั้ง ๆ ที่พยายามจะหาเงินมาเป็นค่ารักษายายแล้ว พี่นัยพี่ชลก็ควักให้จนหมดกระเป๋า เจ้านายพี่นิ่มก็ให้มาอีก แต่มันก็ไม่พอ เพราะค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนมันพุ่งพรวด ๆ ขึ้นทุกวัน พี่นิ่มไม่มีทางเลือกเลยต้องทำแบบนี้” ชาลีเองก็คุกเข่าลงตรงหน้ายาย ด้วยความรู้สึกผิด ธีระนัยกับชลธิชาก็ทำตาม เพื่อหวังจะให้ยายหายโกรธ จนสุดท้ายยายจำปาก็อ้าแขนรับหลานเข้าไปกอด เมื่อเห็นหลานร้องไห้อย่างหนักที่ทำให้ยายโกรธ และอ้าแขนกอดสองหนุ่มสาวที่ไม่เคยทอดทิ้งด้วยความขอบคุณด้วย “แล้วนิ่มจะทำยังไงต่อล่ะ ทำไมเราจะต้องเจอแต่เรื่องร้าย ๆ ด้วยก็ไม่รู้” “ไม่ต้องทำอะไรหรอกจ้ะยาย เราก็อยู่อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบสองปี หรือจนกว่า พ่อจะหาเงินไปซื้อทุกอย่างคืนจากเขาเท่านั้นจ้ะ” หลานอธิบายให้ยายรับรู้ด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นเครือ “นิ่มน่าจะปล่อยให้ยายตาย ๆ ไปซะ ยายแก่แล้ว อยู่ไปก็ไม่มีความหมาย ยายไม่อยากเห็นนิ่มต้องทนทุกข์แบบนี้ นิ่มยังเด็กอยู่ ต้องเห็นอะไรอีกมากมาย ไม่น่าเอาทุกอย่างในชีวิต ไปทุ่มให้คนใจร้ายพวกนั้นเลย” “นิ่มทุ่มให้ยายต่างหากล่ะจ้ะ ยายมีค่ากับเราสองคนที่สุด ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก เราก็ยินดีจะทำจ้ะยาย ต่อไปยายอย่าพูดอย่างนี้อีกนะจ๊ะ นิ่มไม่อยากฟัง แค่คิดว่าจะไม่มียายอยู่ด้วยนิ่มก็เสียใจที่สุดแล้วจ้ะยาย” ชาลีก็โอบพี่กับยายร้องไห้ไม่หยุดเพราะความสงสาร ไม่แพ้ธีรนัยกับชลธิชาต่างกอดกันร้องไห้ แต่เป็นการร้องไห้ด้วยความตื้นตันในความรักของสามยายหลานมากกว่าจะเสียใจ และตลอดสองวันที่กัณหาอยู่บ้าน จะถูกยายซักถามอย่างละเอียด ถึงชีวิตความเป็นอยู่ในที่ใหม่ ก็จะบอกอย่างไม่ปิดบังในเกือบทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องจะกระทบกระเทือนความรู้สึกยายมาก ๆ เช่นความรุนแรงจากน้ำมือ น้ำคำของเขา ที่ถูกปิดเงียบเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ แม้แต่น้องชาย ยายจำปาจึงรีบจัดแจงทำอาหารแห้งสารพัด ให้หลานเอากลับไปไว้กิน จะได้ไม่ต้องเดินไปซื้อในตลาดไกลเป็นกิโล ๆ อีก “ถ้ายายไปส่งนิ่ม เขาก็จะส่งสัยได้ แล้วพาลยกเลิกข้อเสนอที่เขาให้ย่ากับพ่อไว้ ทีนี้ทุกอย่างที่ทำกันมา ก็จะเสียเปล่านะจ้ะยาย นิ่มโตแล้วดูแลตัวเองได้ ยายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะ พ่อมารับแล้ว งั้นนิ่มไปก่อนนะจ๊ะ” ยายจำปาได้แต่ยืนมองหลานเดินไปนั่งรถหรู กำลังจะพาหลานไปส่งสู่ขุมนรก เพราะถือว่า การต้องไปนอนกับผู้ชายคนไหนก็ตาม ที่หลานไม่ได้รักใคร่ชอบพอ ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะดี ตามที่หลานบอกยังไงก็ตาม นั่นก็ยังถือเป็นการตกนรกทั้งเป็นอยู่ดี ยังใจชื้นอยู่บ้าง ที่มีกำหนดเวลาให้ ไม่งั้นยายจำปาคงจะบ้าเพราะสงสารหลานเป็นแน่   “ว่าไงครับท่านประธานคนใหม่ ตั้งแต่ขย่ำคู่อริได้นี่ ไม่เคยติดต่อใครเลยนะ” ศรศิลป์กับดนัย เพื่อนทุกข์เพื่อนยากตั้งแต่สมัยรยนมัธยมด้วยกัน และอุ้มชูเขาทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งตัวศรศิลป์เอง และทั้งพ่อของเขา ที่มีตำแหน่งทางการเมืองจนได้ข่าววงในดี ๆ ทำให้เขาสบช่อง สบโอกาส ทำเงินจากที่ดินไร้ราคา ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากปู่ จนกลายเป็นทำเลทอง เขาจึงได้เงินก้อนจากการขายบางส่วน มาต่อยอดธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขยายมาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำกำไรให้โครงการละหลายสิบ หลายร้อยล้านมาเรื่อย ๆ เขาก็ไม่เคยที่จะลืมเลือนความมีน้ำใจของเพื่อนหรือผู้มีบุญคุณแม้แต่คนเดียวเลย ถึงจะเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริงทำจริง แต่เวลาใครมีปัญหามา เขาก็ไม่เคยทอดทิ้ง จนเป็นที่รักของเพื่อน ๆ มาตลอด “ก็ยุ่งทุกวันไม่มีเวลาว่างเลย ว่าจะไปกินเหล้ากับคุณลุงทีไร ก็ยังไม่สบโอกาสสักที” เขารีบออกตัวทันทีที่เพื่อนโผล่หน้าเข้าไปในห้อง กระเซ้าเย้าแหย่เขาเป็นประโยคแรก “ยุ่งเรื่องงานหรือเรื่องอื่นอยู่วะไอ้เสือ” ตามด้วยประโยคสอง ชาครีย์เงยขึ้นไปจ้องเพื่อนตาเขม็ง แต่ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากก้มหน้าอ่านรายงานการเงินเท่านั้น ส่วนเพื่อนก็ไม่ยอมให้เชิญแต่อย่างใด เดินดุ่ม ๆ เข้ามานั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะอย่างเป็นกันเอง “หมดเวลางานแล้ว ไปพักผ่อนหย่อนใจกันดีกว่า ฉันมีแหล่งเอ็นเตอร์เทรนน์ใหม่มานำเสนอ รับรองถูกใจ จนหาทางกลับบ้านไม่ถูกเลยล่ะ” ดนัยยั่วน้ำลายก่อน “ไม่ล่ะ! พวกแกไปเหอะ ฉันมีงานค้างเยอะแยะที่จะต้องตรวจ” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม