ตอน..แผนฤาเผลอ
ร่างเปลือยนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม ค่อย ๆ ลุกขึ้น ใส่เสื้อผ้า คว้าเสื้อคลุมตัวใหญ่ของเขาห้อยอยู่ในตู้มาสวมทับไว้ แล้วรีบจากไป โดยไม่สนใจจะหันกลับไปมองเจ้าของห้องก้าวออกมาจากห้องน้ำเลย
ชาครีย์เดินไปตรงหน้าต่าง มองลงไปหาคนกำลังก้าวอย่างเชื่องช้าไปอีกบ้าน ยิ้มอย่างสุขใจที่ได้สั่งสอนคนปากกล้า มือเก่ง บังอาจมาตบเขาต่อหน้าคนนับสิบ ก่อนจะรีบตรงไปเปิดตู้คว้าเสื้อผ้ามาใส่ เพราะต้องรีบเข้าประชุมเช้า
ผิดกับอีกคน ที่เดินเอื่อยเฉื่อยไปยืนอยู่ใกต้ฝักบัว เพื่อใช้สายน้ำดับเปลวไฟแห่งความเกลียดชัง ผู้ชายใจร้ายให้มอดดับไปโดยเร็ว
แต่ก็ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง ให้กับการนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความคับแค้นใจ จนร่างกายเหนื่อยอ่อน เรียกร้องหาเครื่องดื่มหวาน ๆ เย็น ๆ มาช่วยเติมพลัง ในบ้านไม่มีอะไรเลย
จึงตัดสินใจเดินถือร่มท่ามกลางแดดเปรี้ยง ๆ ไปปากซอย และเดินเรื่อยเปื่อยไปถึงตลาด ได้ข้าวของมาเต็มไม้เต็มมือ ก็เดินกลับท่ามกลางแดดยามบ่าย
จนได้เหงื่อท่วมตัว แอร์ช่วยได้มากเมื่อเข้าบ้านแล้ววางของบนโต๊ะ กระดาษสารพัดสี หลายม้วนถูกตัดออกมาเป็นแผ่น เพื่อพับนกน้อยหย่อนลงขวดโหลตามเคย
ตั้งใจจะลุกไปทำราดหน้า แต่อาการปวดหัว ปวดเนื้อปวดตัว ก็รุมเร้า จนต้องหอบกระเป๋าสตางค์ กับมือถือขึ้นห้อง แล้วล้มตัวลงนอนทันที
รู้แน่แล้วว่าตัวเองป่วย แต่เรี่ยวแรงจะลุกไปหาซื้อหยุกยาถึงหน้าปากซอยมากินนั้นไม่มีเลย จะไหว้วานใครก็ทำไม่ได้ จะโทรหาพ่อก็รู้ว่าต้องไปขออนุญาตเขาก่อน กว่าพ่อจะมาได้ก็คงหลังเลิกงาน
การหลับให้ร่างกายพักผ่อน จึงเป็นเพียงหนทางเดียว ที่นางบำเรอแพะพึงจะหยิบยื่นให้กับตัวเองได้
“ผมขอยาแก้ปวด กับกาแฟเข้ม ๆ ด้วยนะ”
ส่วนอีกคน ที่สามารถสรรเสกทุกอย่างให้กับตัวเองได้ ก็กำลังปวดหัวหนึบจากการนอนน้อย หรือจะเรียกว่าเกือบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ เพราะความโกรธรุนแรงเมื่อถูกตบ กับอารมณ์ดิบเถื่อน
บวกกับระดับดีกรีที่ดื่มเข้าไป ทำให้มีเรี่ยวแรงมหาศาล ลงโทษคนฝีปากกล้าจนหนำใจ ป่านนี้ริ้วรอยใหม่คงเกิดขึ้นเต็มผิวขาว ๆ ทดแทนของเก่าแล้วกระมัง
“ผมไม่รับแขกนะ”
เขาสั่งเลขาหลังจากได้ของที่ต้องการแล้ว พร้อมกับเดินไปนอนกับชุดรับแขกตัวยาว แล้วหลับในทันที
สะดุ้งตื่นเอาตอนหกโมงเย็นพอดี เมื่อเลขาเห็นว่าถึงเวลาเจ้านายควรกลับจึงเข้ามาปลุก ตั้งใจจะไปเที่ยวกับเพื่อน เพื่อไถ่โทษที่หนีขึ้นห้องไปหาความสุขคนเดียวก่อนเมื่อคืนนี้ แต่คิดอีกที ก็อยากจะไปดูริ้วรอยให้เป็นขวัญตาา
คฤหาสน์หลังงาม จึงเป็นเป้าหมายใหม่ บ้านหลังน้อยห่างออกไป คือจุดหมายอันแท้จริง ทว่าช่างเงียบเชียบ และมืดไปทั้งหลัง ไม่มีไฟเปิดไว้สักดวง
ถุงอะไรต่อมิอะไร วางเกลื่อนโต๊ะ เมื่อเขาเข้าบ้านไป ซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ปกติจะเก็บเรียบร้อย ผิดฟอร์มคุณหนูมิวอยู่แล้ว
‘หมดแรงล่ะสิท่า ถึงไม่ทำอะไรทั้งวัน ถ้าให้เดาก็คงจะหลับเป็นตายตั้งแต่เช้าแน่’
แต่ก็อดกระแนะกระแหนไม่ได้ จึงขึ้นชั้นบนหมายจะใช้เป็นข้ออ้างไว้ด่าทอให้เจ้าหล่อนเจ็บใจเล่นอีก เป็นจริงอย่างที่คิด เมื่อมองไปที่เตียง เขาก้าวอย่างเชื่องช้า ยืนกอดอกมองร่างที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม โผล่มาแค่หน้าเท่านั้น
“จะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไงไม่ทราบ หรือถูกเอาจนแรงหมด ได้ยังไง!! คืนนี้ผมเทคิวให้นางบำเรออย่างคุณจนหมดเลยนะ จะมาทำสำออยกับผมไม่ได้!! ลุกขึ้นมา!!!”
เขากระชากผ้าห่มออก แล้วกำแขนเล็กดึงให้ลุกขึ้น ก็ได้ร่างอ่อนระทวยและลืมตาปรือ ๆ ขึ้นมาจ้องเขาแทน สักพักก็หลับไปอีก ทั้ง ๆ ที่เขายังหิ้วแขนอยู่อย่างนั้น ก้มมองดี ๆ ก็เห็นใบหน้าขาวสวย เปลี่ยนเป็นแดงกร่ำผิดสังเกต จึงเอามือแตะดู
“โอ๊ต!!! ก่อนกลับช่วยมาดูคนป่วยที่บ้านให้หน่อยนะ อาการเหรอ! ก็เป็นไข้มั้ง ตัวร้อน ไม่หมดสติหรอก ยังรู้ตัวอยู่ แต่ดูท่าจะหลับหรือเพลียมั้ง งั้นแค่นี้นะไว้เจอกัน”
วางสายจากเพื่อนแล้ว เขาก็ตัดสินใจช้อนร่างอันไร้เรี่ยวแรงขึ้น พาตรงไปอีกบ้าน ที่มีคนและข้าวของพร้อมสำหรับคนป่วยมากกว่า
“เจียง! ช่วยขึ้นไปเปิดประตูห้องให้ทีซิ”
พอถึงตึกก็สั่งทันที เจียงรีบวิ่งขึ้นบันไดอย่างรู้งาน โดยไม่ได้เอ่ยถามอะไร เข้าห้องได้ก็รีบดึงผ้าคลุมเตียงออกให้เจ้านายได้วางคนในอ้อมแขนอย่างถนัด
“ไปดูความเรียบร้อยบ้านโน้นแล้วล็อคประตูให้ที เอาเสื้อผ้าคุณมิวมาด้วยสักสองสามชุด อ้อ! ให้ในครัวจัดอาหารเผื่อคุณหมอด้วย ยกขึ้นมาบนระเบียงข้างนอกก็ได้”
พอวางคนป่วยได้ ก็หันไปสั่งอีกรอบ เจียงรับคำเบา ๆ แล้วออกจากห้องไป ด้วยความรู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มไม่ชอบพูดมาก และไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้
ผิดกับผู้เป็นแม่ มักจะขี้เหงา จึงต้องมีคนรับใช้อยู่ใกล้ตัวเสมอ ๆ อย่างเช่นตอนนี้ ที่ไปทัวร์จีนกับเพื่อน ๆ ก็ยังหิ้วคนใช้ขี้ประจบอย่างยัยจิ๊ปไปด้วย
“ไข้หวัดใหญ่น่ะ ฉีดยาให้แล้ว วันสองวันก็ดีขึ้น ตอนนี้ก็ให้นอนพักมาก ๆ พรุ่งนี้จะแวะมาดูให้อีก”
หมอปองศักดิ์ไขข้อข้องใจให้รู้ ขณะเดินออกมาโต๊ะอาหาร ตรงระเบียงข้างนอก ชาครีย์พยักหน้าให้เจียงออกไปได้ เพราะไม่ชอบให้ใครมายืนรอบริการ ซึ่งหมอหนุ่มถือเป็นเรื่องดี เพราะอยากเตือนเพื่อน เกี่ยวกับเรื่องที่เห็นตำตา
“เมื่อคืนทำไมแกต้องทำรุนแรงกับเขาขนาดนั้นด้วยล่ะ น่าสงสารออก!”
“แต่ก็ยังน่าสงสารน้อยกว่าคนที่น้องกับพ่อต้องตายไป โดยที่คนผิดไม่ได้รับโทษอะไรเลย หรือแกจำไม่ได้แล้ว ว่าพวกมันทำกับฉันกับแม่ไว้ยังไงบ้าง”
ชาครีย์รีบสวนขณะตักอาหารใส่จาน