“จำได้ ๆ แต่ฉันไม่เข้าใจว่า การที่แกใช้วิธีรุนแรงอย่างนี้ ผู้หญิงที่ไหนจะมาหลงรักแกลงล่ะ ถ้าเขาไม่รัก แผนแกก็ไม่มีทางสำเร็จ พอถึงสองปีแกก็จะเสียเงินเสียหุ้นไปเปล่า ๆ นะ”
“ก็กี่คนแล้วล่ะที่รักเพราะฉันเป็นแบบนี้”
ยังดันทุรัง แม้ในใจจะลังเลไม่น้อยกับคำเพื่อน
“แต่แกคงไม่ได้ทำใครรุนแรงขนาดนี้หรอกมั้ง รอยเขียวเต็มตัว แถมยังลากเขามามั่วเหมือนเป็นผู้หญิงหากินอวดเพื่อน อวดพ่อเขาอีก นอกจากเขาจะไม่รักแกแล้วนะ ฉันว่าเขาคงจะเกลียดแกเข้าไส้ด้วยล่ะ เชื่อฉันสิ เปลี่ยนวิธีลองดู ผู้หญิงร้อยทั้งร้อย ต้องชอบผู้ชายอ่อนหวาน เอาอกเอาใจสารพัด พาไปเที่ยว ไปช้อปปิ้ง ไปดูหนังฟังเพลง ซื้อของแพง ๆ ให้ เท่านี้เองไม่เห็นจะต้องยุ่งยากทำร้ายเขาขนาดนี้เลยนี่นา”
เพราะหมอหนุ่มให้สงสารผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะต้องมาทนให้เพื่อนรังแกครั้งแล้วครั้งเล่าไม่จบสิ้น จึงอยากจะช่วย ด้วยการพยายามเปลี่ยนแนวความคิดเพื่อนเสีย และดูเหมือนเพื่อนจะเห็นด้วยอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่วายค้าน
“แกก็รู้ว่าฉันเอาใจใครไม่เป็น พูดหวาน ๆ ไม่เป็น ที่แกพูดมานี่มันไม่ใช่ฉันเลยนะ”
“ก็ไม่ต้องฝืนทำดีถึงขนาดนั้น และก็ไม่ต้องฝืนทำรุนแรงถึงขนาดนี้ด้วย เป็นตัวของตัวแกเอง เก็บซ่อนความแค้นเอาไว้ก่อนช่วงนี้ แล้วทำดีกับเขาให้มากหน่อย รับรองไม่เกินสาม ห้า หรือสิบเดือน แกได้ใจเขาแน่ และถ้าจะให้ดี ก็เริ่มตั้งแต่ตอนเขากำลังป่วยนี่ล่ะ จิตใจและร่างกายกำลังอ่อนแอ ห่างอกพ่อแม่ ห่างย่า ห่างบ้าน ห่างความสะดวกสบาย มีผู้ชายที่เป็นผัวทางพฤตินัยคอยดูแลใกล้ชิด ต้องมีคิดบ้างล่ะคนเรา”
เพื่อนกลับไปสักพักแล้ว แต่คำแนะนำยังวนอยู่ในหัวไม่ห่างหาย ขณะเคลื่อนกายขึ้นไปนั่งบนเตียง ข้างคนป่วยที่ยังหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา
สามเดือนแล้วที่อยู่ด้วยกัน ไม่มีสักครั้ง ที่จะไม่ต้องใช้กำลังเข้าขู่ เมื่อเจ้าหล่อนต่อสู้ขัดขืนก่อนเสมอ ๆ หรือคำเพื่อนจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง
“แหม! ผู้ชายยังชอบผู้หญิงออดอ้อน อ่อนหวาน ว่านอนสอนง่าย สั่งอย่างไหนได้อย่างนั้น แล้วทำไมผู้หญิงจะไม่ชอบบ้างล่ะคะ ยิ่งผู้ชายพูดเพราะ ๆ เอาอกเอาใจเก่ง และยิ่งตอนป่วยแล้วมาดูแลใกล้ ๆ ถ้าเป็นส้มนะรักตายเลยค่ะ”
เลขาคู่ใจวัยดึก ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ยังมีออฟฟิศเช่าเล็ก ๆ จนมีตึกใหญ่โต ตอบมาตามสายเมื่อเจ้านายโทรไปถาม เพื่อหาข้อสนับสนุนคำแนะนำเพื่อน
และเมื่อสองคนบอกในทำนองเดียวกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก ถ้าหากเขาจะลอง
“หิวน้ำ ๆ ขอน้ำ ๆ ๆ”
เขารีบสลัดความคิดล่องลอยออก แล้วหันไปหาคนป่วยริมฝีปากแห้งผาก ตาปรือ ๆ กรอกมองซ้ายขวา จึงใช้แขนช้อนตัวให้ลุกขึ้น กึ่งนั่งกึ่งนอนแล้วค่อย ๆ ยกแก้วน้ำมาจ่อตรงปาก ดูเหมือนคนป่วยจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
แต่สุดท้ายก็ยอมจิบทีละน้อย ๆ แล้วนอนนิ่งดังเดิม ผ้าห่มถูกดึงขึ้นไปคลุมให้จนถึงคอ ก่อนเจ้าของร่างสูงจะเดินไปอาบน้ำ
‘หก ร้อย สาม สิบ ห้า’
นั่นคือเสียงแผ่วเบา ที่คนไข้ละเมอออกมา เมื่อเขาพาตัวขึ้นไปนั่งบนเตียง
‘หก ร้อย สาม สิบ สี่’
จึงโน้มตัวลงไปใกล้ ๆ เพื่อฟังให้แน่ใจ ก็รู้ว่านับเลข แต่ไม่รู้ว่ามันมีความหมายอะไร
‘หก ร้อย สาม สิบ สาม สาม สิบ สอง’
แล้วเสียงก็ค่อย ๆ เบาลง จนเงียบไปในที่สุด ส่วนเขาก็ไม่ได้สนใจจะค้นหาคำตอบ นอกจากรีบสอดตัวไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน อยากจะกอดร่างนุ่มใจจะขาด ติดตรงที่ตัวร้อนเป็นไฟจนแตะไม่ได้
เขาจึงคว้าหมอนข้างมากอดแทนชั่วคราว ก่อนจะหลับลงทันที เพราะความง่วงสะสม
“เก็บตกลูกค้ายุโรป ที่ไปพบเดือนก่อนให้หมดนะทัต รายไหนยาก ๆ ค่อยส่งมาให้ผม อ้อ! อย่าเผลอบอกเรื่องคนป่วยให้นายวิโรจน์รู้ล่ะ เดี๋ยวจะห่วง จนแห่กันมาเยี่ยมหมดบ้านพอดี เห็นแล้วรำคาญลูกกะตา ส่วนโปรเจคที่รังสิต ถ้าผมไปช้าก็ประชุมก่อนเลยไม่ต้องรอ แต่จะพยายามไปให้ทัน”
เจ้านายกำชับอีกรอบ เมื่อลูกน้องหอบเอกสารมาให้เซ็นถึงบ้าน และส่งรายงานต่าง ๆ ตามปกติ
“ครับคุณเสือ”
“ดีมาก กินอะไรก่อนค่อยไป”
มื้อเช้าถูกจัดที่เดิมกับเมื่อคืน เจ้านายหนุ่มรีบลงมือ เพราะอยากรีบไปดูคนป่วยยังหลับอยู่ ไหนจะต้องปลีกตัวไปประชุมอีกที่ เย็นก็มีนัดกินข้าวกับลูกค้ารายใหญ่อีก
แต่จู่ ๆ เขาก็คิดอะไรขึ้นได้ จึงหันไปเรียกเจียง กำลังจะเดินลงไปชั้นล่าง แล้วสั่งเป็นชุด
“เจียง! บอกในครัวให้เตรียมทำข้าวต้มสำหรับคนป่วยไว้ด้วยนะ แล้วเข้าไปเตรียมน้ำอุ่นไว้เช็ดตัว เตรียมเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนด้วย แล้วอย่าไปไหนไกลเผื่อผมจะเรียกใช้ ตอนผมไม่อยู่ จะให้อยู่ดูแลแทนหน่อย เผื่อหมอแวะมาด้วย”
แม้ทัตเทพจะแปลกใจ ตั้งแต่เรื่องคุณหนูมิวถูกพามานอนอยู่ห้องเจ้านายแล้ว คำสั่ง สีหน้า ท่าทางดูเหมือนจะห่วงทายาทคู่อริ ที่เจ้านายแค้นนักแค้นหนาก็โผล่มาอีกเรื่อง
แต่เขาก็เพียงแค่นั่งกินเงียบ ๆ ไม่เอ่ยอะไร พออิ่มก็ รีบลาไป เจ้าของร่างสูงใหญ่เอง ก็รีบเข้าห้องเช่นกัน จึงได้เห็นคนป่วยตื่นแล้ว และพอเห็นเขาก็ทำท่าจะลุก
“ถ้าลุกไม่ไหวคุณจะฝืนไปทำไมล่ะ” จึงส่งประโยคห้ามปรามระคนห่วงใยในแบบของเขาไปหา
“ฉันจะกลับบ้าน”
คนป่วยตอบแทบจะไม่จบประโยคด้วยซ้ำ
“รักษาตัวให้หายก่อน แล้วผมจะให้คุณกลับ ตอนนี้ไหน ๆ ก็ตื่นแล้ว งั้นก็ล้างหน้า เช็ดตัวเลยแล้วกัน จะได้กินข้าว กินยา หมอบอกว่าคุณเป็นไข้หวัดใหญ่ต้องนอนพักมาก ๆ”
เจียงประคองกะละมังน้ำ กับผ้ามาวางข้างเตียงพอดี คนป่วยพยายามจะลุกขึ้นนั่งเอง เรี่ยวแรงกลับแทบไม่มี กระนั้นก็ยังเหลือความอายอยู่มาก จนไม่อาจจะยินยอมให้ใครมาเปลื้องผ้าเช็ดเนื้อตัวให้อยู่ดี