บทที่6
แม่ทัพหลิวเสวียอี้ สั่งให้รองแม่ทัพแฝงตัวออกไปหาข่าวรอบๆ เหลาอาหาร ทุกครั้งที่คุณหนูจูไป๋เสวี่ยมาขับร้องเพลงที่เหลา มักจะมีขุนนางและพ่อค้าจากต่างเมืองมาฟังนางมากมาย ส่วนตัวเขาจะไปซุ่มดูว่าองค์ชายสามคุยอะไรกับคุณหนูจูบ้าง เผื่อเอาไปใช้ประโยชน์ได้
“ให้ข้าไปซุ่มดูองค์ชายสามเถิด” ไป๋ชู่แกล้งขัด เฮอะให้ข้าไปลอบฟังคนอื่น ส่วนท่านไปลอบฟังองค์ชาย ไม่ได้คิดการอื่นแน่หรอ ไม่ใช่ไปแอบดูหน้าแม่นางจูซะมากกว่า
“ตกลงข้าเหรอเจ้าที่เป็นแม่ทัพ”
“แน่นอนว่าท่าน” รองแม่ทัพไป๋ชู่รีบลุกจากโต๊ะตัวปลิวออกจากห้องรับรองทันที ก่อนทีอย่างอื่นจะปลิวลงหัวเขาแทน
หลิวเสวียอวี้ใช้วรยุทธเร้นกายไปหลบซ่อนข้างๆ น้ำตก ทุกครั้งที่มองใบหน้ากระจ่างใสของแม่นางจู หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเจ็บต้องยกมือมากดแนบหน้าอกเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบนาง และที่มายืนตรงนี้เพราะเขากลัวนางจะถูกองค์ชายสามล่วงเกินแม้จะอยู่ในที่โล่งแจ้ง มีบ่าวรับใช้ยืนข้างๆ อีก3คน แต่ชื่อเสียขององค์ชายสามก็มีไม่น้อย หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้เข้าไปช่วยนางทัน แม้นางจะเป็นวรยุทธเขาก็ไม่ไว้ใจ
“แม่นางจู ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ข้าองค์ชายสามหลงเฮ่าเฉิน”
จูไป๋เสวี่ย รีบลุก หยอบกายคารวะ
“ข้าน้อยจูไป๋เสวี่ย คารวะองค์ชายเพคะ” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือใครรอยยิ้มการค้าบนใบหน้าของนางแทบจะไม่เหลืออยู่
“ข้าไม่อ้อมค้อม ข้าอยากรับเจ้าเข้าจวนข้า”
“ข้าต้องขออภัยองค์ชายเพคะ ข้าน้อยมีคู่หมั้นหมายอยู่แล้ว”
“ทำไมข้าไม่เคยได้ข่าวนี้” เขาอุตส่าห์ดันด้นมาดูความงามของนาง พอพบว่างดงามถูกใจ เขาก็ต้องการพานางกลับไปด้วย ไม่เห็นมีใครบอกว่านางหมั้นหมายแล้ว
คนที่ยืนเร้นกายอยู่หลังน้ำตกก็ตกใจไม่แพ้กัน นางหมั้นหมายกับใคร เมื่อไร ทำไมคนของเขาไม่เคยมารายงาน
“ข้ากับเขาหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เยาว์วัย มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่ทราบ” นางไม่ได้มีคู่หมั้นแต่อย่างใด แต่ก็ยกขึ้นมาอ้างไปก่อน หากนางไร้คนรักและคู่หมั้น นางเชื่อว่าคนแบบองค์ชายที่มีอำนาจในมือต้องบังคับลากนางกลับเมืองหลวงด้วยแน่นอน นิสัยบิดาเป็นเช่นไร บุตรย่อมไม่แตกต่างกัน นางเชื่อว่าองค์ชายสามคงได้นิสัยฮองเต้หลงมาไม่มากก็น้อย
ที่ผ่านมานางหลบเลี่ยงการถูกคนมีอำนาจและขุนนาง แม้กระทั้งคุณชายทั้งหลายมาได้เพราะบารมีพี่ใหญ่ที่เป็นองค์รักษ์เกราะทอง แต่คงจะใช้ไม่ได้กับคนตรงหน้าตอนนี้
“ข้าไม่เชื่อ ข้าของดูหนังสือหมั้นหมาย” องค์ชายสามไม่ยอมแพ้
“องค์ชายใจเย็นก่อนเพคะ เรื่องหนังสือหมั้นหมาย ไว้ดูวันหลังก็ได้ ตอนนี้ให้ข้าดีดกู่เจิงให้พระองค์ฟังดีกว่า ท่านคงไม่ได้เสีย200 ตำลึงเพื่อมานั่งโต้เถียงกับหญิงที่มีคู่หมั้นใช่หรือไม่” รอยยิ้มนางนั้นอ่อนหวาน แต่แววตากลับแฝงไปด้วยอำนาจ ทำเอาองค์ชายสามยอมถอยแล้วนั่งลงฟังนางบรรเลงกู่เจิง