บทที่2
“เสด็จแม่ ออกมาเถอะพ่ะย่ะค่ะ ลูกมิทำอันตรายท่านหรอก ออกมาเถิด ออกมา” ไท่จื่อลากกระบี่ที่เต็มไปด้วยโลหิตเกี่ยวผ้าม่านออกดูว่ามีคนแอบซ่อนอยู่ด้านหลังหรือไม่ เสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลดังระงมไปทั้งตำหนัก
กลางดึกคืนหนึ่งพระจันทร์กลายเป็นสีเลือด องค์รัชทายาทนำทหารบุกเข้าวังหลวง สังหารฮองเต้กลางแท่นบรรทม
เจียวเอินจวิ้น นางเป็นฮองเฮาและเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดไท่จื่อ นั่งเอาหน้าซุกตรงหว่างขาตัวสั่นงันงก กลั้นลมหายใจและเสียงสะอื้น เกรงกลัวคนที่ถือกระบี่สังหารจะได้ยิน
หีบใบโตถูกเปิดออก นัยน์ตาองค์ไท่จื่อวาววับ ในที่สุดก็เจอเป้าหมาย กระชากร่างสตรีสูงศักดิ์ลอยลิ่วออกมากระแทกพื้นด้านนอก
อั้ก “ฮื่อ หลงเอ๋อร์ เหตุใดจึงทำเช่นนี้” ร่างบางกระแทกพื้นลงอย่างแรง เจียวเอินจวิ้นทั้งเจ็บทั้งจุกไปทั้งร่างกาย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจของนาง นางช้อนตาแดงกล่ำเต็มไปด้วยน้ำและความเจ็บปวด มองโอรสเพียงคนเดียวของพระนาง
“ยังไงบัลลังก์ก็เป็นของเจ้า เปิ่งกงทำทุกอย่างเพื่อเจ้ามาตลอด”
ไท่จื่อยิ้มเยาะ สายตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม
“ข้ารอไม่ไหว เสด็จพ่อยังแข็งแรง ในเมื่อเสด็จแม่สร้างอำนาจมาให้ข้าแล้ว สงเคราะห์ข้าอีกอย่างเถิด มอบลมหายใจของท่านให้ข้าเถอะ” ไท่จื่อบักกระบี่คมลงบนอกฮองเฮาไม่ลังเลเลยซักนิด อำนาจ ความยิ่งใหญ่ ให้เขารออีกงั้นเหรอ ไม่มีวัน แค่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่สิ้นลมหายใจไป ข้าก็ได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์มังกร ง่ายราวพลิกฝ่ามือ
“ข้าขอบคุณท่านที่ทำให้ข้ามีอำนาจ จนสามารถทำการใหญ่สำเร็จลุล่วง ลาก่อนเสด็จแม่” ไท่จื่อ ชักกระบี่ออกจากอกที่เคยดื่มกินนม ยืนมองร่างของสตรีสูงศักดิ์ที่ค่อยๆ หายใจรวยริน เขาจะยืนดูจนแน่ใจว่านางสิ้นใจแล้วจริงๆ
เจียวเอินจวิ้นกระอักเลือดทันทีที่ปลายกระบี่หลุดออกจากร่าง ไม่มีแม้แรงที่จะเอ่ยปากอ้อนวอนขอชีวิต เหตุใดโอรสที่นางอุ้มท้อง เลี้ยงมาด้วยสองมือ สร้างฐานอำนาจให้เขาบีนป่ายจึงลงมือสังหารนางโดยที่แววตามิรู้สึกผิดอันใดเลย
“ไม่! แฮ่กๆ “
“คุณหนูเจ้าค่ะ” ฮวาเจียวรีบพุ่งตัวจากฟูกนอนไปกอดร่างคุณหนูเล็กทันทีที่ได้ยินเสียงกรี๊ดร้อง
“ฝันร้าย แค่ฝันร้ายเจ้าค่ะ ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าอยู่ข้างๆ คุณหนูแล้วเจ้าค่ะ” ฮวาเจียวโอบกอดร่างน้อยๆ ที่ตัวสั่นเทาเอาไว้ ลูบหลังแผ่วเบาๆ ปลอบประโลม
“อื่อ ข้าไม่เป็นไรแล้ว พี่ฮวาเจียวไปนอนต่อเถอะ” จูไป๋เสวี่ย ผละออกจากอ้อมกอดสาวใช้ เมื่อตั้งสติได้ว่าเมื่อกี้นางเพียงฝันไปเท่านั้น เด็กน้อยในวัย 10 หนาว ฝันร้ายบ่อยครั้ง จนสาวใช้ต้องปูฟูกนอนข้างเตียงมาตั้งแต่จำความได้
ฝันร้าย มันคือฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน อดีตชาติก่อนของนาง ก่อนที่จะสิ้นใจ นางเกิดใหม่ แต่ยังจำชาติที่แล้วได้ทุกอย่าง จูไป๋เสวี่ยปาดน้ำตาออกจากใบหน้าน้อย
“คุณหนูนอนต่อนะเจ้าค่ะ ข้าจะนั่งตรงนี้จนกว่าท่านจะหลับ” ฮวาเจียวกดร่างน้อยลงกับเตียงนอน คุกเข่าลงข้างเตียง กุ้มมือคุณหนูของนางเอาไว้แน่น
จูไป๋เสวี่ย นอนลงตามแรงกดอย่างว่าง่าย ค่อยๆ หลับตา ลมหายใจสม่ำเสมอจนเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง