Area 28 : ความฉุนเฉียวของสองพี่น้อง

2555 คำ
"อย่าอวดดีนักเลย เจ้าจะตายห่าอยู่แล้วแท้ๆ" น้ำเสียงเย้ยหยันของเจ้าของเผ่าเอ่ยขึ้น จนทำให้พ่อหมอต้องขอเลี่ยงการปะทะกันของสองพี่น้องนี้ไป ปล่อยให้ปะทะฝีปากกันไปให้ฉ่ำอุรากันเองเถอะ น้ำค้างผู้ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย และไม่เคยรู้อะไรมาก่อนจึงได้แต่มองคนนั้นที มองคนนี้ที ทั้งคู่เอาแต่ขึ้นเสียงเถียงใส่กันปาว ๆ "ข้าไม่ได้ขอให้เจ้ามาช่วยสักหน่อย สะเหล่อมาช่วยเองทำไม" ซามูร์มองคู่สนทนาด้วยแววตาวาวโรจน์แค้นเคืองอย่างไม่พอใจ "หึ ก็จริงที่เจ้าไม่ได้ขอ แต่คนด้านข้างของเจ้าเป็นคนมาอ้อนวอนร้องขอให้ข้าช่วยชีวิตเจ้าเอง แบบที่แทบจะขาดใจตายแทนเจ้าได้เลยละ" ซาบิฑต์กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างมีชัยเหนือกว่า น้ำค้างที่ยังคงลูบลาดบ่าไหล่ คอยปลอบโยนคนป่วยให้ใจเย็นลงซะบ้าง มืออีกข้างก็คอยบีบฝ่ามือใหญ่เอาไว้ไม่ให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวไปมากกว่านี้ "นี่ ข้าขอละ เลิกทะเลาะกันก่อนได้มั้ย ทั้งสองคนน่ะเป็นพี่น้องกันประสาอะไร แล้วจะทะเลาะกันทำไมเนี่ย" น้ำค้างแหวใส่คืนทั้งคู่ที่เอาแต่จ้องกันตากันเขม็งแถมยังสาดวาจาเชือดเฉือนฟาดฟันใส่กันอยู่ได้ "ไม่ใช่เรื่องของเจ้า! / ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!" สุรเสียงทุ้มดุที่ได้แผดเสียงผสานกันออกมา จนมันฟังดูน่ากลัวชวนตกใจ ทำเอาน้ำค้างที่ได้ยินเข้าถึงกับต้องสะดุ้งตกใจและใจเสียขึ้นมาในทันที ใบหน้าเหลอหลาที่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวความเป็นมาของทั้งสองพี่น้องตรงหน้านี้อยู่ก่อนด้วยแล้ว จึงได้นิ่งสลดลงไปแบบทันควัน น้ำค้างเพิ่งดึงสติกลับมาหลังจากการถูกตวาดใส่เมื่อครู่นี้ จึงทำให้น้ำค้างเกิดความรู้สึกขึ้นมาได้ว่า ตนเองนั้นคงจะเข้าไปจุ้นจ้านกับสองพี่น้องตรงหน้าจนมากเกินไปแล้วสินะ ดวงหน้าที่มักจะมีความสดใสติดรอยยิ้มแทบจะตลอดเวลา บัดนี้กลับได้สลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาทั้งคู่รู้สึกแย่ตามไปด้วยทันทีเมื่อได้สบเห็นคนใจเสีย น้ำค้างหน้าม่อยลงไปแบบทันตาเห็น เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะได้เอ่ยพูดประโยคพูดออกมาอย่างกับคนน้อยใจ ซึ่งทำเอาคนที่ได้ยินได้เห็นถึงกับต้องเกิดอาการร้อนรนตามทันทีเช่นกัน "นั่นสินะ ข้าก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเจ้าแต่แรกแล้วนี่เนอะ ขอโทษด้วยนะที่ข้าเข้ามายุ่งวุ่นวายมากไปหน่อย" น้ำค้างก้มหน้าเปล่งเสียงพูดออกมาก่อนจะหันไปส่งสายตาเศร้าสร้อยและน้ำเสียงแผ่วเบาให้กับคนป่วยได้ยิน "ซามูร์หายไวๆ นะ ข้าไปละ" หลังจบคำพูดที่ดูเหมือนกับคำสั่งลายังไงยังงั้น มันทำให้คนฟังใจกระตุกเสมือนกับมันได้ร่วงหล่นหายไปตามรายทาง พร้อมกับคนที่กำลังหันหลังให้กันเลย ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดเอ่ยรั้งอะไรเอาไว้ได้ทัน ร่างบางที่เดินไหล่ตกก็ได้ลาลับสายตาหายออกจากกรอบประตูบ้านของพ่อหมอไปซะแล้ว ซามูร์กำหมัดแน่น รู้สึกอยากจะวิ่งตามคนเข้าใจผิดไปด้วย แต่เมื่อผุดตัวลุกขึ้นยืนก็ถูกความมึนหัวแล่นจี๊ดเข้ามาเล่นงานใส่กันทันที จนเจ้าตัวแทบจะหน้าคว่ำลงพื้นทั้งยืน หากไม่ได้ฝ่ามือหยาบกร้านช่วยดันช่วงตัวของตนให้กลับลงไปนั่งที่แคร่ไม้ดังเดิมได้ซะก่อน "เจ้าพักผ่อนซะเถอะ พิษน่าจะยังออกไม่หมด เดี๋ยวข้าไปดูน้ำค้างเอง" สีหน้าแววตาจริงจังของซาบิฑต์ทำให้ซามูร์ต้องเม้มริมฝีปากจนแน่นทันที น้ำค้างรึ? เรียกชื่อกันเสียสนิทสนมขนาดนี้ได้ยังไงกัน ทั้งที่นิสัยของซาบิฑต์แต่ก่อนนั้นไม่ชอบเรียกชื่อใครเสียด้วยซ้ำไป นิสัยเสียที่ติดตัวมาตั้งแต่เป็นเด็กมาแล้ว หากจะเรียกใครสักคนมักจะเรียกแต่ เจ้านั่น เจ้านี่ ยิ่งถ้าหากไม่สนิทใจหรือสนใจจริงๆ ซาบิฑต์จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวให้เสียเวลาซะด้วยซ้ำไป แล้วนี่มันคืออะไร? หลังจากที่ซามูร์ได้รับรู้จากท่านพ่อหมอแล้วว่า ซาบิฑต์นั้นได้ขึ้นมาครองตำแหน่งสูงสุดกับการขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าได้แล้ว สิ่งนี้ยิ่งทำให้คนวิตกกังวลเกิดความหวั่นใจขึ้นมาทันที เพราะว่าการกลับมาพบกันกับน้องชายแท้ๆ ในสายเลือดที่คลานตามกันออกมาครั้งแรกจากการตัดขาดจนห่างหายกันไปในรอบห้าปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีเรื่องหัวหน้าของทั้งสองเผ่า ไจโรกับเก็งเคอร์ไม่ค่อยจะลงรอยกันด้วยซ้ำไป แบบที่คงจะเรียกได้ว่าทั้งสองเผ่าของพวกเรานั้น มันได้แตกหักกันมาเนิ่นนานจนยากที่จะสมานและญาติดีกันได้เลย ☘ "น้ำค้าง!" ก๊อก! ก๊อก! "น้ำค้าง" สุรเสียงของเจ้าของเผ่าที่กำลังส่งเสียงเรียกดังขึ้นที่บริเวณหน้าประตูบ้านพักไม้เรือนงามของน้ำค้าง ทำให้ผู้ที่ได้มาพำนักอาศัยอยู่แบบชั่วคราวด้วยจำต้องยอมเดินออกมาเปิดประตูหน้าห้องให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ใบหน้าสลดที่พยายามมองตรงไปยังคนที่มาเยี่ยมเยือนกันตรงหน้า เผื่อว่าเจ้าของเผ่าจะต้องการอะไรสักอย่าง ถึงได้สละเวลาเดินมาหากันถึงหน้าประตูบ้านเช่นนี้ ทั้งคู่ยืนนิ่งกันอยู่แบบนั้นอยู่นานสองนาน กว่าจะมีคนยอมเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาจากปากก่อน ซึ่งคนนั้นก็เป็นน้ำค้าง ซะเองที่เจ้าตัวรู้สึกอึดอัดราวกับกำลังถูกกดดันกันด้วยสายตาที่จ้องมองพิจารณากันอยู่ได้ โดยที่ไม่ยอมบอกกล่าวใดๆ ออกมาสักที แต่ถ้าหากจะเอาแต่ยืนนิ่งเงียบแล้วมองจ้องหน้ากันไปมาเสมือนกับเป็นการเล่นเกมทางจิตวิทยา ว่าถ้าใครกะพริบตาก่อนจะต้องแพ้ยังไงยังงั้น น้ำค้างจึงขอเป็นฝ่ายยอมแพ้เองก็ได้ "ท่านมีเรื่องอะไรรึเปล่า ถ้าเป็นเรื่องที่จะขอแลกเปลี่ยนสัญญาก็บอกข้ามาได้เลย ข้าพร้อมแล้ว" น้ำค้างร่ายประโยคยืดยาวออกมา ซึ่งดูเหมือนจะกล้าหาญที่กล้าเจรจาต่อกรกับผู้นำเผ่าสูงสุดอยู่เช่นนี้ แต่ทว่าแววตากลับสั่นระริกแถมยังแอบลอบกลืนน้ำลายลงคอไปด้วย แต่น้ำค้างก็พยายามวางตัวและมีท่าทางราวกับเป็นคนใจกล้าและได้เตรียมใจสำหรับเรื่องทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เพียงแค่ออกปากบอกความประสงค์กันมาได้เลย ในเมื่อซามูร์ก็ฟื้นตื่นขึ้นมาเพราะมีอาการดีขึ้นมากแล้ว หรือไม่ก็อาจจะหายจากการถูกพิษไข้รุมเร้าได้แล้ว ทีนี้ก็คงถึงคราวที่ชายตรงหน้านี้ ผู้ที่เป็นถึงเจ้าของเผ่ายิ่งใหญ่แห่งนี้ด้วย ก็คงถึงเวลาที่จะขอคิดบัญชีย้อนหลัง เพื่อแลกกับตอนที่ได้ไปอ้อนวอนร้องขอให้เขามาช่วยเหลือซามูร์กันแล้วสินะ สัญญาที่ได้ทำการตกลงแลกเปลี่ยนกันไว้ในตอนนั้น ก็ดันไม่ได้ระบุด้วยสิว่าจะใช้อะไรแลกเปลี่ยนกัน เวรแล้วไอ้ค้างเอ๊ยย!! เพราะน้ำค้างไม่เห็นถึงความจำเป็นเลยสักนิด ว่าหัวหน้าเผ่ามากบารมีผู้ที่น่าเกรงขามคนนี้จะตามตนเองมาทำไมกัน หากไม่ใช่เรื่องสัญญาที่ติดค้างกันอยู่ ให้กูทำอะไรก็ได้นะเว๊ย ขออย่างเดียวอย่าพูดคำนั้นออกมาเด็ดขาดเชียว "คือว่า เรื่องเมื่อกี้ข้าขอโทษที่ตะโกนว่าเจ้าออกมาแบบนั้น" น้ำเสียงดุเข้มพยายามพูดให้ราบเรียบที่สุด เพื่อจะได้ไม่เหมือนกับตามมาดุใส่ แต่ได้ตามมาขอโทษและแสดงความรู้สึกผิดจริงๆ ที่เผอเรอลืมตัวจนหลุดตวาดใส่กันออกมาแบบนั้น น้ำค้างลอบพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเหลือเกิน ที่ไม่ได้พูดประโยคชวนอึดอัดใจใดๆ ออกมาในตอนนี้ "ช่างมันเถอะ เพราะข้าก็เป็นคนนอกจริงๆ นั่นแหละ" แววตาไม่สดใสดั่งเช่นก่อนหน้า ยิ่งทำให้ซาบิฑต์รู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก "ท่านไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย ข้าจะต้องขอตัวพักผ่อนแล้วละ" น้ำค้างกล้าเอ่ยปากไล่เจ้าของเผ่าออกไปอย่างไม่ไยดีอะไรอีกแล้ว เพราะเจ้ารู้ตัวสึกเฟลมากสำหรับเรื่องเมื่อครู่ จึงพยายามคิดที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาของสองพี่น้องนี้ไปซะ "อืม เจ้าพักเถอะ พรุ่งนี้.." "ได้! เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้ารีบตื่นไปช่วยชาวบ้านทำอาหารแต่เช้าเลยก็แล้วกัน เพื่อจะได้ตอบแทนค่าที่พักแล้วหลังจากนั้นท่านค่อยสั่งงานข้าต่อก็แล้วกัน" น้ำค้างยังไม่ทันจะฟังซาบิฑต์พูดให้จบประโยค เจ้าตัวดีตรงหน้าก็เลือกที่จะโพล่งพูดรัวเร็วถึงในสิ่งที่คิดเองเออเองไปแล้ว ตามความคิดที่ว่าการแลกคำมั่นสัญญานั้นอาจจะหมายถึงการต้องตกเป็นทาสของหัวหน้าเผ่ามูนฬาแห่งนี้ ดั่งที่พวกชาวบ้านได้แอบกระซิบบอกกับน้ำค้างมาว่า ด้านมืดของผู้นำเผ่าคนนี้จะชอบนำคนที่มาจากต่างถิ่นต่างแดนให้มาเป็นทาสรับใช้เพื่อสนองความต้องการของตนเองอยู่บ่อยๆ ด้วย บานประตูถูกปิดลงอย่างรวดเร็วไปแล้ว ซาบิฑต์ยืนเกาหัวแกรกแบบที่พูดโต้แย้งกับคนตัวเล็กตรงหน้าไม่ทันเลย แต่ทว่ามุมปากกลับกลายเป็นรอยยิ้มผุดขึ้นมา เมื่อได้นึกถึงว่า มีคนดื้อรั้นจนรับมือได้ยากเพิ่มเข้ามาให้ปวดหัวอีกหนึ่งคนแล้วสินะ ตามคำสัญญาที่ได้พูดเอาไว้เมื่อคืนเป๊ะ เมื่อท้องฟ้าสว่างโร่ได้ไม่นาน สายตาหลายคู่จึงได้สบเห็นกับร่างของน้ำค้างที่ได้ออกมายืนยิ้มแย้มทักทายอยู่กับพวกชาวบ้าน พร้อมกับรุดเข้าไปถามหาว่าจะให้ตนเองนั้นสามารถเป็นประโยชน์ช่วยทำอะไรได้บ้าง น้ำค้างรู้สึกว่าเผ่ามูนฬาแห่งนี้มีการแต่งตัวที่หลากสไตล์มาก อาจจะเป็นเพราะชาวบ้านแท้ๆ จะนำผ้าที่ทำจากหนังวัวมาเย็บติดกันทำเป็นชุดใส่ปิดบังร่างกายทั้งส่วนบนและส่วนล่าง จนไม่มีส่วนไหนที่เปิดเผยอวัยวะส่วนสงวนเหมือนเผ่าอื่นๆ ที่เคยเห็นผ่านตามาเลย ซึ่งมันดีมาก เพราะมันทำให้น้ำค้างไม่ต้องรู้สึกผิดอยู่ภายในใจ ยามที่เผลอไปมองเห็นโดยบังเอิญทุกที มื้อเช้าประกอบไปด้วยอาหารง่ายๆ ชนเผ่านี้มีการปลูกธัญพืชและมีข้าวด้วย น้ำค้างดีใจมากเพราะเหมือนไม่ได้กินข้าวสุกมาแสนนาน จนเกือบจะลืมรสชาติของเมล็ดข้าวหอมๆ ไปเสียแล้ว เมล็ดข้าวที่นี่จะเป็นเม็ดเรียวยาว เวลาหุงจะร่วนๆ ชาวบ้านจะนำไปผัดผสมกับธัญพืชแล้วใส่เครื่องปรุง ซึ่งมันเข้ากันได้ดีมาก จนน้ำค้างรู้สึกเจริญอาหารที่สุดสำหรับการทะลุมิติมาเป็นครั้งแรกเลยละ ส่วนกับข้าวจะเป็นผัดผักใบเขียว แครอทและข้าวโพดกับเนื้อสัตว์ มีใส่พริกเม็ดใหญ่ๆ ลงไปด้วย การทำอาหารมื้อนี้น้ำค้างสนุกสนานมาก หลังจากได้เป็นลูกมือช่วยเตรียมหันผักหลากหลายชนิด อีกทั้งยังได้ลองท้าพิสูจน์ความแข็งแกร่งกับการจับตะหลิวที่ค่อนข้างมีน้ำหนักให้ขยับผัดข้าวไปมาในกระทะใบใหญ่ด้วย ที่สำคัญเผ่ามูนฬาใช้กระทะใบใหญ่ทำอาหารซึ่งทันสมัยมากๆ เมื่อเทียบกับเผ่าคองกี้ที่ยังคงใช้แผ่นหินย่างเนื้อ ไม่ก็ พอกโคลนแล้วนำไปสุ่มไฟโปะหินเพื่อเผาเนื้อให้สุกเปื่อยอยู่เลย หลังน้ำค้างกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองว่างงานและเงียบเหงามากเสียเหลือเกิน เพราะไม่ได้มีหน้าที่หรือตำแหน่งงานแบบชาวบ้านคนอื่นๆ เลย คนว่างานจึงคิดว่าจะย่องเดินไปแอบดูคนที่ได้ว้ากใส่ตนเมื่อวานสักหน่อย แต่ก็เกรงว่าถ้าหากได้เห็นหน้ากัน ซามูร์อาจจะเกิดอารมณ์คุกรุ่นแล้วทะเลาะกันมากกว่าเดิมได้ เฮ่ออ น้ำค้างแอบย่องไปทางบ้านพ่อหมอก็จริง แต่การชะเง้อชะแง้มองหาคนป่วยด้านในกลับไม่สามารถมองเห็นจากบริเวณภายนอกได้เลยสักนิด เจ้าตัวจึงเดินเลี่ยงออกมาแล้วเจอเข้ากับกลุ่มหญิงสาวกับเด็กๆ ที่กำลังนั่งทำจักสานเครื่องใช้กันอยู่ น้ำค้างจึงเดินเข้าไปยกยิ้มทักทายแล้วได้รับการต้อนรับอย่างดีกลับมาเช่นกัน น้ำค้างนั่งถอนหายใจทิ้งมาเนิ่นนานแล้วบนแคร่ไม้ใต้ร่มไม้ใหญ่ตรงนี้ แม้นจะได้ขยับมือช่วยชาวบ้านสานกระบุงไปด้วยก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีกระจิดกะใจหรืออารมณ์ร่วมด้วยเลยสักนิด จนกระทั่งหัวหน้าเผ่าได้เดินออกมาเรียกตัวให้น้ำค้างได้ลุกออกจากแคร่ไม้ตรงนี้แล้วเดินตามกันไปยังสถานที่แห่งใหม่แทน ซึ่งสถานที่แห่งนี้ทำให้น้ำค้างได้เปิดโลกใบใหม่อีกครั้ง เมื่อได้มาเยือนบริเวณที่ใช้เป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ทำการจองเข้ามาพักและอยากจำลองการใช้ชีวิตแบบชาวชนเผ่ามูนฬาแห่งนี้ ทางมูนฬาก็จะมีจัดทริปให้แบบสามวันสองคืนกับแบบห้าวันสี่คืนและแบบเจ็ดวันหกคืน ที่ผู้คนต่างถิ่นหรือ นักท่องเที่ยวนั้นจะสามารถสลับผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาได้ตามฤดูกาลที่กำหนดเอาไว้ น้ำค้างเกิดปิ้งไอเดียว่าแบบนี้ตนน่าจะกลับบ้านเกิดได้สักทีน่ะสิ เพราะถ้าหากว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาแบบนี้ ก็ย่อมจะต้องมีทางออกไปยังพื้นที่ที่สามารถไปต่อเครื่องบินกลับประเทศของตนได้แน่นอน ทว่าน้ำค้างยังไม่ทันจะได้เห็นแสงสว่างจากปลายทางอุโมงค์ ก็ต้องถูกคนตรงหน้าดับไฟในฝันที่มันเจิดจ้าเมื่อครู่ จนมันมืดมิดแบบดับสนิทลงไปในทันทีเลย เมื่อได้ถูกเอ่ยปากทวงถามหาสัญญาที่ได้เคยทำการแลกเปลี่ยนกันมาก่อนหน้านี้ "เจ้ายังจำคำสัญญาที่บอกว่าหากข้าช่วยซามูร์ไว้ได้มั้ย" ใบหน้าเรียบนิ่งกับแววตาว่างเปล่าได้อ้าปากพูดขึ้นมาแบบที่นานครั้งจะได้ยินเสียง กลับทำเอาน้ำค้างรู้สึกว่าอยากจะวิ่งหนี และไม่อยากฟังเอาเสียมากๆ เลยในตอนนี้ "อ่อ อ่า เอ่อ จะ จำได้ ข้าต้องจำได้สิ" น้ำเสียงอึกอักกับใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำต้องตอบคำถามกับคนที่จ้องมองกันมาอย่างไม่ละวางสายตาซะที "น้ำค้าง..ข้าว่าวันนี้น่าจะถึงเวลาที่ข้าจะขอทวงสิ่งแลกเปลี่ยนสัญญานั่นกับเจ้าแล้วล่ะ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม