จากการที่น้ำค้างได้วิ่งไล่ตามหลังชายปริศนาผู้สวมหมวกใบใหญ่ปกปิดครึ่งหน้าคนนั้น พร้อมกับทำการเจรจาแลกเปลี่ยนคำสัญญาต่อกันเสร็จสิ้น
น้ำค้างจึงได้รีบเดินกลับเข้ามาภายในบริเวณถ้ำอย่างรวดเร็ว เพราะต้องมาคอยเอาท่อนฝืนไปสุมใส่กองไฟให้มันลุกโชนเข้าไว้ ไม่ให้มันมอดไหม้ดับลงไปได้ซะก่อน
"สองคนนี้เป็นพี่น้องกันจริงๆ เหรอ" คนที่กำลังหวนนึกถึงประโยคที่ได้ฟังทิ้งท้าย ก่อนชายผู้นั้นจะขึ้นควบม้าแล้วจากไปโดยไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีกเลย
น้ำค้างผู้ที่ไม่เคยนับช่วงเวลาตามแบบฉบับคนเผ่าเป็น นับตั้งแต่ได้ทะลุมิติมาติดแหง๊กอยู่กับชาวชนเผ่าเช่นนี้ เจ้า
ตัวก็สามารถนับเวลาเป็นแบบชนเผ่าได้จากการถูกสอนของคนที่เข้ามาช่วยซามูร์เมื่อครู่นี้นี่เอง
มือเรียววางกะลาที่ถูกเจาะรูลงในถังน้ำ หากเมื่อกะลาจมลงไปในถังน้ำจนมิด ก็ย่อมแสดงได้ว่าสามชั่วโมงผ่านไปแล้ว ต้องนำน้ำยาต้มไปกรอกใส่ปากให้กับซามูร์
ดวงตากลมมองไปทางซามูร์ผู้ที่ยังไม่ขยับกาย ซ้ำยังไม่ยอมหืออือใดๆ ด้วยเลย น้ำค้างจึงเดินเข้าไปนั่งยองอยู่ด้านข้าง
ดวงตากลมขอบตาแดงสบเห็นริมปากสีม่วงคล้ำก่อนหน้า เริ่มดีขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว น้ำค้างได้พรูลมหายใจออกมา แต่กระนั้นก็ยังคงติดซีดเซียว แห้งแตก จนดูไม่ได้อยู่ดี
น้ำค้างจึงพยายามนำน้ำสะอาดมาให้คนป่วยได้ดื่มกินเข้าร่างกายไปบ้าง เดี๋ยวจะขาดน้ำไปเสียก่อน แต่เมื่อริมฝีปากของคนหลับสนิทอยู่นั้น ไม่สามารถเก็บกักน้ำที่ถูกหยอดเข้าไปได้หมด เพราะปากที่อ้าออกไม่ได้กว้างอย่างใจที่คิด
มือเล็กจึงลองพยายามเปิดปากของซามูร์อ้าค้างเอาไว้ให้กว้างที่สุด แต่ก็ไม่สำเร็จอยู่ดี
น้ำค้างจึงคิดหาวิธีใหม่ โดยการกรอกน้ำเข้าไปในปากของตนเอง ก่อนที่จะเอี้ยวใบหน้าประกบริมฝีปากลงบนอวัยวะเดียวกันกับคนไข้ ในขณะที่เจ้าตัวยังหลับไม่ได้สติอยู่เสียเอง
มือเล็กไล่เช็ดตามลำตัวให้กับคนไข้ ที่ดูเหมือนว่าอุณหภูมิที่ร้อนจัดของร่างกายได้ลดลงมาบ้างแล้ว กาลเวลาผ่านไปอีกสามชั่วโมง น้ำค้างได้เวลาขยับตัวเข้าไปป้อนยาให้กับคนที่ถูกพิษเล่นงานจนเอาแต่หลับใหลเป็นหนที่สอง
มือเล็กยกศีรษะซามูร์วางลงบนตักของตนแล้วจึงยกกระบอกยามาป้อนใส่ปากด้วยความยากลำบากเล็กน้อย เพราะน้ำยาสมุนไพรมันจะไหลย้อยออกจากริมฝีปากที่หุบปิดแทบจะสนิททุกที
ทว่าคนใจเย็นก็มีความพยายามอย่างยิ่ง เพื่อที่จะให้คนถูกพิษเล่นงานได้กลืนกินยาแก้พิษให้ได้ครบทุกหยาดหยดให้ได้
"ซามูร์ หายเร็วๆ นะ ตื่นขึ้นมาได้แล้วมั้ง ไม่มีเจ้าอยู่ด้วยแล้ว มันน่าเบื่อชะมัดเลย" มือเล็กๆ ลูบไล้เส้นผมที่ถูกถักเปียเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเล่น ก่อนที่จะขยับมือไปเกลี่ยแก้มซูบตอบของคนที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอย่างปลอบประโลม
คนเฝ้าไข้เผลอหลับไปแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งได้ยินเสียงโอ้กอ้ากดังขึ้น น้ำค้างจึงต้องรีบขยับตัวเข้าไปช่วยลูบแผ่นหลังให้กับคนป่วยอย่างตระหนกตกใจทันที
แต่พอนึกถึงคำบอกกล่าวจากชายปริศนาขึ้นได้ น้ำค้างถึงได้รู้สึกโล่งใจว่าคงจะเป็นการขับพิษออกจากร่างกายอีกรูปแบบหนึ่ง จึงทำให้คนที่หวั่นวิตกได้คลายความวิตกกังวลลงไปได้บ้าง
ซามูร์ที่ดูมีสีหน้าย่ำแย่จากการต้องโกงคออาเจียนออกมาเป็นระลอกเป็นจำนวนมาก จนเนื้อตัวเลอะเถอะเปื้อนกลิ่นยาที่กรอกเข้าไปเมื่อก่อนหน้านี้ออกมาจนหมด
"ซามูร์ ซามูร์" ใบหน้าเหยเกที่เกิดจากการสงสารคนเจ็บไข้ จนแทบจะเจ็บตามรีบขยับตัวเข้ามานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังของคนที่โอนเอนอย่างทรงตัวไม่อยู่
ดวงตาคมดุที่ปิดพับลงไปตั้งแต่เช้า เพิ่งจะได้สะลึมสะลือเปิดขึ้นมามองกันอย่างเหม่อลอย จนได้ฝ่ามือเล็กๆ ช่วยซับหยาดเหงื่อตามกรอบใบหน้าที่ผุดออกมาราวกับคนไข้ตรงหน้าหนีไปวิ่งมาสักสองชั่วโมงยังไงยังงั้น
"ซามูร์ไหวไหม จะอวกอีกรึเปล่า" คนนั่งซ้อนหลังเข้าช่วยพยุงตัวคนป่วยอยู่ ได้เอ่ยถามคนที่เพิ่งจะเบลอๆ จากอาการสำรอกยาแก้พิษออกมา
"อือ น้ำค้าง" เสียงแหบพร่าระโหยโรยแรงเปล่งออกมาขาดช่วง ก่อนที่จะเงียบลงไปอีก
"น้ำ ซามูร์กินน้ำก่อน" มือเล็กจ่อกระบอกน้ำไว้ตรงริมฝีปากแห้งผาก แล้วค่อยๆ กระดกยกขึ้นให้อย่างเป็นจังหวะ
เมื่อได้รับสัญญาณว่าพอแล้ว มือเล็กวางกระบอกน้ำลงแล้วรีบเช็ดหยาดน้ำที่ไหลย้อยออกจากมุมปากของอีกคนออกให้ ซามูร์ทิ้งน้ำหนักตัวพิงคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังจนหลับลึงลงไปอีกครั้ง
น้ำค้างใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดตามตัวให้ซามูร์ ที่ตอนนี้กลิ่นของยาคละคลุ้งไปด้วยคราบยาแก้พิษที่ถูกพ่นออกมา จนเต็มหน้าอก ท่อนแขน ท่อนขา ทำให้เปื้อนเขรอะทั่วร่างกายไปหมด
พอเมื่อถึงช่วงเวลาสามชั่วโมง น้ำค้างจึงพยายามปลุกคนที่พอจะรู้สึกตัวให้ตื่นขึ้นมากินยาแก้พิษอีกรอบ ในรอบที่สามนี้ซามูร์ได้กินยาแก้พิษเข้าไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็เกิดอาการสำรอกยาออกมาเช่นเดิม
น้ำค้างวนเวียนดูแลเฝ้าไข้อยู่แบบนี้ตลอดช่วงระยะเวลาตั้งแต่หัวค่ำยันผ่านไปชั่วข้ามคืน จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงรุ่งเช้า
วันใหม่ คนที่เพิ่งจะเผลอหลับไปได้ไม่นานจึงเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากได้ยินเสียงกุกกักที่เดินเข้ามาภายในบริเวณถ้ำแห่งนี้กันหลายคน
ดวงตาปรือปรอยราวกับยังตื่นไม่เต็มที่ เพราะจะว่าไปน้ำค้างนั้นก็ไม่ได้นอนหลับพักผ่อนแบบหลับสนิทให้เต็มตาสักครั้งเลยก็ว่าได้
พอเมื่อได้พยายามลองเพ่งสายตามองดูว่าเป็นใครกันแน่ที่เดินเข้ามาหากันทางนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าเล็กจึงเผยให้เห็นได้ในทันทีเช่นกันก่อนที่เจ้าตัวจะนิ่งหลับกลับลงไปอีกครั้งอย่างหมดความกังวลใจได้เสียที
เจ้ามาตามสัญญาจริงๆ ด้วย
☘
คนต่างถิ่นที่ได้เดินทางมาพำนักยังดินแดนของชนเผ่าที่มีชื่อเผ่าว่า มูนฬา ซึ่งเป็นชนเผ่าที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการมีวัฒนธรรมเก่าแก่และมีการปกครองดินแดนอย่างเข้มแข็งโดยฝีมือของหัวหน้าเผ่าคนใหม่ที่ชื่อว่า ซาบิฑต์
หลังจากที่น้ำค้างได้หลับลงไปอีกรอบตอนเมื่อเช้าที่ผ่านมานี้ ซาบิฑต์ก็ไม่ได้รีรอให้น้ำค้างตื่นขึ้นมาเองแล้วค่อยออกเดินทาง แต่กลับสั่งให้ลูกน้องนับสิบที่พากันมายังถ้ำด้วยกันหิ้วตัวน้ำค้างออกมาใส่เกวียนรถม้าแทน
รวมไปถึงซามูร์เจ้าพี่ชายจอมดื้อรั้นของตนที่ในตอนนี้แลดูว่าจะมีสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อวานเสียอีก คงเพราะได้คนเฝ้าไข้ทุ่มดูแลเป็นอย่างดี
ทั้งหมดจึงได้ร่วมพากันออกเดินทางมายังเผ่ามูนฬาที่กินพื้นที่ตั้งแต่ทางทิศตะวันตกไปจนถึงทิศเหนือ และในเวลา
นี้ซาบิฑต์ก็ยังเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดเพราะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่ามูนฬาเรียบร้อยแล้วด้วย
ในระหว่างทางน้ำค้างได้ตื่นขึ้นมาจากแรงกระทบกระแทกจากล้อไม้ของเกวียนรถม้า ยามเมื่อบดลงบนพื้นดินแข็งๆ เป็นหลุมเป็นบ่อไม่ราบเรียบ จึงเกิดแรงกระเทือนได้ง่ายเลยทำให้น้ำค้างเหมือนถูกบังคับให้ตื่นขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ
สิ่งแรกที่น้ำค้างเรียกความทรงจำกลับมาได้คือ การตื่นตกใจเพราะมันถึงเวลาที่จะต้องป้อนยาให้กับซามูร์แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าซาบิฑต์ได้จัดการแทนให้เรียบร้อยไปแล้วนั่นเอง
น้ำค้างจึงได้รู้สึกโล่งใจเหลือล้นเพราะตอนเผลอหลับยาวไปกลัวว่าจะเกินเวลาการป้อนยาให้คนไข้
แต่แล้วคนตื่นตระหนกง่ายก็ต้องเกิดอาการกระวนกระวายขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เมื่อเพิ่งจะนึกออกว่าในตอนนี้ตนเองนั้น
กำลังเดินทางไปพำนักพักแรมยังที่เผ่าแห่งใหม่กับคนตรงหน้านี้ด้วย
ใบหน้าหวาดระแวงทำเอาแววตาว่างเปล่ากับใบหน้าเรียบนิ่งที่มองกันอยู่ก่อนแล้ว ถึงกับต้องถอนหายใจออกมาอย่างยืดยาวกับความน่าเบื่อหน่ายกับคนที่ตื่นกลัวไปหมด
กว่าน้ำค้างจะผ่อนคลายใบหน้าให้นิ่งสงบหายเลิกเลิ่กลั่กได้ ก็จนเป็นตอนที่ได้รับคำอธิบายจากซาบิฑต์นั่นแหละ เจ้าตัวจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
แต่กลับมีประโยคที่ทำเอาซาบิฑต์ได้หัวเราะออกมาจนแทบจะท้องคัดท้องแข็งทันที หลังจากที่ได้สบเห็นแววตาหวั่นประวิงของคนหน้าตาตื่นตูมนั่นอีกครั้ง ซึ่งได้ปรากฏออกมาพร้อมกับประโยคคำถามที่ชวนตื่นกลัวนั่นก็คือ "เผ่าของท่านจะไม่กินข้าใช่มั้ย?"
ซาบิฑต์เกิดนึกสนุกขึ้นมาแบบทันควัน เลยได้ลองหยั่งเชิงให้คำตอบกับคนหน้าจืดเจื่อนมีแววตาล่อกแล่กจนดูตลกไปหมด
"ก็ไม่แน่ เพราะเจ้าแลกเปลี่ยนกับข้าเองว่าจะยอมทำทุกอย่างเองนี่"
หลังฟังประโยคที่ชวนผวาทำเอาน้ำค้างยิ่งเกิดความปอดแหกแตกตื่นยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก จนเจ้าตัวตลกตรงหน้าซาบิฑต์จอมขี้แกล้งแทบจะกระโจนโดดหนีลงจากเกวียนไม้ทันทีเลย หากไม่ได้ข้อมือแข็งคว้าเอาไว้ได้ทันซะก่อน
"เจ้าช่างตลกยิ่งนัก แล้วนี่เจ้ามีชื่อว่าอะไรรึ ข้าจะได้เลิกเรียกว่าเจ้าตัวตลกเสียที"
"น้ำค้าง ข้าชื่อว่าน้ำค้าง แล้วท่านล่ะ"
"เจ้าเรียกข้าว่าซาบิฑต์ได้เลย" น้ำเสียงเอ่ยอนุญาตให้เรียกขานนามกันออกมาแบบไม่มีพิธีรีตอง ทั้งที่ซาบิฑต์ไม่เคยเอ่ยปากกับใครมาก่อนเสียด้วยซ้ำ แต่กลับพูดคุยกับคนตรงหน้าได้อย่างง่ายดายแบบที่ไม่รู้ตัวเองเลย
น้ำค้างที่ได้เห็นใบหน้าคมคร้ามแบบชัดประจักษ์ต่อสายตากันอยู่เช่นนี้ หลังจากที่ไม่ได้เห็นชัดกันมาก่อนเลยสักนิด
นอกเสียจากปีกของหมวกใบกว้าง ที่ปิดมิดชิดเอาไว้ให้เหลือเพียงแค่เสี้ยวหน้าให้ได้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ แต่พอได้ลองพิจารณาดูให้เต็มสองตาแล้ว ซาบิฑต์นั้นก็มีส่วนที่คล้ายกับซามูร์อยู่เช่นกัน
น้ำค้างที่ยังไม่มั่นใจ ติดนิสัยขี้กลัว ชอบหวาดระแวงและตื่นตูมง่าย จึงยังไม่เชื่อใจพวกชาวชนเผ่าหน้าไหนทั้งนั้น เจ้าตัวจึงเอาแต่เซ้าซี้ถามคำถามซ้ำๆ กับซาบิฑต์มาตลอดทาง
"หัวหน้าเผ่านี้จะสั่งกินตนเองมั้ย? จะไม่กินข้าแน่ใช่มั้ย"
แววตาสั่นระริกพร้อมจะวิ่งหนีได้ทุกเมื่อ ราวกับกระต่ายตัวน้อยตื่นตูมเช่นนี้ ทำเอาซาบิฑต์นั่งหัวเราะร่าด้วยความสนุกมาตลอดทาง ซึ่งไม่มีใครทำให้ซาบิฑต์รู้สึกบันเทิงใจแบบนี้มาก่อนเลย
การกระทำป้ำๆ เป๋อๆ ของน้ำค้าง กว่าที่เจ้าตัวจะได้รู้เฉลย ก็ได้ปล่อยไก่ไปหลายสิบตัวใส่หัวหน้าเผ่าตัวจริงไปแล้ว
ทว่าหลังจากที่น้ำค้างได้ย่ำเท้าลงมาเหยียบลงสูพื้นดินของเผ่ามูนฬาแห่งนี้แล้ว จึงทำให้น้ำค้างรับรู้ได้โดยอัตโนมัติว่า คนขี้เล่นบนเกวียนเมื่อครู่นี้ กลับกลายเป็นผู้นำสูงสุดของชาวชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามแห่งนี้มาก ซ้ำชายผู้นี้ยังมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของผู้คนในชนเผ่ามูนฬามากมายขนาดไหน
ซามูร์ได้ถูกส่งตัวไปให้หมอผีรับช่วงไปดูแลต่อโดยทันที ส่วนน้ำค้างเองก็ถูกลากตัวออกมา เพื่อดูที่หลับที่นอนในคืนนี้เช่นกัน เวลาที่พบเจอกับพวกชาวบ้านตามรายทางทั้งหลาย ซาบิฑต์ก็จะแนะนำน้ำค้างให้กับทุกคนรู้จักไปด้วยในตัว
บรรยากาศของชนเผ่ามูนฬาแห่งนี้ จะดูแตกต่างไปจากเผ่าคองกี้ของซาเดีย กับเผ่าเรดเมเปิลของอาร์ลอย่างสิ้นเชิง เพราะพื้นที่ของเผ่ามูนฬาจะมีทั้งโซนที่เป็นธรรมชาติ ที่สงวนเอาไว้ให้เพียงแค่ชาวชนเผ่าเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปใช้ตรงส่วนนี้ได้
แถมยังมีพื้นที่บางส่วน จัดให้มีโซนพื้นที่ไว้ให้สำหรับกรุปทัวร์พวกนักท่องเที่ยวด้วย กลุ่มคนที่อยากจะลองเข้ามามีจำลองใช้ชีวิตแบบพวกชาวชนเผ่าท่ามกลางการใช้ชีวิตกับธรรมชาติดั้งเดิมได้อีกด้วย
ซึ่งซามูร์นั้นสามารถบริหารจัดการได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว จนน้ำค้างอ้าปากค้างนับถืออยู่ภายในใจ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่รู้ว่าเผ่ามูนฬามีความเป็นมาเช่นไร
แต่ตอนนี้จะเรียกได้ว่าเจริญมากๆ หากเทียบกับเผ่าเรดเมเปิลนั้น อาร์ลจะเน้นติดต่อประสานงานกับเผ่าต่างๆ และจำกัดการรับนักท่องเที่ยวโดยตรงเพียงบางส่วนเท่านั้น
ซึ่งจะมีรายได้จากตรงนั้นด้วยแต่ก็ยังไม่ได้เน้นจัดสรรตรงนั้นมาก เหมือนกับเป็นการหารายได้นอกเหนือจากการปลูกผักกับการเลี้ยงสัตว์แล้วนำไปขายสู่ด้านนอกเผ่าเป็นอาชีพหลักเสียมากกว่า
แต่ทางเผ่ามูนฬาแห่งนี้ กลับสามารถสร้างกฎเกณฑ์และแยกพื้นที่บริหารงานออกจากกันได้อย่างชัดเจน จนน้ำค้างอยากที่จะเรียนรู้งานกับซาบิฑต์ด้วยเลย
เอ๊ะ! แล้วเราจะไปอยากเรียนรู้การบริหารกับบริการงานของชนเผ่าทำไมกัน?
ในเมื่อเดี๋ยวก็ต้องหาทางกลับบ้านเกิดอยู่ดี!
ใบหน้าจิ้มลิ้มเผลอยิ้มแหยออกมาพอกลับมาลองคิดแบบมีสติอีกครั้ง
บริเวณหัวเข่าที่ได้เกิดการปริแตกขึ้นมาใหม่ ได้ถูกแปะพวกแผ่นยาและถูกโพกผ้าที่ดูทันสมัยมาก จะเรียกว่าเป็นเหมือนพาสเตอร์ยาแปะแผลยังเรียกได้เลย
พอเมื่อถึงเวลามื้อค่ำ น้ำค้างได้มีโอกาสร่วมทานอาหารร่วมกับชาวบ้าน จึงได้รู้ว่าเผ่ามูนฬาเมื่อก่อนไม่ได้เจริญขนาดนี้หรอก
พวกชาวบ้านออกแนวลำบากค้อนแค้น เพราะทำงานมาได้เท่าไร ก็จำต้องปันส่วนต่างมากกว่าครึ่งไปมอบให้หัวหน้าเผ่าคนเก่า แต่ตอนนี้มูนฬาพัฒนาไปมาก จนทำให้ให้ชาวบ้านมีอยู่มีกินมีชีวิตที่ดีขึ้นมาก ก็เป็นเพราะซาบิฑต์ทั้งนั้น
แม้นหัวหน้าเผ่าคนนี้จะเป็นคนที่ดูขึงขังจริงจัง ยึดมั่นถือมั่นกับความคิดของตนเป็นใหญ่ว่าต้องถูกต้องเสมอ จนดูมากจนเกินไปบ้างในบางครั้งก็ตามแต่
ทว่าชาวบ้านกลับยอมรับในความเก่งกาจและยอมยกย่องนับถือ โดยที่ไม่เคยคิดจะขัดแย้งกับความคิดเห็นอะไรที่เป็นปรปักษ์กับท่านผู้นำเผ่าด้วยเลยสักนิด
จะมีก็แต่นักวิจัยเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่มักจะคอยโต้แย้งและชอบขัดขวางความคิดเห็น ที่ไม่ค่อยจะตรงกันกับซาบิฑต์อยู่ตลอด
น้ำค้างที่กำลังจดจ่อตั้งใจฟังเรื่องราวของเผ่ามูนฬาแบบใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะได้ฟังเรื่องเล่าอันสนุกสนานและกระซิบกระซาบในวงกินข้าวต่อ
แต่ก็ดันมีคนมาเรียกตัวน้ำค้างให้ลุกออกจากวงกินข้าวที่สนทนาไปนินทาไปซะก่อน คนที่ได้ฟังเรื่องเล่าสนุกหูอยู่ มีอันต้องหยุดมือและหยุดปากแล้วรีบวิ่งไปทางบ้านพ่อหมอแทน
เพราะในตอนนี้ซามูร์ได้ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว กลับไม่เห็นคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมานานเป็นคนแรก จนต้องอ้าปากถามหาอย่างจริงจัง
เกิดอารมณ์งุ่นงานราวกับคนที่เกิดอาการคลุ้งคลั่ง จนต้องส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายใส่ โดยที่ไม่ได้สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
น้ำค้างเลิ่กลั่กทันทีเมื่อได้วิ่งทะลุผ้าม่านผ่านบานประตูบ้านของพ่อหมอเข้ามาแล้ว จึงได้สบเห็นว่าซามูร์กับซาบิฑต์นั้นกำลังมีปากเสียงกันอยู่
จนตนเองนั้นต้องรีบวิ่งถลาเข้าไปประชิดตัวคนป่วยทันที ทั้งที่เพิ่งจะฟื้นตื่นขึ้นมา ก็ได้แสดงอาการปากแจ๋วใส่ผู้มีพระคุณเลย น้ำค้างจึงจำต้องรีบพุ่งตัวเข้าไปห้ามปรามกันแบบงุ่นงงโดยทันที
"ซามูร์ ใจเย็นๆ ก่อน เจ้าโมโหอะไร ข้าอยู่นี่ ข้าอยู่นี่แล้ว" มือเล็กลูบแผ่นหลังกว้างไปมาอย่างปลอบประโลมให้ใจเย็นลงก่อน
"น้ำค้าง ทำไมเจ้าพาข้ามาขอรับความช่วยเหลือจากไอ้เจ้านั่นด้วยเล่า"
น้ำเสียงแหบแห้ง ทว่าแววตาและสีหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจจนทำให้น้ำค้างสะดุ้งตาม ใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของน้ำค้างซึ่งไม่รู้จะเริ่มอธิบายที่ตรงไหน
ก่อนดี เพื่อที่จะทำให้คนที่กำลังฉุนจนฟิวส์ขาดตรงหน้าใจเย็นลงได้บ้าง
"น้ำค้าง นี่เจ้าไม่รู้รึไง ว่าไอ้เจ้านั่นมันเป็นศัตรูกับข้า!"