น้ำค้างสะอึกสะอื้นเกาะแกะอยู่กับร่างของซามูร์ที่นิ่งสงบลงไปแล้ว ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเนิ่นนาน กว่าน้ำค้างจะทำใจได้ มือบางพยายามปลุกเรียกคนด้านข้างให้ตื่น ทว่าซามูร์กลับไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีกเลย
คนใจเสียจึงพยายามเช็ดตัวให้พิษไข้ลดลงบ้าง สองขาเรียวไร้เรี่ยวแรงขนาดไหน ก็ย่อมต้องแข็งใจเดินออกมาหายาใบสมุนไพร เผื่อจะเจอและจะได้รีบนำไปรักษาคนเจ็บได้
ทว่าดวงตาพร่ามัว มองสิ่งใดก็ไม่ชัดเจนเพราะภาพตรงเบื้องหน้ามันเบลอไปด้วยม่านน้ำตา ที่ยังคงรินไหลออกมาราวกับไม่มีวันหมด
ดวงตากลมแดงก่ำ น้ำเสียงสะอึกสะอื้น สองขาเอื่อยเฉื่อยพาร่างที่สติไม่ค่อยจะครบครันเดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ เพื่อ
ตามหาสมุนไพรนำไปต้มให้คนถูกพิษเล่นงานดื่มกินโดยด่วน
แต่ในหัวน้ำค้างเอาแต่คิดว่าตนเองจะไปรักษาอาการถูกพิษของซามูร์ได้อย่างไรกัน ตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกดอกนั้นมันอาบเคลือบด้วยยาพิษของอะไร
น้ำค้างผูกสร้อยที่ดูจะเป็นเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวบนร่างกายของซามูร์ไว้ที่ข้อมือเล็ก เจ้าตัวเอาแต่ลูบไล้มันอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับเป็นเครื่องรางยึดเหนี่ยวของจิตใจเพียงหนึ่งเดียวของน้ำค้างเช่นกัน หยาดน้ำตาก็เอาแต่พรั่งพรูออกมาจนนองเต็มใบหน้าอยู่ร่ำไป
คนจิตใจล่องลอยออกเดินสะเปะสะปะตามทางที่สามารถเดินทะลุได้ไปเรื่อย จนผ่านเข้าไปยังพงไพรที่เริ่มจะมืดทึบเพราะแสงแดดสาดส่องลงมาไม่ถึง
บริเวณเงียบเฉียบแถบนี้ คล้ายกับว่าไม่น่าจะมีใครมาอาศัยทำที่พักอยู่ได้ ใบหน้าเศร้าหมองมุ่งมั่นคอยสอดส่องมองหาใบสมุนไพรทั้งหลายไปด้วย บางครั้งการจดจ่อกับบางสิ่งก็พลอยทำให้หลงลืมความกลัวไปได้เช่นกัน
กุบกับ! กุบกับ!
เสียงฝีเท้าของเกือกม้ากระทบลงบนพื้นดินจนเกิดเสียง ทำให้น้ำค้างต้องรีบหาที่หลบซ่อนอำพรางตัวโดยเร็ว ดวงตาช้ำจากการร้องไห้มาต่อเนื่องอย่างยาวนาน พยายามเพ่งมองว่าเสียงม้าที่เดินใกล้เข้ามาทางนี้ นั่นอาจจะเป็นพวกกองโจรที่ผ่านมาแถวนี้อีกก็เป็นได้
ฮี้~~
กุบกับ..กุบกับ..
เมื่อน้ำค้างสบเห็นเข้ากับคนที่แต่งตัวเหมือนกับชายที่เคยเจอกันในเมืองริชมาก่อน นัยน์ตาสีนิลสั่นไหวเกิดสุกสกาวมีความหวังขึ้นมาแล้ว
จึงทำให้ยอมก้าวเท้าออกจากการหลบซ่อนตัวจากหลังพุ่มไม้ได้อย่างรวดเร็ว รีบจ้ำเท้าออกวิ่งตามคนขวบม้าที่วิ่งผ่านหน้าไปได้หลายช่วงตัวแล้ว
"เดี๋ยว!! เดี๋ยวก่อน" น้ำค้างตะโกนไล่หลังแข่งกับเสียงเกือกม้าตกกระทบกับพื้นดิน
"รอด้วย รอข้าด้วย ช่วยข้าหน่อย ได้โปรด" สองขาที่ไร้เรี่ยวแรงก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับต้องรีบเร่งฝีเท้าแบบเต็มสปีด เพื่อสาวเท้าให้ทันการวิ่งตามหลังม้าที่ถูกควบวิ่งเร็วอยู่ด้านหน้า
"คุณ ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย! รอก่อนนนน~~"
เมื่อม้าถูกควบวิ่งฝ่าแม่น้ำข้ามฝั่งไปแล้ว ทำเอาคนที่วิ่งตามมาอย่างกระหืดกระหอบ จนฝ่าเท้าดันไปเตะสะดุดกองหินที่มองไม่เห็นภายใต้ธารน้ำ จึงทำให้น้ำค้างหกล้มคะมำคว่ำหน้าอยู่ตรงบริเวณกลางลำธารนั่นอย่างเคว้งคว้าง
น้ำค้างปล่อยโฮออกมาอีกรอบ หมดสิ้นกันแล้วความภาคภูมิใจกับตนเอง บัดนี้จึงเหลือแค่ความผิดหวังในตัวเองแบบซ้ำๆ ที่ไม่ได้เรื่องได้ราวสักอย่าง พอไม่มีซามูร์อยู่ด้วย ตนก็ไม่สามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้เลยกับการต้องมารับมือกับสถานการณ์สาหัสเช่นนี้
คนเอือมระอาตนเองนั้นร่ำไห้ออกมาเสียงดังลั่น แบบที่ไม่ต้องกลัวอับอายขายขี้หน้ากับสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว
ฮึก
น้ำตาที่ถูกลั่นออกมานองจนอาบเต็มสองซีกแก้มนั้น มันไม่ใช่ไหลออกมาเพียงเพราะความเจ็บปวดจากแผลตรงหัวเข่า
แต่มันรู้สึกเจ็บที่ตรงหัวใจมากกว่าจากความอัดอั้นภายในใจ ว่าทำไมตนเองนั้นช่างอ่อนแอยิ่งนัก ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง กับอีแค่วิ่งไล่ตามหลังม้าแล้วตะโกนเรียกหาคนมาช่วยเหลือกันยังทำไม่ได้เลย
ฮื้ออออ โฮ
เสียงร่ำไห้ดังแข่งกับเสียงของสายน้ำที่ไหลผ่านอย่างไม่มีวันไหลย้อนกลับ น้ำค้างรู้สึกหมดทั้งความหวัง หมดทั้งเรี่ยวแรง จนแทบจะปล่อยให้ตนเองไหลไปตามกระแสน้ำเชี่ยวกรากตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด
มือเล็กกำสร้อยเส้นหนังที่ซามูร์ยกให้เอาไว้แน่น แล้วเอาแต่พร่ำบอก ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษนะซามูร์ ออกมาเพียงลำพัง ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลแรง
คนตัวเล็กพยายามพยุงตัวเดินเข้าไปหาลุ่มกระแสน้ำวนอย่างสิ้นหวัง ไหนๆ ซามูร์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีทางรอดแล้ว ฉะนั้นตนเองนั้นก็จะอยู่ในโลกแบบนี้ต่อไปได้อย่างไร
ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาหมดสิ้นแสงแห่งความหวัง มองไปทางไหนก็มีแต่ป่าเขาลำเนาไพร ซึ่งเขาไม่เคยรู้เลยว่าต้องมีชีวิตรอดโดยไร้การช่วยเหลือจากซามูร์ได้อย่างไรกันเล่า
หากไม่มีซามูร์แล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องไม่มีน้ำค้างคนนี้เช่นกัน
สองขาเรียวที่กำลังจะหมดแรงก้าวเข้าไปหาลุ่มน้ำตรงที่ไหลวนเป็นวงกลม ราวกับว่าเป็นหลุมดำที่สามารถดูดกลืนทุกสิ่งเข้าไปยังกลุ่มน้ำวนได้ในพริบตาเดียว
ใบหน้าเศร้าสลดเสียใจ หลับตาเดินเข้าไปหาวังน้ำวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนสัมผัสได้ถึงแรงที่จะต้องถูกดูดเข้าไป จนเจ้าตัวต้องพรูลมออกมา พร้อมกับรอรับความตายด้วยความจำยอม
ใบหูที่เปิดโหมดทำหน้าที่แทนกระบอกตาที่ถูกเปลือกตาปิดพับแน่นไปแล้ว จึงทำให้ได้ยินเสียงของกระแสน้ำเชี่ยวกรากได้เป็นอย่างดี
อีกเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ตนก็จะได้หายไปจากที่ตรงนี้ตลอดกาลแล้ว
ทว่าน้ำค้างกลับรู้สึกถึงแรงกระชากแขน แล้วถูกลากทึ้งดึงตัวให้ออกจากบริเวณสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตออกมาเกยตื้นอยู่บนโขดหินมีโพรงหญ้าขึ้นรอบๆ จนดูรกไปหมด
เมื่อคนสะดุ้งเฮือกตกใจ เสมือนกับถูกดึงวิญญาณให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง จนเจ้าตัวต้องยอมลืมตาขึ้นมามองดูแล้วถึงกับทำอะไรไม่ถูกอีกเลยทีเดียว
ใบหน้าซีดไร้สีเกิดจากความตกใจ กว่าจะดึงสติให้กลับมาได้ก็ต้องถูกตบกระทบเข้ากับซีกแก้มด้านขวาอย่างแรงไปถึงสองครั้ง ทำเอาน้ำค้างสะดุ้งผวาคืนสติแล้วถึงได้รู้สึกตัวกลับมาทันที
"เป็นบ้ารึไง?!! อยากตายนักรึ? เดินเข้าไปหากระแสน้ำวนแบบนั้น!!" น้ำเสียงเข้มดุตวาดลั่นดังอยู่ข้างหู ดวงตากลมบอบช้ำเบิกโพล่งมองใบหน้าที่มีหมวกใบใหญ่ปกปิดเอาไว้
ใบหน้าเศร้าหมองส่ายไปมา ราวกับสับสนไปหมด มือเล็กยกขึ้นมาจับซีกแก้มขึ้นสีเป็นรอยฝ่ามือใหญ่ด้วยความรู้สึกแสบชา
"ฮื้ออ จะตาย ช่วยด้วยนะ ขอร้อง เจ้าต้องช่วยเขาด้วยนะ ฮึก" คนที่เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองมาทำอะไรอยู่ตรงนี้
เริ่มพล่ามประโยคที่ทำเอาคนได้ยินถึงกับต้องคิ้วกระตุก เพราะมันจับใจความไม่ได้เลยสักนิดเดียว
"นี่! พูดให้เข้าใจหน่อย แพล่มอะไรออกมาไม่รู้เรื่อง”
“เขา เขา..ฮึก” คนน้ำตากลิ้งลงมาไม่หยุด น้ำเสียงสั่นเครือนไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ ทำให้คนที่มองดูอยู่ต้องขมวดคิ้ว รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ
“แบบนี้ ข้าคงต้องขอลา และก็อย่าหาเรื่องเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปตรงกระแสน้ำวนตรงนั้นอีกละ หาเรื่องตายชัดๆ" คนเทศนาจบแล้ว จึงคิดจะผละตัวกลับไปยังทิศทางเดิมที่ต้องรีบโดดลงจากหลังม้า เพื่อวิ่งลุยน้ำลงมาคว้าตัวคนที่คิดสั้นให้ทันท่วงที
ชายที่มีหมวกใบใหญ่ปกคลุมไปครึ่งใบหน้าได้ยินเสียงแว่วๆ ตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ ทว่ายังไม่ทันจะได้คุมจังหวะให้ม้าหยุดวิ่งได้ในทันที เพราะมันกะทันหันจนเกินไป อาจจะเสียจังหวะแล้วม้าจะตกใจจนเตลิดได้
แต่เมื่อวิ่งเลยผ่านแม่น้ำไปได้เพียงนิดเดียว ในตอนที่หันหลังกลับมามอง จึงได้เจอเข้ากับคนที่กระโจนลงน้ำไม่พอ ยังจะเดินไปทดสอบชีวิตตรงกระแสน้ำวนอีก
"เดี๋ยว ๆ ท่าน ช่วยข้าก่อน ไม่สิ ไม่สิ เขาจะตาย ถ้าท่านไม่ช่วยเขาจะต้องตายแน่" น้ำค้างละล่ำละลักรีบเร่งเอ่ยปากบอกในสิ่งที่ต้องการแข่งกับเวลา ที่เห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมตัวจะหันหลังเดินหนี จนน้ำค้างต้องกระโจนตัวส่งมือไปตะครุบชายชุดผ้าหนังเพื่อหยุดยั้งเอาไว้
"ใครจะตาย" ชายปริศนาหยุดฝีเท้านิ่งยืนรอฟังอย่างใจเย็น
"เขา เขา อึก คนที่อยู่ในถ้ำตรงนู้นกับข้า ฮื้ออ" น้ำเสียงสั่นเครือเปล่งออกมายากลำบากทันทีเมื่อได้นึกถึงอาการพิษไข้หนักของซามูร์ แต่ก็ต้องพยายามสื่อสารกับคนตรงหน้าให้รู้เรื่องซะก่อน
"ข้าไม่รู้จักพวกเจ้า และข้าไม่ชอบยุ่งกับใคร เจ้าเป็นนักวิจัยรึ ข้าเกลียดพวกนักวิจัยยิ่งนัก" ฝ่ามือใหญ่กระตุก
ชายผ้าหนังของตนออกจากการถูกมือเล็กเหนียว เกาะหนึบเอาไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อยออก
"ท่าน! ท่าน! ฮึก ข้าขอร้อง ช่วยซามูร์ด้วย ท่านช่วยเขาด้วยเถอะนะ หื้อออ" น้ำค้างคลานตัวไล่ตะครุบตามท่อนขาและฝ่าเท้าของคนที่ขยับเดินหนีห่างกันออกไป
ใบหน้านองน้ำตารีบเงยหน้ามองคนที่กำลังจะพยายามขยับเดินหนีกันลูกเดียวเลย ซึ่งราวกับว่าชายตรงหน้าผู้นี้ไม่อยากจะเกี่ยวข้องด้วยอย่างไม่ไยดีตามที่ว่าบอกกล่าวใส่กันเลยสักนิด
ทว่าประโยคที่ฟังไม่ค่อยจะเข้าใจนัก กลับมีใจความหลังจากที่ได้ยินแล้ว ถึงกับต้องเอ่ยปากถามเอาความให้แน่ชัดซะก่อน คนที่ถูกดึงรั้งขากันเอาไว้ จึงต้องยอมหยุดยืนฟังประโยคที่ผ่านเข้าหูเมื่อครู่ให้ชัดเจนอีกครั้ง
"เจ้าว่าอะไรนะ ใครจะตาย" ชายที่สวมหมวกใบใหญ่ยอมยอบกายนั่งยองลงมา เพื่อตั้งใจฟังน้ำเสียงอันสั่นเครือเปล่ง
เสียงออกมาจนฟังดูยากลำบากจากคนที่เอาแต่สะอื้นฮักอยู่ตรงหน้า
"คนที่อยู่กับข้า ฮึก เขา..เขากำลังจะตาย ฮึก" ใบหน้านองไปด้วยน้ำตาที่ทะลักออกมาราวกับสายน้ำที่ไหลแรงเชี่ยวกรากตรงนั้นเลยละ
"คนที่เจ้าพูดถึงอยู่ เขาชื่อว่าอะไร?" คิ้วขมวดตึงภายใต้หมวกมีปีกใบใหญ่ที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้จนแทบมิด ได้เอ่ยถามคนที่ขอร้องตรงหน้าอย่างใจเย็นแบบช้าๆ ชัดๆ อีกครั้ง
"ซามูร์ เขาชื่อว่าซามูร์.."