น้ำค้างสะดุ้งตื่นอีกทีหลังจากถูกปลุก
นี่เขาหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ซามูร์เห็นคนเพิ่งตื่นเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกเขาจึงฉวยข้อมือให้ลุกขึ้นและเดินตามแทน คนตกใจแสดงอาการกะบึงกะบอนไม่ยอมเดินตาม แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะสู้คนรั้งแขนของตนไว้ได้เลยแม้แต่น้อย
ทั้งคู่ถูลู่ถูกังพากันเดินมาถึงลานโล่งกว้าง บริเวณพื้นที่ใช้สำหรับประชุมเช่นเดียวกับที่เผ่ากินคน ท่ามกลางผู้คนที่หน้าตาแปลกกับการแต่งตัวก็ยิ่งประหลาด และทุกสายตาล้วนจับจ้องมองมาที่น้ำค้าง ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวได้กลายเป็นคนที่ดูประหลาดที่สุดสำหรับชาวชนเผ่าแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
น้ำค้างกวาดตามองไป ถึงสบเห็นว่ามีแต่แววตาแปลกๆ ที่ใช้จ้องมองกันจนดูน่าขนลุก คนขี้กลัวเกิดอาการตื่นกลัวขึ้นมาอีกครั้ง จนได้เผลอเบียดตัวชิดเข้ากับท่อนแขนแกร่งของคนที่ลากตนเองติดมือมาด้วยกันอย่างหลงลืมตัวไปเสียแล้วว่าเป็นอริกันมาก่อน
ลาฟี่ยกยิ้มก่อนจะกล่าวประกาศบอกชาวบ้านในเผ่าคองกี้ ทำให้ชาวบ้านฮือฮาเพราะได้ยินว่าเจ้าเด็กหนุ่มในชุดประหลาดนั่นจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่
จนทำให้ผู้นำเผ่าสูงสุดแบบลาฟี่ต้องอธิบายต่ออีกนิดหน่อย ก่อนจะบอกให้แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้
หลังจากที่ชาวบ้านได้สลายตัวกันแล้ว ซาเดียรีบเดินออกมาหาพี่ชายพร้อมกับหันไปบอกกับสามีว่าได้เวลามื้อค่ำแล้ว
น้ำค้างเหมือนกับคนเป็นใบ้ที่ได้แต่มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที เพราะเขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด แถมอาหารตรงหน้าก็มีหน้าตาประหลาดอย่างมาก จนไม่ชวนให้อยากหยิบจับอะไรเข้าปากเลยสักนิดเดียว
ซามูร์มองคนที่นั่งข้างตนเองเอาแต่เบ้ปาก มองเลยจานอาหารไป จนไม่รู้ว่าใจลอยโฟกัสสายตาไปไว้ที่ไหนแล้ว บางทีซามูร์ก็คิดในใจว่า “เจ้านี่ช่างเสียมารยาทยิ่งนัก” แต่อีกใจก็คิดว่าก็คงไม่แปลกในเมื่อต่างวัฒนธรรมต่างภาษากันซะขนาดนี้
มือใหญ่หยิบปลาย่างตัวใหญ่สีออกจะไหม้เกรียมไปสักนิดขึ้นมาพลางแกะเนื้อปลาตรงดำๆ ออกให้ แล้ววางเนื้อปลาสีขาวดูน่าทานลงบนใบตองให้กับคนด้านข้างแบบที่พึ่งจะเคยดูแลใครสักคนเป็นครั้งแรก
ซามูร์คว้าจับข้อมือของคนที่เอาแต่หันไปมองสิ่งอื่นมากกว่าอาหารตรงหน้าตัวเอง ให้คนมากเรื่องในสายตา ยอมหันกลับมาโฟกัสกับอาหารตรงหน้าได้สักที
ซึ่งทำเอาน้ำค้างถึงกับสะดุ้งตัวเล็กน้อย พอเมื่อได้เห็นว่าคนที่คว้าข้อมือตัวเองชี้ไปที่ใดอยู่ก่อนแล้ว น้ำค้างกลับส่ายหน้าไปมาแทน
"กูไม่ชอบกินปลา มันเหม็นคาว" น้ำค้างพูดไปด้วยยกมือขึ้นมาบีบปลายจมูกของตนเองเพื่อประกอบท่าทางไปด้วย
คนใจดีแกะปลาให้ชายหนุ่มต่างถิ่นถึงกับต้องถอนหายใจออกมาให้กับความเหนื่อยหน่าย บวกกับรู้สึกระอากับความเอาแต่ใจของคนป่วยคนนี้เสียเหลือเกิน
ซามูร์จึงเลือกทำเมินเฉยไปแทนซะเลย นิ้วมือที่ได้เปื้อนไปแล้ว จึงหยิบเนื้อปลาที่อุตส่าห์แกะให้คนด้านข้างกิน แต่ดันไม่ยอมกินเอากลับมาเข้าปากตัวเองแทนซะให้หมดเรื่องหมดราวไป
น้ำค้างถึงกับอ้าปากค้างเหวอ ทั้งที่คิดว่าไอ้ร่างยักษ์จะตื๊อหรือบีบบังคับให้กินมากกว่านี้ซะอีก
"ใจดำชะมัด"
แม้นเจ้าตัวจะไม่อยากกินอาหาร แต่ทว่ากระเพาะก็เกิดการประท้วงว่าต้องการอาหารมาย่อยอยู่ดี
ลาฟี่เห็นแขกต่างถิ่นนั่งหน้าบู้บี้ก็เผลอยกยิ้มขึ้นมาเองไม่ได้ จึงได้เอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษตามที่ตนพอจะสื่อสารแบบเข้าใจง่ายๆ ออกไป
"เจ้าไม่ชอบกินปลารึ แล้วกินอะไรได้ละ" น้ำเสียงที่มาพร้อมกับใบหน้าแสนใจดีอบอุ่นของคนตรงหน้าทำเอาน้ำค้างยอมตอบด้วยดี
"ฮึ ผมไม่ชอบกินปลา มันเหม็นคาว ผมกินแต่ข้าวก็ได้ มีข้าวมั้ย"
ลาฟี่ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบทันที แต่แล้วฝ่ามือใหญ่จึงได้หยิบห่อใบตองที่ถูกกลัดเอาไว้อย่างดี แล้วยื่นให้กับน้ำค้างแทน
"ไม่ใช่ข้าวแล้วมันคืออะไร"
ลาฟี่ไม่ตอบ น้ำค้างจึงต้องนำมาเปิดดูเอง เมื่อมือเรียวค่อยๆ แกะห่อใบตองอย่างลุ้นอยู่ในใจเพราะกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้งอีก แต่เมื่อได้มองเห็นของที่อยู่ในใบตองแล้ว เรียวคิ้วสวยก็ต้องยกขึ้นสูงเล็กน้อย
"ไข่ห่อกับธัญพืช" เสียงทุ้มของลาฟี่ให้คำตอบกับคนที่เอาแต่จ้องเมนูของหัวหน้าเผ่าที่ได้ยื่นให้เมื่อครู่นี้ มานานหลายนาทีแบบที่ไม่ยอมขยับสักที
"ผมกินไม่เป็นหรอก" ใบหน้าฉงนเงยขึ้นมาตอบหัวหน้าเผ่า
"เจ้าลองชิมดูก่อน ข้าว่าเจ้าน่าจะกินได้" ลาฟี่ทำมือเชื้อเชิญให้น้ำค้างลองชิมดูก่อน
น้ำค้างจึงลองบิไข่คลุกธัญพืช เรียกแบบนี้ได้รึเปล่า แต่หน้าตามันเป็นแบบนั้นนะ
ก่อนจะลองเอามันเข้าปากแล้วต้องหลับตาปี๋ทันที เพราะมันมีรสชาติของใบสมุนไพรอะไรสักอย่างที่ออกรสชาติฝาดๆ ไปจนถึงกับขมติดที่ปลายลิ้นด้วย
ลาฟี่หลุดขำเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้าจนเผลอลืมเก๊กนิ่งขรึมไปเลย ส่วนซามูร์ก็เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับคนกินยากตรงหน้าซะเหลือเกิน
น้ำค้างรีบคว้าแก้วน้ำยกขึ้นซดแทน เมื่อได้รสสัมผัสว่าน้ำในแก้วคือน้ำชาจืดๆ เจ้าตัวจึงยกยิ้มออกมาได้บ้าง เพราะในที่สุดก็เจอสิ่งที่ตัวเองกินได้แบบรอดตายแล้ว
หลังจากนั้นน้ำค้างจึงเอาแต่ซดน้ำชาจนอิ่มแปล้ และบอกกับลาฟี่ว่าตนไม่เป็นไรกินแค่นี้ก็อยู่ได้แล้วล่ะคืนนี้
หลังมื้ออาหารค่ำจบลงไป ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนยามค่ำคืน น้ำค้างมองหาชายที่มีดวงตาขาวโพลน แต่ก็ไม่ยักจะเห็นเลย หลังจากที่เห็นว่าเขาขนผ้าห่มขนสัตว์ออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงบ่าย
ซึ่งก็ไม่รู้จะถามใครได้ เพราะตอนนี้เขาต้องรีบก้าวขายาวๆ เดินตามหลังคนตัวสูงให้ทันซะก่อน
ว่าแต่ไอ้ยักษ์คนนี้มันชื่ออะไรวะเนี่ย?
เดินตามหลังร่างไอ้ยักษ์จนถึงบ้านพักของตนแล้ว น้ำค้างก็หยุดนิ่งยืนพิจารณามองอยู่ชั่วขณะ
นอนตรงฟูกกองฟางนี้ดีกว่ามั้ง เพราะบนแคร่ไม้นั้นมันทั้งแข็ง ทั้งคับแคบ
แล้วยิ่งต้องนอนเบียดกันสองคนก็อึดอัดตายห่ากันพอดี
เมื่อคิดได้ดังนั้นน้ำค้างจึงทิ้งตัวนั่งลงบนกองฟางทันที จนซามูร์คิ้วกระตุกและรีบเดินลุกขึ้นมาฉุดดึงแขนของคนที่ทิ้งตัวเอนหลังไปแล้ว ให้ลุกขึ้นมาตามแรงกระชาก
"ไม่! ไม่! คือกูจะนอนตรงนี้ ไอ้ยักษ์.." ซามูร์ได้ยินเสียงง่องแง่ง แต่ฟังไม่เข้าใจจึงทำเบลอซะเลย
ใบหน้าเรียบตึงเหวี่ยงอีกคนให้นั่งลงบนแคร่ไม้แล้ว แต่ทว่าน้ำค้างกลับรีบเด้งตัวออกจากแคร่ไม้ทันทีที่แก้มก้นแตะสัมผัสกับมัน ซึ่งราวกับถูกของร้อนยังไงยังงั้น
"กู กูจะนอนตรงนู้น.." น้ำค้างชี้ไปยังกองฟางที่เดิม ก่อนที่จะถูกไปฉุดดึงให้กลับมานั่งอยู่ตรงนี้
ซามูร์ไม่สนใจเพราะยังไงไอ้เจ้านี่ก็ยังเป็นคนป่วยอยู่ดี และเขาก็ไม่มีทางที่จะสละที่นอนให้หรอก ฉะนั้นก็จงนอนเบียดกันบนแคร่นี่แหละ
มือใหญ่ดันร่างเล็กกว่าให้ล้มตัวนอนลงบนแคร่ แล้วตัวเองก็ทิ้งตัวลงไปนอนเบียดด้วยทันทีเลย
"นะ นี่ มึง!"
ซามูร์ไม่สนใจคนโวยวายด้านข้าง ท่อนแขนแกร่งและท่อนขามัดกล้ามทาบทับร่างเล็กดิ้นเย้วๆ บนแคร่เอาไว้
เมื่อน้ำค้างเหนื่อยจึงจำต้องหยุดดิ้นหยุดร้องโวยวายเพราะหมดแรง ไม่ว่าจะด่าปาวๆ สักเท่าไหร่ จะดิ้นพล่านขนาดไหน ไอ้ร่างยักษ์นี่ก็ไม่รู้สึกรู้สาสักนิด คนดื้อจึงเลิกพยศลงไปเองซะยังจะดีกว่า
น้ำค้างนอนเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง จึงได้เห็นมีแสงจากคบเพลิงผ่านไปมาเป็นระยะ แต่ครั้งนี้เขาก็รู้สึกแปลกใจตัวเองอยู่เลย ว่าไม่กลัวถูกเอาไปมัดไว้กลางลานแล้วถูกเผ่านี้ฆ่าแกงกันแล้วเหรอ
เมื่อนึกถึงเรื่องวันนั้นน้ำค้างก็เหงื่อแตกพลัก ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้มขึ้นมาเองอีกครั้ง จนทำให้ซามูร์ที่หลับตาลงไปก่อนแล้วต้องรีบผงกหัวขึ้นมาดูทันที
"เป็นอะไร พิษในตัวเจ้ายังออกไม่หมดรึ?"
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถาม จึงทำให้คนเหงื่อออกเต็มกรอบใบหน้าหันกลับไปมอง แม้นจะฟังกันไม่รู้เรื่อง แต่น้ำค้างดันส่ายหน้าไปเองโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าสามารถเข้าใจจนตอบคำถามเมื่อกี้นี้ได้
มือใหญ่เผลอแปะลงบนหน้าผากนวลก่อนจะไล่ลงมาแตะยังซอกลำคอ จนต่างคนต่างพากันสะดุ้ง มือเรียวรีบขยับเข้ามาปัดมือใหญ่ทิ้ง
น้ำค้างเลือกที่จะนอนหันหลังหนี เพื่อหลบใบหน้าและสายตาอ่านไม่ออกของคนที่นอนอยู่ด้านข้างแทนไปซะ
จ๊อกกกก~~
เสียงน่าอายดังขึ้น จึงทำให้ซามูร์ลุกขึ้นนั่งแล้วโย้ตัวมาดูคนด้านข้าง ส่วนตัวต้นเหตุที่มาของเสียงนั้นหลับตาปี๋หนีความอับอายทำเป็นเหมือนกับว่าให้ตนเองนั้นหลับไปแล้วยังจะดีซะกว่า
ซามูร์ยกยิ้มแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เจ้าตัวทิ้งตัวลงนอนกลับไปเช่นเดิม
กระทั่งเวลาดึกสงัด ซามูร์รู้สึกได้ว่าคนด้านข้างนั้นนอนพลิกตัวไปมา และในท้ายที่สุดเขาก็รู้สึกว่าถูกสะกิด
ซามูร์จึงลืมตาขึ้นมาแล้วพลิกตัวหันมามองคนที่สะกิดตนเอง จึงได้สบเห็นว่าคนด้านข้างได้ลุกขึ้นมานั่งด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง
"เป็นอะไร" ซามูร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทว่าคนที่ไม่เคยชินจึงคิดว่าถูกดุเข้าให้แล้ว เพราะน้ำเสียงของซามูร์มันฟังดูเย็นเยียบเรียบนิ่งไม่พอใจเอามากๆ เลย
"กู ปวดฉี่" น้ำค้างอ้อมแอ้มตอบออกมา แต่ก็สังเกตเห็นว่าคนด้านข้างก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี
น้ำค้างถอนหายใจแล้วต้องทำท่าทางให้คนด้านข้างเข้าใจ ด้วยการพยายามใบ้คำโดยการทำท่ายิงกระต่ายก็แล้ว ทำท่าลูบท้องก็แล้ว จนคนใบหน้าดุขึงคิดว่าน้ำค้างปวดท้อง จึงคว้าถ้วยยามาส่งให้กิน
จนคนที่ปวดฉี่จนแทบทนไม่ไหวแล้ว ต้องยอมทำท่าที่คิดว่าน่าอับอายที่สุดแต่ก็น่าจะเข้าใจง่ายมากที่สุด คือการนั่งยองๆ เบ่งเสียงให้ดูซะเลย
ซึ่งคนมองดูอยู่ไม่ได้ดูตกใจ แต่ทำเพียงแค่พยักหน้าให้และลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะหันมาดึงข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นตามกันมาด้วย
ทั้งคู่พากันลัดเลาะไปยังพื้นที่ดูเหมือนว่าจะเป็นที่สำหรับถ่ายทุกข์ น้ำค้างอยากจะถามหาว่าไหนละห้องน้ำ แต่ก็มานึกขึ้นได้ว่า ขนาดเวลากินข้าว จานชามช้อนยังไม่มี แล้วแบบนี้จะมีส้วมได้ยังไง
เจ้าตัวจึงเลือกที่จะเงียบเสียงเอาไว้และรีบเดินหลบลึกเข้าไปตรงที่รกๆ หน่อย เพื่อจะได้ออกห่างจากคนร่างยักษ์ที่ยืนหน้านิ่งคิ้วขมวดมองกันอยู่
"แม่ง มองอะไรอยู่ได้ อายจะตาย ไอ้ห่าเอ๊ย" น้ำค้างบ่นไปก็หาหลบมุมในการปลดทุกข์ไปด้วย
แต่ทว่าเมื่อยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ คนร่างยักษ์ก็ยังคงก้าวเท้าเดินตามมาด้วยอยู่ดี จนน้ำค้างสุดจะทนเพราะฉี่จะราดแล้วจึงถึงกับต้องออกปากขู่ว่า “สต๊อป!! ห้ามเดินตามมานะ!”
ทว่าซามูร์กลับขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าจะเดินลึกเข้าไปถึงไหน หากยิ่งเดินเข้าไปลึกมันจะยิ่งอันตราย ใบหน้าเคร่งดุจึงโต้ตอบกลับไปด้วยการชี้นิ้วสั่งว่าให้ใช้ที่ตรงนี้แหละ
แต่ทั้งคู่ดันคุยกันไม่รู้เรื่องสักนิด จนน้ำค้างหน้าดำหน้าแดงเพราะทนอั้นไว้ไม่ไหวแล้ว เจ้าตัวจึงเดินกลับเข้ามาประชิดคนร่างยักษ์แล้วจับตัวอีกคนให้ยืนหันหลังไปซะ ส่วนตนเองนั้นรีบวิ่งปรู๊ดหนีห่างไกลออกไป กว่าจะได้พื้นที่เหมาะกับการยืนปลดทุกข์ ก็เกือบจะราดใส่กางเกงยีนตัวเน่าซ้ำสองอีก
"ฟู่ววว เกือบราด ค่อยโล่งหน่อย" น้ำค้างได้ปลดปล่อยระบายทุกข์ออกมาจนโล่งสบายแล้ว
สองขาเรียวภายใต้กางเกงตัวเก่า เสื้อตัวเก่าที่เขาใส่มานั้นช่างดูซกมกเขรอะสิ้นดี แต่เจ้าตัวก็ทำอะไรไม่ได้ หากไม่ใส่แบบนี้ต่อ มีหวังคงต้องใส่แต่ผ้าเตี่ยวผืนเดียวจนโป๊เปลือย ไม่ก็คงต้องใส่ชุดใบไม้แบบชนเผ่าที่นี่แทน
น้ำค้างเบ้หน้าพลางขยับรูดซิปจัดการกับตนเองเสร็จแล้ว จึงเริ่มขยับตัวเดินกลับไปหาคนที่ตนวิ่งแน่บ แอบหนีมายืนชิ้งฉ่องอยู่ตรงพุ่มไม้นี่
ทว่าเมื่อก้าวขาได้เพียงไม่ถึงสามก้าว กลับต้องชะงักงัน ดวงตากลมเบิกกว้างเลิ่กลั่กทันที เมื่อรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวพาดผ่านบริเวณท่อนขาของตนเองอยู่ด้วย
อึก! ไอ้เหี้xกูว่าตัวหางยาวๆ แน่เลย
ยิ่งนึกได้แบบนี้ น้ำค้างยิ่งทำตัวแข็งทื่อขยับก้าวขาไม่ออกราวกับถูกสาป ขนาดแค่จะตะเบ็งร้องออกเสียงก็หวาดกลัวว่าจะถูกมันกัดสวบเข้าให้อีก
นี่เวรกรรมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรกันวะ ไม่ถูกจับไปย่างกินกลางวงของเผ่านู้น พอหนีมาได้ก็เจอพิษเล่นงานจนเกือบตาย นี่กูอาจจะต้องมาตายเพราะเจองูกัดอีก
เชี่ยอะไรของชีวิตกูเนี่ย!!
คนยืนอุดปากตัวสั่นมีสีหน้าหวาดหวั่นใจ จะตะโกนเรียกคนที่มาด้วยกันก็ไม่รู้จะเรียกยังไง น้ำค้างจึงทำได้แค่ยืนนิ่งๆ กลอกลูกตาล่อกแล่กไปมา จนน้ำตาตีตื้นคลอเบ้าขึ้นมาแล้ว
ในใจเอาแต่ภาวนาหวังจะให้มันเลื้อยผ่านขาตนเองไปเร็วๆ ด้วยเถอะ แต่ทว่าเหมือนกับว่ามันไม่ยอมเลื้อยห่างออกไปจากบริเวณนี้สักทีเลย
ฮึก...อะ ฮืออ....
"ทำอะไร นานไปแล้ว" น้ำเสียงเข้มที่เดินบ่นมาทางพุ่มไม้ทำให้คนยืนนิ่งไม่ยอมขยับ ผุดความดีใจตอนเงยหน้ามองตรงมาด้วยใบหน้ามีความหวัง
ซามูร์มองคนที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงก็ไม่เข้าใจเท่าไร จนกระทั่งได้เห็นตัวเจ้าปัญหาชี้นิ้วไปที่ข้อเท้าของตัวเอง แถมยังทำหน้ายังกับจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้
สองขามัดกล้ามจึงต้องเดินเข้ามาประชิดตัวคนที่เอาแต่ยืนแข็งทื่อ ปล่อยให้เถาวัลย์มันเกาะแข้งเกาะขาอยู่ได้ ซามูร์เดินมาใกล้ตัวเพื่อหวังจะลากแขนให้อีกคนเดินกลับไปที่พักได้แล้ว
"คุณ...ฮื้ออ"
ซามูร์ถูกคนขวัญผวาโถมตัวเข้ามากอดกัน จนคนตั้งรับไม่ทันเกิดอาการซวนเซไปด้านหลังเล็กน้อยเช่นกัน
ดวงตาคมก้มมองคนหลับตาปี๋ตรงหน้าด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร จริงๆ ซามูร์ก็อยากจะเอ่ยแซวด้วยซ้ำว่าจะตาขาวกลัวอะไรนักหนา นั่นมันก็แค่เถาวัลย์เอง
แต่คิดอีกทีถึงจะพร่ำบอกออกไปก็ไม่เข้าใจกันอยู่ดี ซามูร์จึงลูบแผ่นหลังบางที่เอาแต่โผกอดกันแน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนจะกระชับเอวให้คนขี้กลัวก้าวขาออกเดินตามกันกลับไปยังที่พักด้วยกันแทน
ซามูร์นอนดูคนข้างๆ ที่เหมือนกับละเมออื้ออ้าออกมา ฝ่ามือใหญ่จึงลองแตะสัมผัสลงไปบนหน้าผากนวลที่มีเม็ดเหงื่อผุดซึมออกมาเต็มใบหน้าไปหมด แต่ก็ไม่ได้มีอุณหภูมิสูงแบบตอนที่ติดพิษมาเช่นเมื่อสามสี่วันก่อน
"สงสัยคงต้องไปหาพ่อเฒ่าให้ต้มยาอีกแล้วมั้ง"
ดวงตาคมยังจับจ้องมองไปยังคนด้านข้างที่กำลังพยายามไขว่คว้าหาดึงผ้าห่มหนังสัตว์ขึ้นมาปกคลุมร่างกาย ทว่าผ้าห่มมันจะดูผืนเล็กไปสักนิดสำหรับร่างกายของผู้ชายสองคนที่ต้องนอนเคียงข้างกันแบบนี้
ท่อนแขนแข็งแรงจึงคว้าตัวคนที่นอนขดงอตัวเข้ามานอนใกล้กันแทน แล้วใช้ความร้อนจากร่างกายส่งผ่านช่วยให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันแทนการหวังพึ่งผ้าห่มขนสัตว์ผืนเล็กๆ นั่นเสีย
☘
หลังมื้อเช้าที่ไม่ได้มีอาหารอะไรเป็นพิเศษ มีเพียงแค่นมแพะกับมันเผา ทำให้คนต่างถิ่นต่างเผ่าพันธุ์ทำหน้าเหมือนจะตายออกมาทุกมื้ออาหารเลยก็ว่าได้
แต่ถึงอย่างไร วันนี้ซามูร์ก็ไม่ยอมใจดีด้วยหรอกนะ เพราะยังไงคนด้านข้างก็ต้องกินยาต้มสมุนไพร
"ไม่เอา กูไม่กิน"
ซามูร์ไม่ได้สนใจคำปฏิเสธหรือท่าทางต่อต้านของคนตรงหน้าเลยสักนิด มือแกร่งเอาแต่ยื่นถ้วยยาต้มมาให้แล้วจ่อตรงหน้าน้ำค้างอย่างคะยั้นคะยออยู่แบบนั้น
น้ำค้างทั้งส่ายหน้าทั้งเดินหนี แต่อีกคนก็ยังคงเพียรพยายามเดินตามยัดเยียด จนชักจะเริ่มสุดจะทนแล้วเหมือนกัน
แม่งพูดกันก็ไม่รู้เรื่อง!
บอกภาษากายขนาดนั้นแล้ว ก็น่าจะเข้าใจแล้วปะวะ?
น้ำค้างหงุดหงิดเกิดโทสะขึ้นมาแล้วหันขวับไปมองคนที่จ้องตนเองอยู่เช่นกัน ในมือที่ยังคงถือถ้วยยาพร้อมยื่นส่งมาให้กันอย่างยัดเยียดอยู่ได้ ทำเอาคนโมโหได้สะบัดมือจนไปโดนถ้วยยาตกและหกราดลงพื้นไปเรียบร้อย
ซามูร์หน้าตึงขึ้นมาทันทีเช่นกัน ส่วนด้านคนก่อเหตุก็เพิ่งจะรู้สึกผิดขึ้นมา แต่ก็มัวแต่อ้ำอึ้งแบบทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากบางอึกอักจะพูดขอโทษออกมา แต่อีกคนดันเดินออกประตูหนีกันไปแล้ว
เฮ่อ แม่ง
น้ำค้างก้มตัวเก็บถ้วยยาต้มที่ได้สะบัดมือไปโดนมันเข้า จนตกลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นขึ้นมาใหม่ หยิบนำไปวางไว้ยังที่เดิมของมัน ก่อนจะพาตนเองกลับไปนั่งชันเข่าอยู่บนแคร่ไม้พลางพรูลมหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม
ใบหน้ามู่ทู่นั่งทอดสายตาสอดส่องมองไปทางประตู หวังว่าอีกคนจะเดินกลับเข้ามาด่าว่าใส่กันซะยังจะดีกว่าเดินหนีกันไปเงียบๆ แบบเมื่อกี้ซะอีก
ความเงียบสงบภายในบ้านที่ไม่มีร่างสูงใหญ่ของไอ้ยักษ์อยู่แถวนี้ให้เห็นในสายตาแล้วเลย กลับทำให้น้ำค้างรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้งให้ลอยเคว้งยังไงยังงั้น
อะไรวะ ก็มันขมปี๋ขนาดนี้ใครจะไปกินได้อ่ะ...
ริมฝีปากบางยู่บูดบึ้ง เปลี่ยนท่านั่งตีขาเล่นอยู่บนแคร่ภายในห้องคร่าเวลาเล่นอยู่เพียงลำพัง ดวงตาคู่สวยมองออกไปด้านนอกอีกครั้ง
ทว่ากลับยังไม่เห็นคนที่เดินหายไปนานหลายสิบนาทีแล้วจะเดินกลับมาสักที จนต้องถอดหายใจยาวออกมาอีกหลายรอบ
น้ำค้างจดๆ จ้องๆ ผุดลุกผุดนั่ง รู้สึกอยากจะเดินออกไปข้างนอกบ้านเองดูบ้าง แต่อีกใจกลับรู้สึกยังไม่คุ้นชินจึงวิตกกังวลกับท่าทางของพวกชาวบ้านอยู่เลย หวาดระแวงกับสายตาของชาวชนเผ่าอยู่ดี เพราะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
คนต่างถิ่นที่ดูแปลกแยกจึงเลือกที่จะคลุกตัวนอนอยู่บนแคร่ไม้เงียบๆ อยู่ภายในห้องที่ดูจะเป็นเซฟโซนสุดๆ อย่างช่วยไม่ได้แทน
คนที่หายตัวไปนานนับชั่วโมงได้เดินกลับเข้ามาภายในบ้านพร้อมกับยาถ้วยใหม่ น้ำค้างต้องกระดกหัวขึ้นมามองดูแล้วถึงกับเบ้หน้าออกมาอย่างคนเอาแต่ใจไม่สร่างซา
ยิ่งตอนที่มือใหญ่ได้ยื่นถ้วยยาต้มร้อนๆ ที่น้ำค้างสุดแสนจะเกลียดมายัดเยียดให้ดื่มกันอีกรอบแล้ว
"ฮื้อ ขี้ตื๊อจังวะ" ใบหน้ามู่ทู้กับริมฝีปากจิ้มลิ้มพร่ำบ่นโอดโอยออกมา
ดวงตาคมดุจ้องมองใบหน้าที่เอาแต่ใจแบบไม่ยอมอ่อนข้อให้และไม่ละวางสายตาเลย จนน้ำค้างรู้สึกยอมใจและจำใจต้องหยิบถ้วยยาในมือของคนจ้องเขม็งกันอยู่ ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อมาถือเอาไว้เอง
น้ำค้างลอบกลืนน้ำลาย พอนึกถึงรสชาติฟาดขมปี๋ก็ไม่อยากจะกระดกเข้าปากเลยสักนิด
ดวงตากลมมัวแต่นั่งมองถ้วยชาจนมันจะเย็นชืดแล้วจะยิ่งดื่มยาก ซามูร์จึงยิ่งกดดันด้วยทางสายตาให้คนถือไว้นานแล้ว รีบๆ ยกขึ้นดื่มสักที
ใบหน้าเหยเกกล้ำกลืนฝืนทน มือหนึ่งบีบจมูกมือหนึ่งพยายามยกแก้วเข้าใกล้ปากเรื่อยๆ แล้วจึงยอมกระดกเข้าปากได้ทันที
แต่แล้วเมื่อลิ้นแมวได้สัมผัสเข้ากับรสชาติจืดเจื่อนและขมฝาด จึงทำให้คนกินยายากนั้นได้สำลักน้ำยาต้มออกมาหกเลอะเทอะอีกจนได้
แค่ก...แค่ก
เสื้อยืดที่มันเลอะเทอะอยู่แล้วยิ่งเต็มไปด้วยคราบยาต้ม ทั้งสีทั้งกลิ่นฉุนฟุ้งเต็มตัวไปหมด ทำเอาซามูร์ถึงกับต้องขมวดคิ้วมองดู
คนสำลักยาต้มหน้าดำหน้าแดงหลับตาแลบลิ้นออกมา เพราะไม่ชอบรสชาติขมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอลืมตาขึ้นมาจึงได้เห็นสภาพของตนเองจนรับไม่ได้เหมือนกัน
"กูอยากอาบน้ำ" น้ำค้างบอกคนตรงหน้าพร้อมกับทำท่าประกอบท่าทาง
ซามูร์เข้าใจได้ในทันที เขาจึงพาอีกคนเดินออกจากบ้านพักไปด้านหลังของตัวบ้าน
"นี่ ตรงนี้มีห้องน้ำเหรอ" น้ำค้างกลายเป็นคนพูดมาก แต่เหมือนพูดมากอยู่คนเดียวเพราะอีกคนเอาแต่เงียบราวกับเป็นใบ้
ซามูร์พาเดินไปทางบ้านหัวหน้าเผ่าแล้วยืนรอหน้าบ้านครู่เดียว ซาเดียก็เดินออกมาหาพร้อมกับยื่นผ้าหนึ่งผืนให้
"ท่านพี่นี่มันเป็นชุดหญิงสาวที่จะแต่งงาน ท่านพี่จะให้เขาใส่จริงๆ รึ"
"อืม ใช่" ซามูร์ตอบรับด้วยเสียงเรียบนิ่ง
"ให้เขาใส่แบบชาวเผ่าคองกี้ของน้องก็ได้นะ ถ้าพี่ไม่สะดวกใจให้เขาใส่แบบเผ่ากรีนเคิร์ก แต่ถ้าใส่ชุดนี้เดี๋ยวเขาก็ถูกอาถรรพ์เอาได้นะ" ซาเดียที่ได้ชี้แจงแนะนำคนเป็นพี่ด้วยแววตากังวลด้วย
ทว่าอีกคนกลับทำเป็นเฉยเมย เพียงแค่กล่าวขอบคุณน้องสาวออกมาเท่านั้น พร้อมกับได้หันไปลากตัวคนที่ยังยืนยิ้มแห้งให้กับซาเดียแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ติดมือมาด้วย
สองคนดึงรั้งให้เดินตามกันมาจนถึงธารน้ำใสแล้ว ซึ่งเป็นลำธารที่ไหลมาจากน้ำตกมีบ่อเป็นสีมรกตด้วย จนทำให้คนที่เอาแต่ก่นด่าบ่นมาตลอดทางยกยิ้มกว้างออกมาได้ พร้อมกับทำตัวราวกับว่าจะกระโจนร่างลงไปเล่นทันที
"สวยจัง สวยมากๆ เลย ว้าว"
น้ำค้างแหงนหน้าพูดกับคนที่ลากตนเองมาก่อนจะชี้มือออกไปแล้วขออนุญาตไปเล่นน้ำ โดยที่อีกคนไม่ได้ตอบรับอะไรออกมาเลย น้ำค้างจึงไม่รอคำตอบอีกต่อไปแล้ว เพราะเจ้าตัววิ่งไปกระโดดลงในบ่อมรกตเรียบร้อย
คนสบายตัวลอยคอในสระเนิ่นนานจนฉ่ำปอดมาแล้วสักพัก น้ำค้างเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่ามันดูเงียบผิดปกติ ดวงตากลมต้องทำการกวาดสายตามองหาคนที่มาด้วยกัน แต่ทว่ากลับมองหาไม่เจอจนเขารู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
"ยักษ์! ไอ้ยักษ์!!" นัยน์ตาสีเริ่มอ่อนสั่นไหว น้ำค้างมองเลิ่กลั่กไปทางโขดหินก็ไม่มี หันไปมองทางฝั่งด้านบนของน้ำตกก็ไม่มี
"ไปไหนอ่ะ อย่าทิ้งกันดิ ไอ้ยักษ์โว้ยย"
น้ำค้างรู้สึกว่าตนเองขี้แยตั้งแต่หลงทิศหลงทางหลงเข้ามายังดินแดนแปลกๆ แห่งนี้ เหมือนกับตัวเองนั้นได้กลายเป็นเด็กน้อยวัย 5 ขวบไปแล้ว
เมื่อคนเริ่มหวาดกลัวจนแช่น้ำเย็นสบายขนาดไหน ก็มิอาจจะคลายความหวาดกลัวและความร้อนใจในอกได้เลย สองขาเรียวรีบขยับตัวเดินขึ้นฝั่ง เพื่อจะได้ออกเดินตามหาคนที่พาตนเองมาแล้วก็ปล่อยทิ้งกันไปแบบไม่บอกกล่าวกันเลยสักนิด
"ฮึ้ย คอยดูนะ ถ้าเจอไอ้ยักษ์นั่นกูจะต่อยแม่ง ฮื้อ เอากูมาทิ้งไว้คนเดียวเฉยเลย แล้วถ้าเจอโจรเจอสัตว์ป่ากูจะทำยังไง"
คนใจคอไม่ดีแต่ทว่ายังปากดีอยู่ยืนบ่นยืดยาว พอก้มมองดูตัวเองที่เปียกโชกก็เพิ่งจะนึกได้ว่าแล้วจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนเปลี่ยน สงสัยต้องแก้ผ้าอยู่แทนแล้วละมั้งแบบนี้
น้ำค้างหันมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโขดหินที่ดูน่าจะใช้กำบังกายได้แล้วสองขาจึงมุ่งตรงไปที่ตรงนั้นทันที เพื่อถอดเสื้อผ้าตากแดดตากลมสักพักให้พอแห้งแล้วค่อยหาทางเดินกลับบ้านพักเองแบบไม่ง้อไอ้ยักษ์ก็ได้
"หึ ไม่ง้อแกหรอกไอ้ยักษ์"
มือเรียวค่อยๆ เริ่มถอดเสื้อออกทางหัวแล้วโบกสะบัดจับพาดพึ่งแดดบนโขดหิน จากนั้นจึงเลื่อนมือมาปลดตะขอและรูดซิปกางเกงยีนออกมาบิดน้ำให้หยดออกจากเนื้อผ้าสุดแรงเกิดแล้วจึงพาดไว้บนโขดหินเช่นกัน
ปราการชิ้นสุดท้าย น้ำค้างลังเลว่าจะถอดออกหรือใส่พึงไปทั้งตัวแบบนี้ดี หลังจากลังเลคิดอยู่นานเจ้าตัวจึงไม่ถอดและเอนตัวลงนั่งหลังพิงโขดหิน
สายลมพัดผ่านเป็นระลอก ทำให้คนโป๊ในซอกหินต้องยกมือขึ้นมาโอบกอดตัวเองไว้แน่นดับความหนาวและความกลัว
"ทนอีกแป๊บไอ้ค้าง เดี๋ยวพอมันแห้งหมาดๆ อีกนิดก็หาทางเดินกลับเองเถอะ"
"แบบนี้ที่เขาเรียกว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนไง ไอ้ค้าง มึงจะอาศัยหวังพึ่งรอใครกันทำไมวะ แม่ง” น้ำค้างบ่นพึมพำราวกับเพ้อเจ้อออกมาอยู่คนเดียว
แกร๊บ..บบ
น้ำค้างได้ยินเสียงเหมือนกับกิ่งไม้หักเพราะโดนเหยียบ ซึ่งเขาไม่รู้ได้เลยว่าเป็นคนหรือสัตว์ป่าดุร้ายกันแน่
“ฮื้อ..นะโม! พุทโธ! ธรรมโม! สังโฆ!”