ในที่สุด..
ผมก็ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงแล้ว..
ซะที่ไหนกันเล่า?!
ใบหน้าเลิ่กลั่กจ้องมองคนนู้นทีคนนี้ที น้ำค้างคิดว่าตนคงหลงเข้ามายังดินแดนในฝันและกำลังฝันร้ายต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน
แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงเบื้อหน้านี่ มันไม่ใช่ความฝันแล้วโว๊ย! คนอะไรจะฝันได้ยาวนานถึงขนาดนี้กันละ
แววตาหวาดระแวงมองอย่างไม่ไว้ใจใครสักคน แม้แต่คนที่เขาเคยเห็นมันตั้งแต่ครั้งแรกที่ลืมตาตื่นขึ้นมา
ไอ้นี่แหละที่นำพาเขาไปเจอกับหายนะอะไรก็ไม่รู้
น้ำค้างสะดุ้งสุดตัว อยากจะกระโดดลงจากแคร่ไม้แล้วรีบถอยกรูด ตะกุยมุดดินหนีหายไปให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ทว่าผู้เฒ่าที่เดินเข้ามาหาช่างมีใบหน้าที่ดู ใจดี แกเอามือเหี่ยวย่นมาแตะลงบริเวณรอยบาดแผลอย่างเบามือ
อ่า..นั่นสิ!
นี่เราโดนหนามของต้นไม้พุ่มเตี้ยหน้าตาประหลาดบาด จนเป็นแผลเลย
และก็จำได้ว่าหลังจากพยายามหนีจากบ้านหมอผีที่มีตุ๊กตาน่ากลัว
กับพวกหมู่บ้านที่มันจะจับเขากิน!!
ดวงตาเบิกโพลงหลังจำทุกอย่างได้แล้ว คนสติกระเจิดกระเจิงหุนหันพลันแล่น ผุดลุกขึ้นได้ก็รีบวิ่งไปทางออกประตูที่เปิดอ้ากว้างเอาไว้
แต่แล้วกลับต้องหงายท้องล้มตึงก้นจ้ำเบ้า เพราะดันไปชนเข้ากับร่างของไอ้ยักษาตรงหน้าซะก่อน
“แม่งเอ๊ย เจ็บก้นว๊อย” น้ำค้างครางโอดโอย มือบางคำป้อยๆ ไปที่ก้นกบทันที
"จะไปไหน"
น้ำค้างแหงนหน้ามองขึ้นไปตามเสียงที่พูดอยู่ตรงหน้า แม้นจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่คิดว่าหมอนี่ต้องดุเขาแน่นอน เพราะดูจากแววตาวาวโรจน์ก็พอจะรับรู้ได้แล้วละ
มือใหญ่ยื่นออกมารอรับ ทว่าน้ำค้างกลับสะบัดหน้าหนี แถมยังไม่ยอมจับมือที่ยื่นมาให้ลุกขึ้นด้วย
เกิดความโกลาหลตรงหน้าพ่อเฒ่า จนคนแก่ถึงกับต้องส่ายหน้าไปมา แล้วเป็นฝ่ายเดินไปนั่งลงบนแคร่ไม้ตามเดิม
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยเดินมาจนถึงภายในบ้านพ่อเฒ่าที่เกิดเหตุคุยกันไม่รู้เรื่อง
"อ้าว คนไข้หายดีแล้วเหรอพ่อเฒ่า"
หัวหน้าเผ่าเปิดม่านโผล่เข้ามาก็เห็นคนที่ควรจะนอนบนแคร่กลับนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่พื้นแทน โดยมีคนที่เฝ้าไข้มาหลายคืนยืนกอดอกจ้องมองด้วยใบหน้าถมึงทึงอยู่ด้วย
ซาเดียเห็นพี่ชายหน้าบูดบึ้ง เธอจึงเลือกเดินเข้าไปใกล้คนเป็นพี่แล้วเอ่ยถามเรื่องราว จนได้รับรู้เหตุการณ์ก่อนหน้าทั้งหมด
"เจ้าพูดภาษาอะไรได้บ้าง" หัวหน้าเผ่าคนหนุ่มเอ่ยถามคนที่มองเลิ่กลั่กหวาดกลัว จนเขาต้องยอบตัวนั่งลงไปพูดคุยด้วย
น้ำค้างเลิ่กลั่กด้วยความกลัวเขาจึงพูดภาษาไทยคำภาษาอังกฤษผสมปนเปกันมั่วไปหมด
"เจ้าพูดภาษาอังกฤษได้เหรอ" ลาฟี่เอ่ยถามทันทีเมื่อได้ยินภาษาอังกฤษที่พอจะรู้เรื่องแว่วเข้าหูมา
"คุณพูดภาษาอังกฤษได้เหรอ?!"
รอยยิ้มเจิดจ้าเผยออกมาทันควัน เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตนเองนั้นน่าจะรอดตายแล้ว หากขอความช่วยเหลือจากคนตรงหน้านี้
ซามูร์คิ้วกระตุกด้วยความที่ตนเองนั้นไม่เข้าใจสักนิด ว่าสองคนตรงหน้าคุยอะไรกัน จนทำให้คนที่ตนเคยดูแลมาหลายวันหลายคืนยิ้มออกมาได้ง่ายดายแบบนี้
"เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ" ฝ่ามือใหญ่ขยับพยุงคนไข้ที่คุยภาษาเดียวกันได้ให้ลุกขึ้น แล้วจึงพาเดินกลับไปนั่งลงที่แคร่ไม้ตามเดิม
"เอ่อ ขอบคุณครับ คุณจะไม่กินผมใช่มั้ย" ใบหน้าหวาดหวั่นยังคงมองตรงไปยังคนที่เคยลากตัวเขาไปยังเผ่าดินคน จนได้รับคำตอบยืนยันจากชายตรงหน้าเป็นการยืนยันว่าไม่มีแน่นอน
"เจ้าชื่ออะไร ส่วนข้านั้น ลาฟี่ เป็นหัวหน้าเผ่าคองกี้แห่งนี้"
"ผมชื่อน้ำค้าง มาจากเมืองหลวง" น้ำค้างรีบแนะนำตัวกลับคืนบ้าง แต่ก็มานึกได้ทีหลังว่าจะไปบอกเขาทำไมว่ามาจากเมืองหลวง
ขนาดตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย แล้วคนตรงหน้าก็คงจะไม่รู้จักเมืองหลวงของตนเองด้วยเช่นกัน
"เมืองหลวงเหรอ ข้าไม่รู้จักชื่อนี้เลยแฮะ" น้ำค้างยิ้มแกนพร้อมกับคิดในใจว่า ก็แหงสิ! ถ้าบอกมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนพวกนี้ก็จะรู้จักรึเปล่าหรอก?
"อ่อ ส่วนหญิงผู้นี้คือซาเดีย เมียข้าเอง ส่วนนั่นพ่อเฒ่าผู้ที่ช่วยรักษาพิษให้เจ้า" น้ำค้างผงกหัวหงึกหงัก เผลอยกมือขึ้นไหว้ด้วยซ้ำ
หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้ได้ส่งยิ้มให้กับน้ำค้าง ซึ่งเธอไม่ได้ยกมือรับไหว้ตามธรรมเนียมเฉกเช่นบ้านเกิดของน้ำค้าง จนทำเอาน้ำค้างต้องรีบยกมือที่กระพุ่มค้างอยู่ลงด้วยความเก้อเขิน
น้ำค้างคิดว่าลาฟี่จะแนะนำคนอื่นๆ ต่อ แต่เจ้าตัวกลับพูดเรื่องอื่นแทนและบอกกับเขาอีกว่าให้พักอยู่ที่นี่ไปก่อน แต่แล้วลาฟี่ก็เกิดอาการอึกอัก ก่อนจะลุกขึ้นไปถามกับผู้ชายที่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นมีใบหน้าบึ้งตึงนั่นแทน
น้ำค้างเกิดอาการงงเป็นไก่ตาแตก ว่าทำไมจู่ๆ การสนทนาระหว่างเขากับลาฟี่ถึงได้หยุดชะงักลงไปแบบกลางคัน
เมื่อได้หันไปมองทางหญิงสาวที่ลาฟี่แนะนำว่าเป็นเมียบ้าง ก็ดูท่าทางว่าเธอไม่น่าจะคุยกันรู้เรื่อง น้ำค้างจึงทอดสายตามองไปยังสองคนที่กำลังสนทนากันอยู่แทน
ทำไมต้องลุกไปหาคนนั้นด้วย แล้วเจ้าตัวยักษ์นั่นมันเป็นใครกัน
น้ำค้างยังไม่ทันหายข้องใจในสิ่งที่ตนสงสัย ลาฟี่กับเมียก็ต้องขอปลีกตัวออกไปซะก่อน เนื่องจากมีชาวบ้านมาเรียกตัวออกไปเสียก่อน
อะไรอ่ะ แล้วทีนี้กูจะต้องทำยังไงต่อ?
น้ำค้างเลิ่กลั่กมองไปทางผู้ชายที่สวมใส่ผ้าเตี่ยวผืนเดียว กับมีดวงตาขาวโพลน ซึ่งมันเป็นคนที่จับตัวเขาไปให้ไปพวกวิปริตนั่นมัดไว้ท่ามกลางสายตาของชาวชนเผ่าประหลาดๆ พวกนั้นเลย
ซึ่งทำเอาน้ำค้างจำหน้ามันได้แบบที่ไม่มีวันลืมแน่นอน พอน้ำค้างตัดสินใจทำท่าจะลุกขึ้นยืน ก็ถูกชายแก่ตรงหน้าพูดอะไรออกมาสกัดใส่หน้ากันอีกแล้ว
คือกูไม่รู้เรื่อง!
ไม่เข้าใจเลยเว้ย!
ซามูร์ได้พูดคุยกับพ่อเฒ่าอีกเพียงนิดหน่อยก่อนจะหันหน้ามามองตัวปัญหา แล้วนำพาขาสองข้างให้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่คุยกันไม่รู้เรื่อง
ใบหน้าเรียบนิ่งไม่ได้เอ่ยปากบอกล่าวอะไรออกมา แต่กลับถือวิสาสะยกตัวคนตรงหน้าแล้วแบกขึ้นที่บ่าทันที จนน้ำค้างหลุดเสียงหวีดร้องเพราะตกใจ เลยรีบใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดทุบตีลงไปที่แผ่นหลังกว้างคืนทันทีเช่นกัน
"ไอ้บ้า ไอ้เชี่ย มึงจะทำอะไร จะเอากูไปเผากินอีกเหรอห๊ะ??!!"
"กูไม่ไป กูยังไม่อยากตาย!!"
น้ำค้างดีดดิ้นกรีดร้อง ทั้งก่นด่าจนเหนื่อยแล้วจึงปล่อยหลุดสะอื้น ตอนที่ถูกแบกอยู่บนแผ่นหลังกว้างที่เอาแต่เดินอาดๆ แบบไม่คิดจะหยุดสักฝีก้าว
ต้องตายอีกแล้วสินะ
คงได้ตายของจริงแล้วละครั้งนี้
อึก
น้ำค้างมองคนตัวใหญ่ที่ทิ้งตนเองลงบนแคร่ไม้พื้นแข็ง ต่างคนต่างมองจ้องหน้ากัน แต่ทว่ากลับไม่ได้มีคำพูดใดๆ หลุดออกมากันเลยสักคำ ซึ่งมีเพียงแค่น้ำค้างที่ยังคงมีคราบน้ำตาไหลออกมานองจนเต็มใบหน้า
ซามูร์ถอนหายใจ ยิ่งตนนั้นเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วด้วย แถมดูท่าว่าคนตรงหน้านี้ ถึงจะพูดอะไรกันออกไปก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี เขาจึงเลือกที่จะเงียบนิ่งไว้ซะดีกว่า
เจ้าตัวเดินไปชิดกับขอบแคร่ไม้อีกฝั่งแล้วล้มตัวลงนอน ส่วนคนที่ถูกทิ้งตัววางลงไว้บนแค่อีกฝั่งถึงกับสะดุ้งและได้โวยวายเสียงดังแว้ดๆ ออกมาใส่คนด้านข้างอีกรอบ
น้ำค้างหวาดกลัว หวาดระแวงไปหมดแล้ว ซึ่งไม่เข้าใจการกระทำของคนที่นี่เลย โดยเฉพาะไอ้คนตรงหน้านี่แหละ มันจะทำอะไรป่าเถื่อนใส่กันอีกรึเปล่า ถ้าหากมันเอื้อมมือมาหักคอเขาทีเดียวก็น่าจะตายได้เลย
คนโวยวายขยับตัวหนีจนชิดขอบแคร่ จนแทบจะตกลงไปที่พื้นอยู่รอมร่อแล้ว จึงเห็นว่าคนตัวยักษ์ใหญ่นั่นยังนอนนิ่งหันหลังให้กันอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวด้วยเลยสักนิด
น้ำตาใสหยดออกมาจากต่อมผลิตน้ำตาไม่หยุดหย่อน น้ำค้างเลิ่กลั่กมองไปรอบๆ บริเวณห้องที่ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยนอกซะจากกองฟางกับหีบไม้ดูโบราณอีกหนึ่งใบ
เมื่อมองไปทางกองฟางนั้น ดวงตาที่อาบไปด้วยน้ำตาได้สบเห็นเข้ากับไอ้คนที่เอาตัวเขาไปผูกไว้กับเสากลางลานนั่น จึงทำให้ความหวาดกลัวตื่นตระหนกขึ้นมาภายในใจอีกครั้งแล้ว
ภาพหลอนในความทรงจำที่ผ่านมาเพียงแค่ไม่กี่วัน วิ่งแล่นเข้าหัวทันที ทำเอาน้ำค้างไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว เจ้าตัวเลือกที่จะวิ่งออกจากบ้านพักหลังนี้ไปให้พ้นๆ กับเรื่องบ้าๆ นี่เสียที
แต่ทว่า หลังจากที่ได้เปิดประตูออกมาจากห้องไอ้ยักษ์พวกนั้นแล้ว คนเหลอหลาน้ำตานองหน้าต้องเกิดอาการจิตตกยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก เมื่อได้พบกับผู้คนของชนเผ่าแห่งนี้
เชี่ย!
เผ่านี้ใช้ใบไม้เป็นเครื่องนุ่งห่มเหรอวะ?
ยิ่งน้ำค้างชะงักค้างหยุดยืนกวาดสายตามองอยู่ตรงบริเวณหน้าบ้าน จึงทำให้น้ำค้างที่เนื้อตัวสวมใส่เสื้อผ้าแปลกตาเข้ามา ณ ที่แห่งนี้ ได้กลายเป็นเป้านิ่งทางสายตาของพวกชนเผ่าเสียแล้ว
ใบหน้าตื่นกลัวยิ่งได้หันซ้ายหันขวา กลอกตามองไปรอบทิศทาง มันยิ่งเรียกความสนใจให้กับพวกชาวบ้านระแวกนั้น พากันเดินเข้ามามุ่งดูคนแปลกหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาคนขวัญหนีดีฟ่อเผยสีหน้าและแววตาตื่นตระหนกไปหมด
น้ำค้างถอยหลังกรูด จนสะดุดขาของตัวเองแล้วล้มลงไปนั่งคุดคู้อยู่ที่พื้นเปื้อนฝุ่นอีกจนได้ เวลาที่รู้สึกกลัวจับใจทีไรแข้งขามันมักจะอ่อนแรงทุกทีเลย
อึก.. ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้ กูกลัว
“ฮื้อ กูกลัวแล้ว”
คนนั่งลงคลุกฝุ่นที่เอาแต่ปล่อยโฮออกมาจนน้ำตาไหลพรากออกมาพร้อมกับน้ำเสียงสั่นเครือบ่งบอกอาการหวาดกลัวได้ชัดเจน
"ไอ้นี่ตัวปัญหาจริง" ใบหน้าถมึงทึงพร้อมคำต่อว่าที่น้ำค้างฟังไม่เข้าใจแต่ก็พอจะรู้ได้ จากสีหน้าของคนที่ฝ่าวงล้อมเข้ามาช่วยดึงเขาออกจากวงล้อมของพวกคนที่ดูน่ากลัวตรงนี้
ครั้งนี้น้ำค้างยอมโดนคนหน้าบูดบึ้งลากแขนให้เดินเข้าบ้านตามเดิมแต่โดยดี แบบที่น้ำค้างไม่ได้ขัดขืนอีกต่อไป
"อยู่เฉยๆ มันจะตายรึไง?" ซามูร์หันไปขึ้นเสียงใส่คนด้านข้างทันทีที่เข้ามาในบ้านพร้อมกับโยนตัวน้ำค้างลงบนแคร่ไม้อีกรอบ จนทำเอาน้ำค้างสะดุ้งจนสุดตัวและได้ร่ำไห้ออกมาอีกรอบจนได้
ซามูร์เบียดตัวลงนอนบนแคร่เหมือนเดิมอีกครั้งราวกับว่าย้อนเวลากลับไปแต่แรกเลย เมื่อถูกเบียดตัวจากคนด้านข้าง น้ำค้างจำต้องขยับตัวชิดในไปโดยปริยาย
คนนั่งสะอึกสะอื้นปรายหางตาไปมองดูคนที่ดุด่าตนอย่างไม่พอใจจนหลับสนิทไปแล้ว แต่น้ำค้างก็ยังหวาดกลัวซะจนทำเอาไม่กล้าที่จะวิ่งหนีออกไปจากห้องนี้อีกต่อไปเลย
อย่างน้อยไอ้ร่างยักษ์ตรงหน้าก็ดูว่าคงไม่ได้อยากจะฆ่าแกงกันเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นมันคงจะบีบคอให้เขาตายด้วยน้ำมือข้างเดียวของมันไปนานแล้ว
น้ำค้างมองไปทางชายคนที่เคยเอาเขาไปยังเผ่ากินคน ชายผู้นั้นกำลังหอบของออกไปจากห้องที่เขาอยู่จนต้องแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมาเพราะยังไงก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องอยู่ดี