ม่านหมอก
“หมอกมีอะไรกับน้องเขาหรือเปล่า” เดียร์ถามผมขึ้นหลังจากเธอมาหาผมที่คอนโดตอนเย็น
“ทำไมถามเรางั้นอ่ะ” ผมถามเดียร์กลับไป
“ก็ งานแค่นี้หมอกทำเองได้สบายๆ อีกอย่าง ต่อให้หมอกไม่ว่างจริงก็จ้างคนอื่นทำได้เยอะแยะ ไม่เห็นต้องเจาะจงน้องคนนั้นแบบนี้” เดียร์ถามอย่างสงสัย แต่ก็ไม่แปลก เพราะเดียร์ก็ถือเป็นเพื่อนสนิทผมคนหนึ่งเหมือนกัน เรารู้จักกันมานาน เธอก็รู้ว่าสิ่งที่ผมทำตอนนี้มันดูแปลกไปจากปกติ
“ไม่รู้สิ เราสนใจน้องคนนั้นมั้ง” แล้วผมก็ตอบกลับออกไป แล้วน้องคนที่ผมกับเดียร์พูดถึงก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นผู้หญิงคนนั้น เพลงเพียง คนที่เธอเคยเดินชนผมที่ห้องน้ำคณะผมวันนั้นไง
วันนี้ผมได้ข้ออ้างเพื่อไปคณะบริหารและขอความช่วยเหลือจากเดียร์ โดยการเอางานบางอย่างไปให้เพลงเพียงแปลให้ผมโดยขอร้องให้เดียร์เป็นคนจัดการให้เพื่อบังหน้าก็เท่านั้น
“สนใจ? หมอกนี่หรอจะสนใจน้องคนนั้นจริง” แล้วเดียร์ก็ถามขึ้นอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ผมพูดออกไป
“แปลกตรงไหนอ่ะ น้องก็น่ารักดี” เพราะถ้าเอาตรงๆเพลงเพียงเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่น่ารักและสวยมาก เรียกได้ว่าสะดุดตาผู้ชายหลายๆคนเลยก็ว่าได้ ถ้าจะมีใครชอบหรือสนใจเธอก็ไม่ใช่แปลก เพียงแต่ความสนใจของผมมันไม่ได้เหมือนกับผู้ชายทั่วๆไปแน่นอน แต่ตอนนี้พูดอะไรมากไปก็เท่านั้น
“ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่แปลก แต่เพราะเป็นหมอก ก็เลยแปลก” เดียร์ตอบกลับโดยไม่ปิดบังความคิดของตัวเอง
“ยังไง” ผมถามกลับ ทำไมการที่ผมจะสนใจผู้หญิงสักคนมันต้องแปลกด้วย
“เพราะที่ผ่านมามีผู้หญิงสวยๆ กว่าเพลงเพียงตั้งมากมายเข้าหาหมอก หมอกยังไม่สนใจพวกเธอเลย นอกจากแค่เรื่องอย่างว่า” เดียร์พูดขึ้นอย่างที่รู้เห็นมาตลอด และใช่ว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยสนใจคบผู้หญิงที่ไหนจริงจัง นอกจากพาขึ้นเตียงแล้วก็แยกย้าย เพียงแต่ตอนนี้...
“เราก็มีความรู้สึก ถ้าวันหนึ่งเราจะหวั่นไหวกับอะไรบ้างก็คงไม่แปลก” ผมตอบกลับไปอย่างที่คิด เพราะยังไงใจผมก็มีเลือดมีเนื้อ มันคงไม่รู้สึกอะไรเลยตลอดไปไม่ได้หรอก ถึงแม้จะไม่ใช่กับผู้หญิงอย่างเพลงเพียงก็ตาม
แล้วเดียร์ก็เงียบไปไม่ได้พูดอะไรอีก ผมก็ไม่ได้พูดเหมือนกัน เพราะรู้ว่าเธอก็คงยังสงสัยสิ่งที่ผมเป็นอยู่
เพลงเพียง
“หือ คณะวิศวะเขามีงานแบบนี้ด้วยหรอ” ฉันถึงได้พูดขึ้นกับตัวเองหลังจากได้เริ่มนั่งแปลบทความบทหนึ่งของเพื่อนพี่เดียร์ แล้วที่ฉันต้องพูดขึ้นด้วยความสงสัยก็ไม่ใช่อะไรหรอก แต่บทความที่ฉันแปลอยู่อตอนนี้มันคล้ายๆนวนิยายมากกว่า ฉันก็เลยสงสัย ว่ามีวิชาอะไรของคณะวิศวะที่เขาสอนวิชาพวกนี้บ้าง
แต่ก็นะ บางทีมันก็เป็นเพียงงานเสริมหรือพวกกรณีศึกษาที่อาจารย์หาให้ทำโดยที่เนื้อหาอาจจะไม่เกี่ยวกับการเรียน แต่การทำงานต่างหากที่เกี่ยวกับการเรียน เพราะฉันก็เคยมีงานที่ไม่ได้เกี่ยวกับที่เรียนบ่อยๆเลย
ว่าแต่ว่า เรื่องนี้ดูน่าสนใจมากเลยนะ มันเป็นนวนิยายเกี่ยวกับการแก้แค้นคนรักอะไรทำนองนั้น ประมาณว่าผู้หญิงเคยไปทำอะไรให้ผู้ชายเจ็บปวด แล้ววันหนึ่งผู้ชายก็กลับมาแก้แค้นทำนองนี้ แต่ถึงมันน่าสนใจยังไง มันก็ดูน่าสงสารมากกว่า เพียงแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะสงสารใครดี เพราะผู้ชายก็คงรักผู้หญิงมาก จนเสียใจมาก
แต่ยังไงการแก้แค้นก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นสักหน่อย ถ้าเป็นฉันเจ็บปวดแบบนี้ ฉันเลือกจะเดินออกมาเงียบๆดีกว่า แล้วก็ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น เก็บเรื่องดีๆเป็นความทรงจำ แล้วก็เก็บความเจ็บปวดไว้เป็นบทเรียนของชีวิต
“อินหรือไง ทำงานๆ” ฉันบ่นตัวเองออกมาหลังจากเอาแต่อ่าน แต่ไม่ได้จัดการแปลสักที ก็มันสนุกนี่หน่า เลยลืมหน้าที่ของตัวเองไป แต่การได้ทำงานแบบนี้ครั้งนี้ มันทำให้ฉันคิดว่าฉันต้องไปหานิยายแนวนี้มาอ่านบ้างแล้วล่ะ จะได้เพิ่มสีสันให้กับชิวิตบ้าง ไม่ใช่อ่านแค่รักโรแมนติกอยู่อย่างเดียวจนน้ำตาลขึ้นตาหมดแล้ว