“เพลงเพียง” ฉันหันไปตามเสียงก่อนจะเห็นรุ่นพี่คณะตัวเองเรียกฉันขึ้น
“คะ” ฉันหันไปขานรับด้วยความแปลกใจ เพราะฉันไม่คิดว่าพี่เขาจะรู้จักฉันไง เพราะพี่เขาเรียนตั้งปีสาม ส่วนฉันอยู่ปีหนึ่ง ไม่ค่อยได้มีกิจกรรมร่วมกันเหมือนกับพี่ปีสอง
“พี่ชื่อเดียร์นะ เป็นรุ่นพี่น้อง” พี่เดียร์แนะนำตัวเองออกมา ซึ่งฉันก็รู้จักเขา เพราะพี่เขาสวยมากๆ เห็นว่าเคยเป็นดาวคณะฉันด้วยแหละ
“ค่ะ หนูรู้จักพี่” ฉันตอบกลับตามที่ตัวเองรับรู้มา ซึ่งพี่เดียร์ก็ยิ้มให้ฉันนิดหน่อยก่อนจะพูดขึ้น
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” แล้วพี่เดียร์ก็พูดขึ้น นั่นทำให้ฉันแปลกใจมากกว่าเดิม
“ได้ค่ะ” แต่ก็ตอบกลับไปโดยไม่ได้ถามอะไร เพราะเดี๋ยวคุยไปก็รู้เองแหละว่าพี่เขาอยากคุยเรื่องอะไร
“พี่รู้มาว่าน้องจบนานาชาติเอสมาใช่ไหม” แล้วพี่เดียร์ก็ถามขึ้น ซึ่งก็ใช่ตอนมัธยมฉันเรียนนานาชาติมา
“ค่ะ แล้วพี่เดียร์รู้ได้ยังไงคะ” ฉันไม่คิดว่าพี่เขาจะไปดูประวัติการศึกษาฉันหรอกนะ เอ๊ะหรือว่าไปดู ก็ฉันได้ทำประวัติให้พี่รหัสฉันแล้วนี่หน่า ไม่แปลกถ้าพี่ปีสามจะขอดูจากน้องรหัสตัวเอง
“พี่ขอดูจากปีสองมานะ อีกอย่าง พี่เป็นป้ารหัสเราด้วย”
“อ๋อ” เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆด้วย แต่เรื่องป้ารหัสฉันยังไม่รู้เลย เพราะว่ายังไม่ได้เจอสายรหัสสักครั้ง เจอพี่รหัสก็แค่ครั้งเดียว พี่แกยังไม่แนะนำคนอื่นๆให้รู้จักเลย
“คืองี้นะ เพื่อนสนิทพี่คณะวิศวะมันได้บทความภาษาอังกฤษมาต้องทำส่งอาจารย์ แต่เพื่อนพี่มันไม่ค่อยมีเวลาก็เลยให้พี่ช่วยหาคนแปลให้ น้องสะดวกไหม แต่พี่ไม่ได้ให้ช่วยฟรีๆนะ พี่มีค่าตอบแทนให้” แล้วอยู่ๆพี่เดียร์ก็พูดความประสงค์ตัวเองออกมา
“เอ่อ จะดีหรอคะ” ถึงแม้ว่าภาษาของฉันจะอยู่ในเกณฑ์ดีมาก แต่การทำงานให้คนอื่นฉันก็ไม่เคยไง มันก็เลยตื่นเต้น
“พี่ก็อยากทำเองนะ แต่พี่ก็ไม่ค่อยว่างเหมือนกัน ตอนแรกก็ไปถามลูกพีชเผื่อมันรับจ๊อบเพิ่ม แต่ลูกพีชก็ไม่ว่างเพราะต้องทำงานพาร์ทไทม์กลัวทำไม่ทันส่งอาจารย์อีกสองอาทิตย์ข้างหน้า พี่เลยคิดได้ว่าหลานรหัสพี่จบนานาชาติมาก็เลยมาถามดู” แล้วพี่เดียร์ก็พูดขึ้นด้วยความหนักใจ
“อ๋อ ถ้างั้นก็ได้ค่ะ เพลงช่วยก็ได้” แล้วฉันก็ตอบกลับไป เพราะฉันเองก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน เลิกเรียนกลับห้องไปก็นั่งๆนอนๆเบื่อจะตาย ถึงจะมีการบ้านเป็นของตัวเองแต่มันก็ไม่ได้เยอะมากขนาดนั้น
“จริงหรอ” พี่เดียร์ถามออกมาอย่างมีความหวังขึ้น
“ค่ะ” ฉันตอบกลับไปอย่างที่คิด ก็รับปากจะช่วยแล้วฉันก็คงไม่เปลี่ยนใจ
“พี่ขอบใจน้องมากเลยนะ แล้วนี่ก็งานของเพื่อนพี่จ้ะ ส่วนนี่ก็เบอร์ติดต่อเจ้าของงานนะ” พี่เดียร์พูดพร้อมกับหยิบชีทงานออกจากกระเป๋า พร้อมกับเบอร์โทรของเพื่อนสนิทตัวเองให้กับฉัน
“ว่าแต่ เพื่อนพี่จะเอางานวันไหนคะ” เห็นบอกว่าต้องส่งอีกสองอาทิตย์หน้านี้ แต่ฉันก็ต้องการวันที่แน่นอน
“อืม ไม่เกินวันพุธที่สิบห้าพอได้ไหม” พี่เดียร์คิดแล้วถามขึ้น
“น่าจะได้นะคะ” ก็เหลืออีกเกือบสองอาทิตย์เต็ม
“จ้ะ ยังไงพี่ก็ขอบคุณมากนะที่ช่วยเป็นธุระให้พี่ อีกอย่าง พี่ขอเบอร์เพลงหน่อยได้ไหม เผื่อเพื่อนพี่จะต้องใช้ติดต่ออะไรด้วยตัวเอง” พี่เดียร์พูดขึ้นอีกครั้ง
“ได้ค่ะ” ฉันรับคำก่อนจะกดเบอร์ตัวเองให้พี่เดียร์ไป
“ขอบใจนะ งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ” พี่เดียร์พูดก่อนจะลุกขึ้น
“ค่ะ” แล้วพี่เดียร์ก็เดินออกไป
“ทำไมแกไปรับงานง่ายๆแบบนี้ล่ะ” แล้วจูนก็พูดขึ้นหลังจากพี่เดียร์เดินออกไป
“ไม่เห็นเป็นไรเลย งานแค่นี้เอง อีกอย่างยังไงพี่เขาก็เป็นป้ารหัสฉัน” ฉันตอบกลับจูนออกไปอย่างไม่คิดมาก
“ถึงงั้นก็เถอะ ถ้าต้องการหาคนแปลงานจริงๆไปจ้างเอาข้างนอกก็ได้ไม่เห็นยาก ทำไมต้องเจาะจงแกแบบนี้ด้วย” จูนพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“แกคิดมาก พี่เดียร์ก็บอกอยู่ว่าตอนแรกอยากให้พี่ลูกพีชทำเผื่อได้ค่าขนม แต่พี่ลูกพีชไม่ว่างก็เลยลองมาถามฉัน” ฉันตอบกลับจูนไปอย่างที่พี่เดียร์บอก อีกอย่างพี่เขาดูหวังดีกับน้องมากด้วย พอมีงานก็นึกถึงน้องรหัสตัวเอง
“แกรวยจะตาย ไม่เห็นต้องรับงานพวกนี้ อีกอย่างพี่เขารู้ว่าแกจบโรงเรียนไหนมาก็น่าจะรู้ไหมว่าฐานะแกต้องเป็นแบบไหน ไม่เห็นต้องคิดเผื่อเลยว่าแกอยากได้ค่าขนม” จูนก็ยังคงสงสัยไม่เลิก
“เพื่อนฉันเป็นนักสืบตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...” ฉันว่าออกไปอย่างไม่จริงจังก่อนจะพูดต่อ
“แต่ก็ดีเหมือนกันนะ แบบนี้ฉันได้หาเงินใช้เองได้ด้วย” ต่อให้ทางบ้านจะมีฐานะที่ดีมีเงินใช้มากแล้ว แต่การได้ลองหาเงินเองก็ดีไม่ใช่หรอ ได้รู้จักความลำบาก และได้เอาความรู้ที่ตัวเองมีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วย
“จ้าแม่คนดี มองโลกในแง่ดีตลอด” แล้วจูนก็ว่าขึ้นอย่างไม่จริงจัง ฉันได้แต่ส่งยิ้มให้เพื่อนตัวเองโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ฉันก็รู้แหละว่าจูนเป็นห่วงฉัน เพียงแต่เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงสักนิด