บทที่3. หงุดหงิด

1458 คำ
“เจ้าก็พูดไปได้นะ” คาร์ดัลหัวเราะ “นี่อารยาเป็นนักกายภาพบำบัดและเชี่ยวชาญการนวดแผนโบราณ อารยานี่คุณหมอประจำพระองค์ฯ ชื่อ ยามาท เป็นหลานชายฉันด้วย” “สวัสดีค่ะ” อารยายกมือไหว้แบบไทยๆ เล่นเอาหมอหนุ่มยื่นมือไปเก้อ เขาหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นแฟ้มประวัติคนไข้ให้อารยาศึกษา “ต่อไปนี้เจ้าก็พักที่นี่นะอารยา” คาร์ดัลเอ่ยเบาๆ เหมือนฝากฝัง “ทำเต็มความสามารถ อย่าคิดเรื่องอื่นเลยนะ” “ค่ะ” อารยารับคำอย่างเข้าใจหน้าที่ตัวเอง แต่พอเห็นคาร์ดัลพูดคุยกับหมอยามาทด้วยภาษาบาฮาเนีย เธอก็ได้แต่ยืนงงอยู่ตรงนั้น ‘นี่ฉันต้องมาอยู่ในวังนี่สองปีตามสัญญาจริงหรือ นี่...ถ้าพูดจาไม่เข้าหูจะเป็นไงนะ’ “วันนี้คุณอารยาพักผ่อนก่อนเถอะครับ พรุ่งนี้เราเคยเริ่มงานกัน” หมอยามาทยิ้มอย่างเป็นกันเอง “เดี๋ยวนางกำนัลจะพาไปห้องพักนะครับ ผมขอตัวก่อน” “ค่ะ ขอบคุณมาก” อารยาไม่กล้าเอ่ยปากถามเรื่องอื่นได้แต่เดินถือแฟ้มประวัติคนไข้ตามหลังนางกำนัลที่สวมชุดประจำชาติ ไปยังห้องพักที่ถูกเตรียมไว้ซึ่งไม่ไกลนัก ‘ใกล้กับการดูแลคนป่วย’ หญิงสาวคิดในใจ กระเป๋าเดินทางสองใบของเธอมารออยู่ที่ห้องนานแล้ว หญิงนางกำนัลเข้าไปแตะกระเป๋าเดินทางของตนเหมือนกับว่าจะช่วยจัดเสื้อผ้าข้าวของ อารยารีบกระโดดเข้าไปขวางและโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไรคะ ฉันทำเอง” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ เธอพยายามสื่อสารด้วยภาษามือกว่านางจะยอมออกไปก็เล่นเอาเธอเหนื่อยเลยทีเดียว “เกิดมาเคยแต่รับใช้คนอื่น ไม่เคยมีใครมารับใช้นี่นะ” อารยาเผลอยิ้มคนเดียว เธอมองไปนอกหน้าต่างเห็นสวนดอกไม้ที่ถูกจัดตบแต่งอย่างสวยงามแล้วก็อยากออกไปเดินเล่น เธอรีบจัดเสื้อผ้าข้าวของเข้าที่นั่งอ่านแฟ้มประวัติพระอาการประชวรยของกษัตริย์แห่งบาฮาเนีย แต่อ่านได้เพียงครึ่งเล่มเสียงท้องเธอก็ร้องโครกครากออกมา “แล้วจะไปหากินที่ไหนละนี่” หญิงสาวบ่นแต่ยังฝืนทนต่อไปเผื่อว่าจะมีใครมาเรียกเธอไปกินมื้อเที่ยง แต่เวลาก็ผ่านไปถึงบ่ายโมงครึ่งก็ยังไม่เห็นวี่แววเธอจึงตัดสินใจเดินออกมาจากห้องพักของตนเอง ตั้งใจจะเดินไปหาหมอยามาท แต่ปรากฏว่าเส้นทางที่คิดว่าไม่ไกลจากห้องบรรทมของกษัตริย์บางฮาเนียนัก กลายเป็นว่าเธอเดินหลงทางในวังกว่าครึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่เจอทหารยามหรือนางกำนันสักคน! “โอ๊ย!หิวจะตายอยู่แล้ว แล้วนี่ฉันอยู่ส่วนไหนของวังเนี่ย” อารยาแทบจะถอดใจตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มงาน แล้วหางตาเธอก็มองเห็นชายหนุ่มเดินผ่านหน้าเธอไป เธอยกมือขยี้ตาให้แน่ใจว่าไม่ได้หิวจนตาลาย แต่ชายเสื้อที่เห็นแวบๆ นั่นทำให้ร่างเพรียวบางของอารยาแทบจะวิ่งตามไปทันที “คุณคะ คุณ” หญิงสาวคว้าชายผ้าโผกศีรษะของเขาไว้ก่อน เธอไม่ได้ตั้งใจจะดึงผ้าของเขาหรอก แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้เธอคงเดินตามคนตัวสูงคนนี้ไม่ทันแน่ สายตาคมกริบตวัดมองอย่างหัวเสีย ไม่เคยมีใครกล้าเสียมารยาทกับเขาขนาดนี้ แต่เมื่อหันไปก็ต้องแปลกใจกับหญิงสาวตรงหน้า ผิวขาวเนียนกับดวงตาหวานซึ้งใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มเครื่องสำอางฉูดฉาดน่ามองอย่างประหลาด แม้จะมองเพียงแวบเดียวเขาก็รู้ในทันทีว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่สาวบาฮาเนียอย่างแน่นอน เพียงวินาทีที่ประสานสายตากับดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มแปลกหน้า อารยาก็รู้สึกราวถูกมนต์สะกดให้ร่างกายแทบกลายเป็นหิน ชายผู้นี้ร่างสูงใหญ่จนทำให้เธอที่สูงหนึ่งร้อยหกสิบเก้าเซนติเมตรเตี้ยไปทันที ใบหน้าคมเข้มกับผิวสีแทนชวนหลงใหล แม้ริมฝีปากเขาจะเม้มจนเรียบเป็นเส้นตรงก็ยังน่ามอง “คือ...เอ่อ...ฉันหลงทางค่ะ...แล้วก็...” ยังไม่ทันพูดจบเสียงท้องร้องโครกครากก็ทำให้อารยาขายหน้าเสียก่อน หญิงสาวยกมือกุมท้องตัวเองไม่กล้าเงยหน้าสบตาผู้ชายตัวสูงใหญ่คนนี้ “หลงทาง” ราเฟย์ออกจะแปลกใจที่ได้ยินคำนี้ แต่ก็กลั้นหัวเราะกับเสียงท้องร้องเสียงดังขนาดนั้นไม่ได้ แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ใครจะมา ‘หลงทาง’ ได้ “เธอเป็นใคร” “ดิฉันชื่ออารยาเป็นพยาบาลพิเศษของ...เอ่อ...พยาบาลใหม่ที่มาทำงานกับคุณหมอยามาท” ผู้ชายคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้แล้วเธอจะพูดได้ไงว่าเธอเป็นพยาบาลพิเศษให้กษัตริย์ของบาฮาเนีย “อ้อ! หมอยามาท” ราเฟย์ยักหน้ารับรู้ คงเป็นพยาบาลใหม่เลยหลงทาง “นี่มันด้านหลัง พระราชวังอยู่ตรงข้ามกับห้องทำงานหมอยามาทเลยนะ” น้ำเสียงดุดันและใบหน้าเคร่งขรึมทำให้อารยาสะดุ้งเล็กน้อย เอาเถอะ...ถึงยังไงเขาก็รู้จักหมอยามาทและรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ส่วนไหนของวังก็พอแล้ว “ฉันจะไปหาหมอยามาทแต่คงเดินเลี้ยวผิดทางก็เลยมาโผล่ที่นี่” อารยาพยามยามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอก็ขุ่นใจกับน้ำเสียงและท่าทางของเขาเหมือนกัน “ใช่! เดินมาผิดทางและเลยมาไกลมากทีเดียว” เขาเผลอยิ้มที่มุมปาก นึกชอบท่าทางหยิ่งๆ เชิดๆ ของพยาบาลใหม่คนนี้ “แต่จากนี่เดินไปอีกห้านาทีจะถึงโรงครัว เราว่าเดินไปหาอะไรกินให้ท้องเธอสงบก่อนแล้วค่อยไปหาหมอยามาทเถอะนะ” อารยาอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าคนที่ดูหัวสูงและเย่อหยิ่งอย่างเขาจะเข้าใจหาวิธีแขวะเธอได้ “ถ้ามีคนบอกทางก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ” “ก็ดี...เราก็ว่าจะไปหาอะไรกินเหมือนกัน” เขาไม่ได้โกหกเพราะตลอดการประชุมที่ผ่านมาเขาเครียดมาก แม้เสร็จการประชุมจะมีการเลี้ยงอาหารแต่เขาก็ทานได้นิดเดียว เมื่อส่งตัวแทนที่มาประชุมกลับกันหมด เขาก็ตั้งใจจะเดินมาที่โรงครัวเพื่อหาอะไรกินจริงๆ แม้เขาจะเป็นองค์รัชทายาทแต่เขาก็ชอบทำตัวง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องตั้งโต๊ะอาหารให้มันวุ่นวาย เขาหมุนตัวและเดินนำหน้าแต่เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ก้าวตามมาเขาก็เหลียวมอง “ตามมาสิ” “ไม่เป็นไรค่ะ แค่บอกทางดิฉันก็พอแล้ว” ไม่ใช่เพราะความเกรงใจหรอกที่ทำให้อารยาพูดแบบนี้ออกมา แต่เพราะเธอกำลังหงุดหงิดที่ถูกสั่ง เหมือนเธอเป็นเด็กที่คิดอะไรเองไม่เป็น ถึงจะหน้าตาดีแค่ไหนก็ไม่ควรมาพูดจาและน้ำเสียงดูหมิ่นเธอนัก ราเฟย์ใช้ดวงตาสีเข้มสำรวจหญิงสาวตรงหน้าก่อนกระตุกยิ้มที่มุมปาก “คงนั่งกินในครัวไม่ได้ซินะ โอเค! เราจะให้คนเตรียมอาหารไปให้ที่ห้องพักก็แล้วกัน” “ไม่ใช่ค่ะ! คุณกำลังเข้าใจผิด ฉันแค่...เกรงใจคุณ เผื่อว่าคุณมีอะไรอย่างอื่นต้องไปทำ” โอเค...เธอยอมรับว่าเขาหล่อเหลาจนใจหวั่นไหว แต่นิสัยร้ายกาจปากร้ายแบบนี้ต้องถูกเลี้ยงมาแบบตามใจตั้งแต่เด็ก “เกรงใจ ก็เราบอกแล้วว่าจะไปที่ห้องครัว หรือว่ากลัวที่จะใกล้ชิดเรา” เขาพึมพำออกมาเบาๆ หรี่ตามองสาวเอเชียร่างบอบบางเหมือนตุ๊กตา ถ้าปลดมวยผมนั่นออกคงเพิ่มความงามให้กับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย เสื้อผ้าที่สวมเป็นแบบเรียบๆ เหมือนคุณครูมากกว่าจะเป็นพยาบาล แต่ก็น่าเสียดายรูปร่างได้สัดส่วนที่สวมเสื้อผ้าไม่เข้ากันนัก ถ้าได้ใส่เสื้อเข้ารูปเน้นสัดส่วนมากกว่านี้.... “กลัวที่จะใกล้ชิดคุณ หลงตัวเองไปหน่อยมั้งคะโอเค!ฉันไปกินข้าวพร้อมคุณก็ได้ โรงครัวไปทางไหนคะ” อารยาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ปกติเธอไม่ใช่คนพูดมากอย่างนี้ไม่ว่าจะเจอคนไข้เซ้าซี้กวนใจแค่ไหนเธอรับมือได้หมด แต่นี่! เธอปั่นป่วนไปหมด เขาเป็นใครกันนะ...ผู้ชายนัยตาทรงเสน่ห์ที่ชอบวางอำนาจคนนี้ เป็นใคร?.
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม