บทที่5. เธอชื่ออะไรนะ

1370 คำ
“อารยาเพคะ” “ฉันจัสมิน ยินดีที่ได้รู้จัก ปีนี้เธออายุเท่าไหร่ฉันยี่สิบสองแล้ว” “หม่อมฉันอายุมากกว่าพระองค์สองปีเพคะ” “ไม่ได้ๆ ไม่เอาๆ” จัสมินทำท่ากระฟัดกระเฟียดเหมือนเด็กถูกขัดใจ “พูดกับฉันธรรมดาๆ ซิ ฉันรู้สึกถูกชะตากับเธอ เราเป็นเพื่อนกันนะ” “พะ...พะ...เพื่อน” ‘โอโฮ จะได้มีเพื่อนเป็นองค์หญิงเหรอเนี่ย’ “ใช่ซิ เพื่อนไง ฉันเพิ่งกลับมาจากอังกฤษได้สองเดือน นอกจากพี่ราเฟย์แล้วฉันไม่ค่อยสนิทกับใครเลย ฉันถูกส่งไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก” จัสมินคล้องแขนอารยาแล้วเดินเรื่อยๆ ตามทางที่จะไปสู่ห้องโถงใหญ่ “เธอนี่เหมาะกับชุดพยาบาลจัง เอาไว้วันไหนเธอว่างเรามาคุยกันนะ เธอพักที่ห้องพักของพยาบาลใช่มั๊ย” “ค่ะ” เธอยิ้มบางๆ จะบอกยังไงดี อยู่ที่วังนี้มาเป็นสัปดาห์เธอก็ยังไม่รู้ว่าตรงไหนเรียกว่าอะไร ก็เธอมาทำงานน่ะ ใครจะมาแนะนำพาเที่ยวเล่า แต่ถึงอย่างนั้นงานที่เธอก็ไม่ได้น่าเบื่อเพราะการได้ดูแลพระอาการเจ็บของกษัตริย์ฮัสซัน ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นลูกที่ต้องดูแลพ่อ อาจเพราะเธอคิดถึงพ่อที่ตายจากไปก็เป็นได้ “คราวหน้าเราคุยกันนะ วันนี้ฉันมีนัดกับอาจารย์ที่มหา’ลัยจ๊ะ” จัสมินโบกมือลาและเดินหายไป ทิ้งให้อารยายืนเคว้งอยู่คนเดียว เธอหันซ้ายแลขวาแล้วก็ยืนงงอยู่อย่างนั้น พยายามนึกให้ออกว่าเมื่อครู่องค์หญิงจัสมินพาเธอเดินจากทางไหนมาโผล่ทางไหน ถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ “ต่อให้รวยล้นฟ้ายังไง ฉันจะไม่สร้างบ้านหลังใหญ่ไว้เดินหลงทางแบบนี้แน่” อารยาพึมพำคิดว่าจะเดินเลี้ยวซ้ายหรือขวาดี อารยาเดินเลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆ เผื่อว่าจะได้เจอใครเดินผ่านมาให้ถามทางบ้าง แต่เมื่อเดินผ่านห้องๆ หนึ่งที่เปิดประตูแง้มไว้ก็อดมองเข้าไปไม่ได้ แต่ดวงตาสีนิลของเธอก็ต้องเบิกกว้างเมื่อมองเห็นหนังสือเรียงอยู่บนชั้นสูงจนเกือบถึงเพดาน ผนังทั้งหมดถูกห้อมล้อมไปด้วยหนังสือมากมาย ‘สวรรค์! สวรรค์ของหนอนหนังสือ’ อารยาแทบจะกรี๊ดออกมาอย่างตื่นเต้น เธอเดินเข้าไปดูหนังสือแต่เล่มอย่างสนใจ ‘ขอให้ได้อยู่ห้องนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนก็ยอม’ อารยาเป็นหนอนหนังสือตัวอ้วน สมัยเด็กเธอเป็นนักเรียนคอนแวนต์ฯ แต่เมื่อคุณพ่อคุณแม่จากไป ทำให้แม่บุญธรรมซึ่งก็เป็นคุณครูที่สอนเธอในสมัยเด็กและเป็นเพื่อนของคุณแม่ของเธอด้วยรับเธอมาอุปการะ (อย่างไม่เป็นทางการ) เธอเลยติดนิสัยชอบอ่านหนังสือมาจากทั้งแม่แท้ๆ และแม่บุญธรรม แค่ปลายนิ้วแตะสันหนังสือน้ำตาเธอก็รื้นขึ้นมาทันที นึกถึงวันวัยแห่งความสุขที่เธอนั่งบนตักของแม่ที่อ่านหนังสือให้ฟัง และพ่อที่เล่นเปียโนอยู่มุมห้อง สุขภาพของแม่อ่อนแอตั้งแต่เธอจำความได้ เธอตั้งใจจะเข้มแข็งและเป็นพยาบาลที่ดีเพื่อที่จะได้ดูแลท่าน แต่ปรากฏว่าท่านทั้งสองกลับมาด่วนจากไปโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณ โชคชะตาช่างแสนเล่นตลกทำงานอยู่โรงพยาบาลเอกชนได้ไม่ทันไร ก็ถูกแกล้งจนต้องไปทำงานที่อนามัยแทน แต่ที่นั่นก็ทำให้เธอมีความสุขมากกว่าโรงพยาบาลเอกชน หากแม่บุญธรรมไม่ล้มป่วยและต้องใช้ค่ารักษามหาศาล เธอคงไม่ตบปากรับคำมาทำงานไกลถึงประเทศที่อยู่กลางทะเลทรายอย่างนี้ แถมได้ทำงานเป็นพยาบาลพิเศษกษัตริย์ฮัสซัน นี่ถ้าไม่ได้มาทำงานที่นี่ เธอคงไม่เปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้ แถมมีเพื่อนเป็นถึงเจ้าหญิงอีกต่างหาก ‘ใครจะคิดหนอ! ผู้หญิงที่ใครต่อใครชอบเรียกว่าหมอนวดอย่างเธอจะมาไกลขนาดนี้’ ราเฟย์ชะงักเท้าทันทีที่หางตาเห็นเงาตะคุ่มๆ ในห้องหนังสือส่วนตัว เขาเคยสั่งนักสั่งหนาไม่ให้ใครเข้ามาวุ่นวายในห้องนี้ ร่างสูงสาวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวผู้บุกรุกมือใหญ่กระชากร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวอารยาเสียหลักเซถลาตามแรงกระชากเข้าไปปะทะกับแผงอกกว้าง กลิ่นหอมของโคโลญจน์ผู้ชายเคล้ากลิ่นเหงื่อเป็นสิ่งแปลกประหลาดที่เธอไม่เคยสัมผัส มือเล็กยันอกคนแปลกหน้าออกทันทีที่รู้สึกตัว แล้วดวงตาเธอก็ถูกสะกดด้วยดวงตาสีฟ้าเข้มเหมือนท้องฟ้าคู่นั้น แต่เธอก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจากแรงบีบที่กดหัวไหล่เธอแน่นราวกับเธอเป็นนักโทษคดีฆาตกรรม! “บังอาจ ใครให้เจ้าเข้ามาในห้องนี้!” “ขอโทษค่ะ ขอโทษ” น้ำตาเกือบจะไหลแต่ฝืนกลั้น มันคือน้ำตาที่คิดถึงอดีตที่หอมหวานผสมกับความเจ็บจากมือที่กดหัวไหล่นั่นช่างเหมือนคีมเหล็ก ทันทีที่รู้ว่าเป็นพยาบาลพิเศษคนโปรดของเสด็จพ่อ หลากหลายความรู้สึกก็ประดังประเดเข้ามายิ่งมองเห็นสร้อยคอสัญลักษณ์ของคนในราชวงศ์ ก็ยิ่งทำให้เขาขุ่นใจ เมื่อได้มองใกล้ขนาดนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าใบหน้ารูปไข่ไร้เครื่องสำอางกลับมีเสน่ห์น่ามอง แก้มแดงระเรื่อฝาดเลือดอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตากลมโตเป็นสีนิลคิ้วเรียวกับจมูกเชิดแบบคนหัวรั้น แต่ริมฝีปากสีกุหลาบที่สั่นระริกกลับชวนหลงใหล แบบนี้นี่เอง ที่มัดใจเสด็จพ่อของเขาได้ “ผู้หญิงโสโครก” ราเฟย์สบถหยาบคายอีกหลายคำแล้วผลักร่างบางจนเซถลาลงไปนั่งกับพื้นพรม อารยาเงยหน้ามองเขาอย่างงุนงง เธอเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นแปลไม่ผิดแน่ “อะไรนะคะ” เธอจ้องมองเขาไม่มีแววตาหวาดกลัวเขาแต่อย่างใด ราเฟย์ใช้สายตาสำรวจรูปร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนางพยาบาล แม้เสื้อผ้าจะรัดกุมแต่กลับไม่สามารถปิดความงามของเรือนร่างนั่นได้ “อย่าคิดว่าฉันจะตามเล่ห์ผู้หญิงเหลี่ยมจัดอย่างเธอไม่ทัน” เขาก้มคงใช่มือบีบคางเธอแรงๆ สายตาคมกริบของเขาแทบจะเฉือนเธอออกเป็นชิ้นๆ “เธอจะไม่มีวันได้อะไรมากกไปสร้อยเส้นนี้แน่ จำใส่ใจไว้ได้เลย” อารยาหน้าสะบัดไปตามแรงมือของเขา เมื่อร่างสูงลุกขึ้นเธอก็ทะลึ่งกายขึ้นยืน แม้จะรู้สึกเจ็บตามเนื้อตัวที่โดนกระแทกพื้นแต่เจ็บที่ใจมากกว่า “หม่อมฉันไม่ทราบว่าในสมองของพระองค์คิดอะไร แต่หม่อมฉันจะไม่มีวันทรยศต่อน้ำพระทัยของกษัตริย์ฮัสซันเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหม่อนฉันจะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถเพคะ” แผ่นหลังของหญิงสาวตั้งตรงใบหน้าเชิดอย่างทระนง อารยาอย่างอ่อนโน้มกว่านี้แต่ดวงแต่แข็งกร้าวและท้าทาย เธอย่อตัวก่อนที่จะเชิดหน้าและก้าวเท้าเดินออกจากห้องไปราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ! “องค์รัชทายาทพระเจ้าข้า” คานันเข้ามาถวายการเคารพ เขาเพิ่งเดินสวนทางกับหญิงสาวในชุดนางพยาบาลและออกจะแปลกใจที่เห็นเดินออกมาจากห้องหนังสือขององค์รัชทายาทแห่งบาฮาเนีย ผู้ไม่ยอมให้ใครเข้ามาในห้องนี้ก่อนได้รับอนุญาตแม้กระทั่งคนทำความสะอาดก็ตามที ราเฟย์ยืนนิ่งด้วยความตะลึงกับกิริยาของหญิงสาวชาวเอเชีย กว่าจะรู้สึกตัวร่างบอบบางก็เดินออกจากห้องหนังสือไปแล้ว เขาเปรยตามองตนสนิทก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ข่มโทสะที่เดือดพล่านในใจไม่เคยมีใครกล้าท้าทายเขาแบบนี้มาก่อน! “ท่าทางคนที่เราให้เจ้าไปสืบมานั้นจะเป็นมากกว่านางพยาบาลแล้วละมั้งคานัน”.
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม