บทที่ 15 บังเอิญหรือว่าจงใจ
ในป่าที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัด คู่โจชัวและดารินเดินเข้าไปลึกเรื่อย ๆ เป็นเวลานานกว่า 15 นาทีแล้ว ที่เดินวนอยู่ตรงนี้ ภายในป่า มีแสงแดดแทรกผ่านต้นไม้ลงมาเป็นริ้ว ๆ เหมือนจะบอกให้ระวังการก้าวย่างในทุกย่างก้าว แต่ทั้งคู่กลับไม่ได้สนใจทิวทัศน์โดยรอบเลยสักนิด
คนตัวเล็กเดินตามหลังคนตัวสูงอยู่ห่างๆ เพราะในใจรู้สึกไม่พอใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่หาย ส่วนชายตรงหน้าเองก็ไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่เดินนำหน้าอย่างเงียบเชียบเหมือนเธอเป็นแค่เงาตามหลัง เจ้าของใบหน้าสวยหรอกตามองบนกำหมัดแน่นแล้วชกลอย ๆ กลางอากาศราวกับจะระบายความหงุดหงิด แต่ทันทีที่โจชัวหันกลับมา เธอก็รีบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แสร้งทำเป็นสนใจดอกไม้ป่าแถวนั้นแทน
“เฮ้อ… จะเดินไปอีกนานแค่ไหนกันเนี่ย เห็นแต่ต้นไม้
กับยุง”
เสียงหวานเอกบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตบยุงที่มากัดต้นแขนจนเสียงดัง
เพี้ยะ!
ชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าหันขวับมามองเธอ พร้อมกับส่งสายตาคมกริบ เป็นเชิงบอกให้เธอเงียบลงหน่อย ดารินเงียบเสียงไปแต่ยังไม่วายทำหน้าบึ้ง ในใจคิดว่า “ถ้าไม่อยากให้ฉันพูด ทำไมไม่รีบหาสัตว์ป่าให้เจอสักทีเล่า!”
โจชัวยังคงไม่พูดอะไร เขายังคงมองรอบๆ ด้วยสายตานิ่งลึก สังเกตทุกการเคลื่อนไหวและเสียงที่เล็ดลอดมาจากป่ารอบ ๆ เขาจึงเดินต่อไปอย่างเงียบงัน
อีกด้าน
ในห้องรับรองขนาดใหญ่ของคฤหาสน์เพมเบอร์ตัน อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของชาดอกไม้และเสียงพูดคุยอย่างมีชีวิตชีวาของญาติๆ ที่นั่งรวมตัวกันอย่างอบอุ่น
คุณย่าของตระกูลเพมเบอร์ตันเองก็นั่งอยู่ในเก้าอี้ตัวใหญ่ พิงพนักอย่างสบายใจ สายตาท่านมองไปยังญาติหลายคนที่กำลังถกเถียงกันอย่างสนุกสนานเรื่องผู้ชนะในการล่าสัตว์ครั้งนี้
“ว่าอย่างไร ใครคิดว่าการล่าสัตว์ครั้งนี้ใครจะชนะ?”
คุณย่าถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กๆ ทำให้ญาติๆ เริ่มหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยเสียงดังราวกับการคาดเดาครั้งนี้มีความหมายสำคัญ
“โจชัวแน่นอนค่ะ เขาโตมากับป่าแถวนี้ รู้ทุกซอกทุกมุมของที่นี่ คุ้นเคยกับพื้นที่มาตั้งแต่เด็กแล้ว”
ญาติคนหนึ่งยืนยันหนักแน่น
“แต่ฉันว่าต้องเป็นโจฮัน”
อีกคนเถียงพร้อมแสดงความมั่นใจ
“เขาชอบธรรมชาติอยู่แล้ว ชอบดูสารคดี การไปอยู่ต่างประเทศแล้วเพิ่งกลับมาไม่น่าจะเป็นปัญหาสักนิด”
“แต่ถ้าให้ฉันเลือกนะ ฉันว่าหมอภูชนะ”
ญาติอีกคนยิ้มพร้อมขยิบตา
“ถึงจะเป็นหมอ แต่หมอช่างสังเกตมาก สายตาไว แถมยังรู้จุดสำคัญบนร่างกายของสัตว์ อาจยิงเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำ”
คุณย่าฟังด้วยความเพลิดเพลิน รอยยิ้มละไมผุดขึ้นบนใบหน้า ท่านยกถ้วยชาขึ้นจิบ ก่อนจะวางลงแล้วพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้น เรามาเดิมพันกันดีกว่า ฝั่งไหนแพ้ ต้องเป็นคนจัดเตรียมเครื่องดื่มและคิดเมนูอาหารในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้นะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็หัวเราะเสียงดังพร้อมใจรับคำท้า
แข่งกันพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง เสียงหัวเราะสนุกสนานดังก้องไปทั่วห้อง กลายเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรื่นเริง ขณะที่ทุกคนตั้งตารอผลของการล่าสัตว์อย่างมีความหวัง
30 นาทีผ่านไป
เจ้าของใบหน้าสวยเดินตามหลังคนตัวสูงอย่างเงียบ ๆ ฝีเท้าของเธอเริ่มเดินช้าลงเพราะเดินป่ามานาน ร่างกายทั้งเมื่อยล้าและเหนื่อยหอบ อีกทั้งสัมภาระหนักอึ้งหลายกิโลที่เธอแบกไว้บนหลังทำให้คนตัวเล็กยิ่งรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมมากขึ้น ต่างจากโจชัวเขาถือแค่ปืนกระบอกเดียว สบายกายอย่างเห็นได้ชัด ในใจเธอได้แต่บ่นเบาๆ
“ช่างไม่แฟร์เอาซะเลย”
ในที่สุดดารินต้องหยุดเดิน ก้มลงทุบขาตัวเองเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า แต่ในจังหวะนั้นเอง คุณชายตระกูลดังที่เดินนำหน้าไปก็ชะลอฝีเท้า หันกลับมามองเธออย่างช้าๆ ก่อนจะยกปืนขึ้นจ่อมาทางดารินทันที
สายตาของเขาคมดุเต็มไปด้วยไอสังหาร คนที่ถูกปืนจ่อหน้าซีด
หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัวจนไม่กล้าขยับตัวหรือเปล่งเสียงอะไรออกมาแต่ด้วยความที่ไม่อยากให้ตัวเองกังวลมากเกินไป หญิงสาวรวบรวมความกล้า สูดลมหายใจลึก ถามด้วยเสียงสั่นๆ อย่างใจดี
สู้เสือ
“คุณจะทำอะไรคะ”
คำตอบที่ได้รับมีเพียงความเงียบ คนตรงหน้าไม่แม้แต่จะตอบคำถาม เขาใช้นิ้วลั่นไกปืนอย่างรวดเร็ว
ปัง!
เสียงปืนดังกระทบโสตประสาท ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ร่างกายสั่นสะท้าน เธอหลับตาปี๋ คิดว่าความตายคงมาเยือนตัวเองแล้ว เพราะสายตาของพระเอกเมื่อครู่เต็มไปด้วยอาฆาต
แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้นและลองคลำร่างกายตัวเอง กลับไม่รู้สึกถึงบาดแผลใดๆ
สติยังไม่ทันกลับมาครบ ใบหน้ามนหันไปมองทางด้านหลังอย่างงุนงง และพบว่ามีกระรอกตัวหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ เธอหันไปมองหน้าโจชัวกับกระรอกตัวนั้น ทว่าชายหนุ่มไม่ได้หันมาสนใจ
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเธอแม้แต่น้อย เขาเพียงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“หยิบกระรอกตัวนั้นมาด้วย”
แล้วหมุนตัวเดินออกไปทันที ไม่สนใจดารินอีก
ทางด้านดาริน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทรุดลงกับพื้น ความกลัวทำให้มือไม้สั่น เธอสูดหายใจลึกพยายามรวบรวมสติ แต่ความรู้สึกระทึกใจเมื่อครู่ยังคงติดอยู่ในหัว ไม่อาจสลัดความหวาดหวั่นออกจากใจได้ ดารินได้แต่คิดในใจเมื่อครู่โจชัวทำแบบนั้น มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าตั้งใจกันแน่
ดารินนั่งก้มหน้าอยู่เพียงครู่เดียว เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาเพียง
ชั่วพริบตา แผ่นหลังของโจชัวกลับหายไปแล้ว ดารินจึงรีบลุกขึ้นยืน พร้อมกับกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามรอยฝีเท้าของคนตัวสูงไป
จนกระทั่งมาถึงริมลำธารที่เงียบสงบ บรรยากาศชวนให้รู้สึกว่าที่นี่ลึกเกินไปสำหรับการลงไปสัมผัส
เจ้าของใบหน้าสวยยืนมองโจชัวอยู่ริมธารพร้อมปืนในมือ คุณชายตระกูลดังมองไปยังจุดหมายด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะลั่นไกอย่างแม่นยำ
ปัง!
เสียงปืนดังก้องทำให้นกที่บินผ่านตกลงไปในแม่น้ำทันที จากนั้นสายตาอันคมกริบหันมามองดารินที่เพิ่งตามมาถึง
“ลงไปเอาสิ ยืนนิ่งทำไม”
เสียงเข้มดุดันของเขาทำให้เธอสะดุ้ง รู้สึกตัวว่าหัวใจเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ
หญิงสาวอ้ำอึ้ง สับสน รู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อมองสายน้ำลึกและนิ่งนั้น ภาพความทรงจำในหัวของดารินไม่หลงเหลืออยู่เลยทำให้เธอไม่แน่ใจในตัวเองว่าเคยว่ายน้ำเป็นหรือไม่ ความทรงจำที่ลืมเลือนทำให้ขาเธอเหมือนติดอยู่กับที่
“ไปสิ!”
เสียงของเขาเข้มขึ้น น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงคำสั่งทำให้เธอสะดุ้ง
อีกครั้ง
ร่างเล็กพยักหน้าอย่างลังเล วางเป้ลงที่ข้างตัว และถอดรองเท้าทีละข้าง เท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวลงไปในน้ำที่ริมฝั่งซึ่งไม่ลึกมาก ก่อนจะก้มลงหยิบกิ่งไม้ยาวและหนาพอสมควรขึ้นมาถือไว้ เธอตัดสินใจใช้กิ่งไม้นั้นเขี่ยนกที่ลอยอยู่เบา ๆ หวังว่ามันจะไหลมาทางเธอ
ลมเย็น ๆ พัดผ่าน ขณะที่เธอยืนเขี่ยกิ่งไม้ไปมาอย่างระมัดระวัง พลันสายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เธออย่างไม่ละสายตา
ทันใดนั้นเองขณะที่มือเล็กกำลังจะคว้านกเป็ดน้ำตัวใหญ่ ขาที่แช่น้ำของดารินก็พลาดตกก้อนหินใหญ่ ทำให้ร่างเล็กจมไปจนท่วมหัว หญิงสาวพยายามใช้มือตีน้ำขึ้นอย่างตะเกียกตะกาย ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น จึงพยายามขอความช่วยเหลือแทน
“ชะ...ช่วยด้วย..”