บทที่ 14 วันล่าสัตว์ของตระกูลเพมเบอร์ตัน
2 วันต่อมา
ฟ้าสางครึ้ม ๆ มีหมอกจาง ๆ คลี่คลุมอยู่เหนือป่าทึบ กิ่งไม้สูงใหญ่และพุ่มไม้ที่เขียวขจีสะท้อนแสงอ่อนของดวงอาทิตย์ ราวกับว่าธรรมชาติกำลังต้อนรับผู้มาเยือนในวันล่าสัตว์ประจำปี
ดารินกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พื้นที่ล่าสัตว์ของตระกูลเพมเบอร์ตันมีพื้นที่ 100 กว่าไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลสืบทอดกันมา
หลายรุ่น
วันนี้หญิงสาวอยู่ในชุดทะมัดทะแมง เนื่องจากเมื่อคืนโจชัวให้คนเอาชุดเดินป่ามาให้ อีกทั้งยังกำชับให้เธอปลอมตัวเข้ามาด้วย เพื่อให้เหมาะกับการเดินป่า ดังนั้นก่อนที่เธอจะมารวมตัวกับคนอื่น ดารินใช้มือปาดเอาเขม่าสีดำแถว ๆ โรงเก็บไม้มาป้ายที่แก้ม ทำเหมือนหนวดแมว แบบนั้นถือว่าเป็นการพรางตัวแล้ว
ทว่าเมื่อมายืนรวมกับคนใช้ คนงาน คนสวนอีก 30 กว่าคนไม่มีใครปลอมตัวมาอย่างเธอเลยสักคน นั่นทำให้ดารินอายจนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ในใจก็แอบต่อว่าโจชัวอยู่เบา ๆ บ่อยครั้งที่เธอได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ซุบซิบนินทาจากทางด้านหน้าบ้าง ด้านหลังบ้าง พวกเขาคงจะนินทาเธออยู่แน่นอน
“มากันครบหรือยัง ญาติ ๆ ของเรา”
เสียงของคุณย่าแห่งจระกูลเพมเบอร์ตันเอ่ยถามหลาน ๆ เพราะกิจกรรมในครั้งนี้ลูกหลานของตระกูลจะเป็นคนล่าสัตว์ แข่งกัน
เก็บแต้ม
“ครบแล้วครับ ปีนี้มี 2 ทีม โจฮัน กับโจชัวครับ คุณย่า”
เสียงนุ่มของโจฮันตอบ
ดวงตาของหญิงชราวัย 60 กว่าปีที่นั่งรถเข็น ป่วยเป็นโรคแขนขาอ่อนแรง มองญาติพี่น้องที่ทยอยกันมาจนครบแล้ว บางคนแต่งกายด้วยชุดลายพรางเข้ากับบรรยากาศป่า บางคนคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่แม้จะดูเหมือนว่าเป็นการรวมตัวที่อบอุ่นก็มีบางสิ่งที่ขาดหายไปอย่างชัดเจน
การล่าสัตว์ในครั้งนี้ดูเงียบเหงาไปเล็กน้อย เมื่อคนหนึ่งในครอบครัวไม่สามารถมาร่วมได้ คือ โจลีน ผู้เป็นที่รักของทุกคน เป็นคนที่ชอบนำความร่าเริงและสีสันมาสู่กิจกรรมทุกครั้ง
ในปีนี้โจลีนไม่สามารถมาร่วมได้ เหล่าเครือญาติได้แต่คิดถึงภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอ ที่เคยเป็นตัวเชื่อมความอบอุ่นในทุกการรวมตัว
“ปีนี้ถ้ามีโจลีนอยู่ด้วยคงครึกครื้นน่าดู”
หนึ่งในญาติของตระกูล ถอนหายใจพูดออกมาด้วยความคิดถึง ทุกคนเห็นด้วยและพยักหน้ารับ หันไปมองทิวทัศน์รอบ ๆ ที่เงียบสงบอย่างผิดหูผิดตา
พวกเขาตระหนักได้ว่า แม้พื้นที่กว้างใหญ่ของป่าจะทำให้สัมผัสกับธรรมชาติและอิสระ แต่การขาดหายไปของคนหนึ่งคนก็ทำให้ความสนุกที่เคยรู้สึกกลับไม่เต็มเปี่ยมเหมือนเคย
คุณย่าที่ใส่เสื้อคลุมหนานุ่มคล้ายเสื้อคลุมป่าล่าสัตว์ เผยรอยยิ้มอบอุ่นและแววตาใจดีมองดูทุกคนที่กำลังเศร้าโศกจากการหายไปของโจลีนอย่างปลอบโยน จากนั้นพูดขึ้นมาว่า
“ทุกคนไม่ต้องเศร้าไปหรอกนะ”
คุณย่าเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนแต่มีความหนักแน่น
“วันนี้เราทำกิจกรรมเหมือนเดิม อย่าให้การขาดหายไปของใครคนหนึ่งทำให้ความสนุกหายไป วันนี้เป็นวันพิเศษของเรา เพราะฉะนั้นมามีความสุขกันดีกว่า”
ผู้ฟังเริ่มปรับตัวตามคำของคุณย่า แววตาของทุกคนเริ่มสดใสขึ้นเล็กน้อย จากนั้นหญิงชราวัย 60 กว่าปีเริ่มประกาศกฎเกณฑ์ของกิจกรรมในปีนี้
“ปีนี้เราจะแข่งขันกันทั้งหมด 3 ทีมเหมือนเดิม”
เสียงอันเนิบนาบอธิบาย
“ทีมแรกจะเป็นทีมของโจชัว เป็นหลานชายคนโตที่มีประสบการณ์ในป่านี้มาตั้งแต่เด็ก”
“ทีมที่สองโจฮัน น้องรองที่เก่งเรื่องการติดตามและหลงใหลธรรมชาติแต่ไม่ชอบเข้าป่า และทีมสุดท้าย ทีมหมอภู”
คุณย่าหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง คือหมอภู ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากการเรียนจบแพทย์เฉพาะทางในต่างประเทศ อีกทั้งมาเป็นหมอประจำตัวของคุณย่า และเป็นที่รักของคนในครอบครัวของตระกูลเพมเบอร์ตันอย่างรวดเร็ว ด้วยความสุภาพอ่อนโยนและความเอาใจใส่ที่เขามีให้กับคุณย่า
หมอภูยิ้มเขินๆ พลางโค้งศีรษะอย่างถ่อมตนเล็กน้อย ท่ามกลางเสียงปรบมือจากเหล่าญาติ ๆ หลายคนสนุกสนานที่ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ในทีม และดูเหมือนว่าความกระตือรือร้นของหมอภูจะทำให้การล่าสัตว์ในวันนี้ตื่นเต้นกว่าที่เคย
คุณย่ากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและกำลังใจ
“ปีนี้ แม้จะมีบางคนหายไป แต่ก็มีคนใหม่เข้ามา มาร่วมมือกันทำให้กิจกรรมนี้มีแต่ความสุขและความทรงจำที่ดีนะลูก ๆ”
ทุกคนปรบมือให้กับคำพูดของคุณย่า แววตาเปี่ยมความมุ่งมั่น ทีมทั้งสามเตรียมตัวออกเดินทางเข้าสู่ผืนป่า
ทันใดนั้นเองคุณย่าก็นึกอะไรดี ๆ ขึ้นมา
“ปีนี้ ย่าจะให้หลาน ๆ แต่ละคนเลือกผู้ติดตามไปด้วยกัน ไปหลายคนจะได้สนุกมากขึ้น เริ่มจากเจ้าโจฮันก็แล้วกัน”
โจฮันเป็นคนแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการเลือก เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเอ่ยชื่อคนที่ทุกคนคาดไม่ถึง
“ผมเลือกหมิงครับ” เขาพูดพลางหันไปยิ้มให้หมิงที่ยืนอยู่ข้างโจชัว
หมิง เลขาคนสนิทของโจชัว รู้จักกับครอบครัวเป็นอย่างดี แม้จะดูเป็นคนเงียบ ๆ แต่เขาก็มีไหวพริบและความสามารถในเรื่องการจัดการอย่างมาก โจฮันเห็นว่านอกจากการทำงานแล้ว เรื่องเดินป่าหมิงยังเชี่ยวชาญอีกด้วย
จากนั้น คุณย่าก็หันมาทางหมอภู แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“หมอภู ย่าขอเลือกให้พัดชาตามหมอไปนะ พัดชาเป็นคนขยันขันแข็ง และรู้จักกับตระกูลเรามาตั้งแต่เด็ก”
พัดชาเป็นหญิงสาวบ้านใกล้เรือนเคียงที่ครอบครัวรู้จักมานาน ต่อหน้าทุกคนเธอมีจิตใจดีและอ่อนโยน อีกทั้งยังมีความรู้ในการใช้ชีวิตกลางแจ้ง แต่ความน่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ พัดชานั้นหลงรัก
โจชัวมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ลึก ๆ ในใจหญิงสาวก็หวังว่าจะได้เคียงคู่กับชายหนุ่มที่หมายปอง
เมื่อถึงคราวของโจชัว ทุกคนต่างคาดหวังว่าเขาจะเลือกใครเป็นผู้ติดตาม แต่แทนที่จะเลือกใครในครอบครัวหรือผู้ช่วยที่มีประสบการณ์ เขากลับใช้มือตรงชี้ไปที่ดาริน หญิงสาวผู้ที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ที่มุมหนึ่งของกลุ่ม
“เลือกเธอก็แล้วกัน”
โจชัวกล่าวพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
ทุกคนหันไปมองดารินเป็นทางเดียวกัน แล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นเธออยู่ในลุคที่ไม่เหมือนใคร บนใบหน้ามีเขม่าสีดำที่เธอแต้มให้เป็นเส้นบาง ๆ คล้ายหนวดแมว สร้างความขบขันให้กับทุกคนไม่น้อย
ดารินยืนนิ่งค้างเมื่อได้ยินโจชัวประกาศเลือกเธอเป็นผู้ติดตาม เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นรอบ ๆ ทำให้เธอเริ่มรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องเป็นจุดสนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ รอยยิ้มมุมปากของโจชัวที่เขามองมา ทำให้เธอรู้สึกว่าการเลือกนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการจงใจสร้างความขบขันต่อหน้าทุกคนเสียมากกว่า
เมื่อเห็นว่ามีคนหัวเราะไม่หยุด มือบางยกขึ้นแตะที่ใบหน้าแล้วพบว่าเขม่าที่เธอแต้มเล่นบนใบหน้าจนเป็นรอยคล้ายหนวดแมว กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอับอายจนแทบอยากจะมุดดินหนี
คนตัวเล็กกำหมัดแน่น มือเริ่มสั่นเล็กน้อยด้วยความคับแค้นใจ สายตาของเธอตวัดมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นราวกับกำลังสะกดกลั้นคำพูดที่อยากจะเอ่ยออกมา
“เลือกฉันเพราะอยากทำให้คนอื่นขำใช่ไหมล่ะ?”
เจ้าของใบหน้าสวยคิดในใจ รู้สึกเหมือนกำลังถูกท้าทายความอดทนในแบบที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน
แต่โจชัวกลับยืนยิ้มลอยหน้าลอยตาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจที่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกอยากจะประชดประชันออกมา แต่เธอกลับเลือกที่จะสงบปากสงบคำ สายตาที่เธอมองเขาอย่างคาดโทษนั้นเต็มไปด้วยความหมาย
“งั้นก็ได้!” เธอพูดกับตัวเองในใจ “ถ้าอยากให้ฉันไปด้วยนัก ฉันก็จะไป
ทันใดนั้นเอง
คุณย่ายิ้มมองดูพวกเขาด้วยความสุขในใจ
“งั้นก็ครบแล้ว หลาน ๆ ทั้งสามทีมพร้อมจะออกผจญภัยไปในป่าแล้วนะ ย่าขอให้พวกเธอมีความสุขและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในวันนี้ให้เต็มที่ และกลับมาอย่างปลอดภัย”