บทที่ 11 งานสวน
วันรุ่งขึ้น
เวลา 6.00 น.
ดารินต้องตื่นเช้ากว่าปกติ ลุกขึ้นมาทำอาหารห่อใส่ปิ่นโตเพื่อไปทานเอง วันนี้เธอต้องเปลี่ยนหน้าที่ทำงานใหม่ ผันตัวจากการเป็นแม่บ้าน มาเป็นคนงานทำสวนแทน ดังนั้นชุดยูนิฟอร์มจึงเปลี่ยนไป
เจ้าของใบหน้าสวยจ้องมองตัวเองอยู่หน้ากระจก ก่อนจะหมุนตัวหนึ่งรอบเพื่อเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง หญิงสาวร่างบางอยู่ในชุดทำสวน เสื้อแขนยาวผ้าร่ม ส่วนกางเกงเป็นกางเกงวอร์มสีดำขนาดพอดีตัว มีหมวกสานหนึ่งใบที่ป้าสาหามาให้ตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้นทุกคนต่างมองเธอด้วยสีหน้ารังเกียจ คงมีแต่ป้าสาคนเดียวที่ยังคงดีกับเธออยู่
"ลินดา พร้อมหรือยังรถมารับแล้ว"
เสียงของป้าสาตะโกนเรียกในขณะที่คนตัวเล็กกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่
"พร้อมแล้วค่ะ เดี๋ยวลงไปค่ะ"
เรียวปากสีหวานตอบ มือเล็กรีบคว้ากระเป๋าข้างกาย พร้อมกับปิ่นโตบนโต๊ะแล้วเร่งฝีเท้าเดินลงไป
เพียงชั่วพริบตานัยน์ตาสีน้ำผึ้งทอดมองกระเป๋าผ้าสีขาวใบเก่า ๆ ซึ่งเป็นของพี่นวลทำให้เธออดนึกถึงเรื่องที่พี่นวลไม่ชอบเธอไม่ได้ แต่เธอพอจะเดาออกที่พี่นวลไม่ชอบเธอนั้น น่าจะมาจากเธอแย่งห้องนอนของพี่นวล แถมเสื้อผ้าของใช้ต่าง ๆ ยังต้องหยิบยืมจากพี่นวลทั้งนั้น
"อ้าวมาขึ้นรถได้แล้ว จะร่ำไรอะไรนักหนา หากต้นไม้ไม่โต ต้นไม้เหี่ยวต้นไม้ตาย ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ"
เสียงทุ้มปนหงุดหงิดของชายวัย 40 ต้น ๆ เป็นคนขับรถกระบะคันสีแดงเลือดหมูพูดกระทบดาริน ส่วนดารินเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่โดนไล่ให้มาทำสวน ซึ่งเขาเองเป็นคนสวนคนหนึ่งเช่นกัน หากไปสายหรือไปช้าก็ต้องโดนหักเงินไปตามกฎ
"ขอโทษค่ะ"
เรียวปากสีหวานรีบขอโทษขอโพย พลางเดินไปด้านหน้าของรถกระบะ ในขณะที่มือเรียวจะเอื้อมไปเปิดก็มีเสียงหนึ่งขัดจังหวะขึ้น
"ใครให้เธอไปนั่งข้างหน้า"
เจ้าของใบหน้าสวยชะงัก เพราะเสียงที่พูดเป็นเสียงผู้หญิง
"เออ ๆ ไปนั่งข้างหลังนู่น กระบะด้านหน้าที่ของเมียข้าโว้ย"
คนขับรถกระบกพูดเสียงแข็ง มือหยาบกระด้างจับไหล่บางแล้วกระชากออก ส่วนดารินเซถลาไปตามแรงกระชาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แม้ในใจจะไม่พอใจอยู่มากก็ตาม ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่เดินมาขึ้นกระบะด้านหลังนั่งแออัดร่วมกับชายฉกรรจ์นับสิบคน
ในขณะที่รถกระบะคันสีแดงเลือดหมู เคลื่อนตัวไปยังคฤหาสน์เพมเบอร์ตัน เจ้าของใบหน้าสวยได้แต่คิดถึงกำไลข้อมืออันนั้นที่รู้สึกคุ้นเคย แต่นึกเท่าไหร่กลับนึกไม่ออก อีกใจหนึ่งกลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า หากเธอต้องการฟื้นความทรงจำ ต้องอาศัยกำไลข้อมือนั้น เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ติดตัวของเธออยู่ตลอด
ณ คฤหาสน์เพมเบอร์ตัน สวนดอกทิวลิป
เวลา 8.00 น.
ลินดาหรือดาริน ลงงานตั้งแต่เช้า ผ่านมา 1 ชั่วโมงครึ่งได้แล้ว บรรยากาศโดยรอบฟ้าเริ่มสว่าง พร้อมกับมีแสงแดดจ้าสาดส่องมาที่ร่างเล็กเต็ม ๆ อากาศวันนี้ค่อนข้างร้อน เพราะเมื่อเช้านี้ได้ยินเสียงวิทยุดังแว่วมาว่าจะหมดฝน และจะเข้าสู่ฤดูหนาวแทน ทว่าฤดูหนาวที่ไหนจะร้อนได้ถึงเพียงนี้ คงมีแต่ประเทศไทยเท่านั้น
“ลินดา”
เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ผู้ที่ถูกเรียกชื่อหยุดใช้มือเล็กดึงวัชพืช จากนั้นหันขวับไปตามต้นเสียง
“มีอะไรเหรอจ้ะ”
เรียวปากสีหวานตอบกลับเสียงเรียบ
“ทำไมถึงได้ลงมาทำงานสวนล่ะ ผิวพรรณก็ดี หน้าตาก็ดี ทำไมถึงมาอยู่ที่คฤหาสน์นี่ล่ะ อย่าว่าผมก้าวก่ายนะ แต่ผมไม่เคยเห็นคุณเฉย ๆ น่ะ ทั้งที่ผมเองก็ทำงานมาที่นี่หลายปีละ”
“อ๋อ พอดีฉันความจำเสื่อมน่ะ เป็นญาติห่าง ๆ กับป้าสา มาทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็ประสบอุบัติเหตุ ถ้าถามว่าทำไมถึงมาทำงานที่นี่ ฉันเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
“อย่างนั้นเหรอ หน้าตาก็ไม่ได้มีความคล้ายนวล หรือป้าสาเลยสักนิดนะ”
หมง คนงานสวนครุ่นคิด เผลอเอามือจำคาง มองหน้าดารินสลับกับนึกภาพของป้าสากับนวล
“คงเป็นญาติห่าง ๆ น่ะ เลยไม่เหมือน”
คนตัวเล็กตอบพลางยิ้มออกมาจาง ๆ
“สองคนนั้นน่ะ จะคุยกันไปถึงไหน เสร็จจากถอนวัชพืช ต้องไปจัดงานใหญ่ต่อนะ รู้ไหมตระกูลเพมเบอร์ตันจะมาล่าสัตว์ประจำปี คนที่เตรียมสถานที่คือพวกเรานะเว้ย”
เสียงของชายวัย 50 ต้น ๆ ตะโกนมาจากทางด้านหน้า จากนั้นรีบเอาดอกไม้ยกขึ้นกระบะท้ายรถ เตรียมเอาไปจัดสถานที่
“ค่ะ”
เสียงกึ่งดุ กึ่งด่าของชายร่างท้วม ทำเอาดารินหน้าจ๋อยก้มหน้าก้มตา ทำงานต่อไป และเธอยังคงคิดไม่วายจะหาทางเอากำไลนั่นคืนมาให้ได้
บรืนน..เอี๊ยดด
เสียงรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันหรูปราดแล่นเข้ามาจอดยังหน้าคฤหาสน์เพมเบอร์ตัน ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีเจ้าของร่างสูงโครงหน้าเดียวกันกับโจชัว สวมชุดสูทสีดำเข้ม แววตามีความขี้เล่น ไม่สุขุมเหมือนกับโจชัว ริมฝีปากบางกว่าเพียงเล็กน้อย แต่โจฮันนับว่าเป็นขวัญใจของสาว ๆ ทั่วทั้งประเทศ เลยก็ว่าได้
“ถึงแล้วครับ”
หมิงเลขาคนสนิทของโจชัวพูด พร้อมกับก้าวตามออกมาติด ๆ
“กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ มาสายอีกจนได้ ว่าจะมาตั้งแต่เช้านะเนี่ย”
โจฮันพูดพลางยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจ จากนั้นเดินตรงดิ่งไปหาโจชัวผู้เป็นพี่ชายที่ห้องทำงาน
ก๊อก ๆ
มือหนาเอื้อมไปเคาะประตูที่หน้าห้องทำงานของพี่ชายประมาณ 2 ครั้ง เพราะเขาไม่กล้าเปิดเข้าไปโดยพลการ เนื่องจากรู้มาว่าช่วงนี้โจชัวอารมณ์แปรปรวน
“เข้ามา”
เสียงทุ้มอันเรียบนิ่ง ดังออกมาจากด้านใน ไม่รอช้า โจฮันรีบเปิดประตูเข้าไปทักทายทันที
“พี่โจชัว เตรียมงานไปถึงไหนแล้วเนี่ย อีกไม่กี่วันจะถึงวันล่าสัตว์ของตระกูลแล้ว ผมล่ะตื่นเต้นสุด ๆ”
“เรื่องนี้ฉันมอบให้หมิงจัดการไปแล้วนี่”
ชายหนุ่มตอบผ่าน ๆ พลางก้มหน้าทำงานต่อ
“ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนพี่ก็จัดการงานนี้เอง ทำไมตอนนี้ถึงให้
หมิงทำไปซะแล้วล่ะ เป็นเพราะโจลีนงั้นเหรอ”
ปึก!
เสียงวางปากกาหนัก ๆ ลงบนโต๊ะ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นน้องชาย แต่ไม่พูดอะไรสักคำ
“เอ่อ ถ้าพี่ไม่พอใจ เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกก็ได้ ทำงานต่อเถอะ”
โจฮันเองก็กลัวสายตาอันคมกริบคู่นั้น มองมาทีไร เขารู้สึกขนลุกขนพองทุกที
“อืม แกลองออกไปเดินดูสวนทิวลิปหน่อยสิ บรรยากาศน่าจะดีกว่าในห้องนี้”
ราวกับว่าโจชัวเริ่มรู้สึกตัว พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลลง และแนะนำให้น้องชายไปยังสวนทิวลิปที่เขาปลูก้องกับมือ
“ครับ เดี๋ยวผมไปดูงานให้ แต่ขอเปลี่ยนชุดสักครู่นะ ผมว่าใส่สูทไปสวนคงไม่เหมาะ ฮ่า ๆ”
โจฮันพูดติดตลก มือหนาขยับเนกไทเบา ๆ จากนั้นเดินออกจากห้องไป