บทที่ 17 วางยา
นัยน์ตาสีน้ำผึ้งหันไปมองนาฬิกาบนผนังห้อง เห็นว่ามันเลยเวลาบ่ายมาแล้ว และเธอเพิ่งรู้ตัวว่าหลับไปนานเกินไป
“นี่มันเย็นมากแล้ว…”
เสียงหวานพึมพำเบา ๆ เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย เพราะเพิ่งนึกได้ว่าตอนเย็นมีงานประกาศผลผู้ชนะในการล่าสัตว์ป่าประจำปีของตระกูลเพมเบอร์ตัน ซึ่งเป็นงานใหญ่และสำคัญของตระกูล
เมื่อดารินนึกถึงหมอภูที่คอยดูแลเธอมาตลอดวัน เธอก็รู้สึกเกรงใจ กลัวว่าการที่เขาอยู่ดูแลเธอจะทำให้เขาพลาดโอกาสไปร่วมงานในครั้งนี้ ดารินจึงหันไปถามเขาเสียงแผ่วเบา
“คุณหมอไม่ไปงานเลี้ยงหรือคะ?”
นายแพทย์หนุ่มเงยหน้าจากสมุดบันทึกที่เขากำลังจดอะไรบางอย่างอยู่ เผยยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบเสียงเรียบ
“เดี๋ยวผมไป งานยังไม่เลิกง่าย ๆ หรอก”
จากนั้นเขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูเตรียมจะอาบน้ำเพื่อไปเข้าร่วมงาน
ดวงตาเรียวมองตามเขาด้วยสายตาโล่งใจ แต่ก็อดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในชุดที่ตัวเองสวมอยู่ คนตัวเล็กก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเอง แล้วรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ชุดเดิมที่เธอใส่ก่อนหน้านี้ ความตกใจพลันแทรกเข้ามาในใบหน้าของเธออย่างปิดไม่มิด
หมอภูหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเธอ พร้อมกับบอกว่า
“ป้าสาเป็นคนเปลี่ยนให้น่ะ”
คุณหนูตระกูลดังถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ใบหน้าก็ยังคงแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ
“ขอบคุณนะคะ”
เธอพูดออกมาด้วยเสียงเบา ๆ
หมอภูยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะเดินไปอาบน้ำ เตรียมตัวไปร่วมงาน ในขณะที่ดาริน ลุกขึ้นนั่งลงเงียบ ๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปกับบรรยากาศยามเย็นช่วงพลบค่ำ
เธอรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก แต่ยังไม่ลืมความคิดที่จะออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้
เมื่อหมอภูแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย อยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มพร้อมกับสายตาหันมามองดารินที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทีลังเล
“ดาริน จะไปร่วมงานด้วยกันไหม?”
เสียงทุ้มเอ่ยถาม น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ทว่าแฝงไว้ด้วยความคาดหวังเล็ก ๆ
ดารินส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมส่งยิ้มจาง ๆ ให้เขา
“ไม่ดีกว่าค่ะ คนเยอะแยะมากมาย ขาดฉันไปสักคน ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ ฉันก็เป็นแค่คนใช้ ไม่มีใครถามถึงหรอก”
คนที่ได้ยินคำตอบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตาเขาฉายแววประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เขามองเธอนิ่ง ๆ อย่างสำรวจ ดารินพูดว่าตัวเองเป็นเพียงคนใช้ แต่รูปลักษณ์ของเธอช่างไม่สอดคล้องกับคำพูดนั้นเลย ผิวพรรณที่ดูเนียนใส ใบหน้าที่งดงามราวกับลูกคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ทำให้เขานึกสงสัยในตัวเธอมากขึ้น
แต่แม้ว่าเขาอยากให้ดารินไปด้วย เขาก็ไม่อยากฝืนใจเธอ หมอภูยิ้มบาง ๆ ให้ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“งั้นพักผ่อนเถอะ ผมไม่บังคับหรอก ถ้าคุณอยากไปทีหลัง ก็ไปได้ตลอดนะ”
หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ รับคำ รอยยิ้มของเธอฉายแววซาบซึ้งที่เขาให้ความเคารพในความรู้สึกของเธอ ความอบอุ่นแผ่ซ่านในใจโดยไม่รู้ตัว
เมื่อนายแพทย์หนุ่มเดินออกจากห้องไป เสียงฝีเท้าของเขาเริ่มทิ้งห่างออกไป ทิ้งเธอไว้ในความเงียบสงบพร้อมกับความคิดที่ยังวนเวียนในใจ
ดารินค่อย ๆ พยุงร่างของตัวเองลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง ยังคงรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย ต้องรีบออกจากห้องนี้ไปยังโรงเก็บของ
เท้าเล็กเดินออกจากห้องไปยังทางเดินที่เงียบสงัด ทอดกายไปยังโรงเก็บของเก่าที่เธอใช้เป็นห้องพักชั่วคราว ห้องนี้ทั้งมืดและเย็น ไม่มีแม้แต่ห้องน้ำหรือห้องอาบน้ำให้ใช้
“เฮ้อ”
ดารินถอนหายใจหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่พับเก็บไว้ในกระเป๋าเก่า ๆ พลางเดินไปยังห้องของโจลีน เธอไม่อยากจะทำแบบนี้แต่ความจำเป็นบังคับให้เธอแอบใช้ห้องอาบน้ำของโจลีนอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อมาถึงห้องของโจลีนมือเล็กค่อย ๆ บิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเงียบ ๆ สองเท้าเล็กก้าวเข้ามาภายในห้องที่หรูหรา มีเครื่องประดับและข้าวของที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย กลัวว่าจะมีใครมาเห็น
“เฮ้อ ทำแบบนี้มันจะดูไม่ดีเลย”
เรียวปากสีหวานพึมพำ แต่ทุกครั้งที่ใช้ห้องน้ำเสร็จ ดารินก็ดูแลความสะอาดให้กลับมาเหมือนเดิมทุกครั้ง ไม่ให้เหลือร่องรอยใด ๆ เธอทำทุกอย่างอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ห้องน้ำของโจลีนสะอาดไร้ที่ติ แล้วจึงรีบเดินออกจากห้องไป พลางเฝ้าหวังว่าคนอื่นจะไม่มีวันรู้ว่าเธอเคยแอบมาใช้ห้องนี้
อีกด้าน ณ งานเลี้ยงของตระกูลเพมเบอร์ตัน
ในมุมหนึ่งของงานเลี้ยง โจชัว ยืนเงียบ ๆ จิบไวน์เพียงเล็กน้อย ครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่ยังติดค้างอยู่ในใจ สายตาคมเหลือบตามองไปรอบ ๆ ผู้คนมากมายรายล้อม และบรรยากาศอันครึกครื้นรอบข้างก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกสนุกไปด้วยได้ จนกระทั่งมีเสียงอ่อนหวานแทรกขึ้นมา
“พี่โจชัวคะ ดื่มเป็นเพื่อนพัดชาหน่อยสิคะ”
โจชัวหันมอง พัดชา หญิงสาวผู้มีใบหน้าและการแต่งตัวที่ดูเย้ายวน ยื่นแก้วไวน์ส่งมาให้เขาด้วยรอยยิ้มบาง ๆ แฝงความเจ้าเล่ห์ เธอแสร้งทำหน้าเศร้าแล้วเอ่ยต่อ
“พอดีพัดชาคิดถึงโจลีนค่ะ”
เมื่อได้ยินชื่อของน้องสาวคนเดียว ความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ของเขาก็พลันปะทุขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ตั้งใจ โจชัวรับแก้วไวน์จากพัดชาอย่างไม่คิดมาก แล้วกระดกดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
พัดชายกยิ้มอย่างพอใจ รีบถามเขาต่อ
“รับเพิ่มไหมคะ?”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้ตอบอะไร แต่ส่งแก้วไวน์ให้เธออย่างเงียบ ๆ พัดชาก็รีบรินให้ใหม่ พร้อมทั้งเอ่ยเสียงหวาน ชวนคุยอย่างมีนัยยะ
“คืนนี้พี่โจชัวพาพัดชาไปที่ห้องนอนได้ไหมคะ? พอดีว่ากลัวหลงน่ะค่ะ คฤหาสน์นี้กว้างเกินไป”
ชายหนุ่มนิ่งไม่ตอบ สีหน้าเขายังดูเรียบเฉย ไม่มีทีท่าตอบรับหรือปฏิเสธ เขายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้งจนหมด พยายามใช้แอลกอฮอล์กลบความคิดถึงที่ก่อตัวในใจ เขายังไม่อาจลืมโจลีน และยิ่งไม่อาจหลุดพ้นจากความรู้สึกที่ติดค้างในตัวเองได้
พัดชาสังเกตสีหน้าและแววตาที่ซ่อนความขมขื่นของโจชัว เธอจึงถามอย่างเป็นห่วง
“พี่โอเคไหมคะ?”
ในชั่วพริบตา สายตาของพัดชาฉายแววยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอรู้ดีว่าแผนการของเธอใกล้จะสำเร็จแล้ว เพราะยาปลุกความเป็นชายที่เธอแอบผสมลงในไวน์นั้นคงเริ่มออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ คืนนี้โจชัวจะต้องตกอยู่ในมือของเธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หญิงสาวยืนเคียงข้างเขา ยิ้มบาง ๆ อย่างผู้มีชัย พลางมองโจชัวที่เริ่มรู้สึกถึงอาการมึนเล็กน้อย โดยไม่รู้ว่าตัวเองได้ตกหลุมพรางของพัดชาแล้ว