บทที่2
ต้องการพบตัว
สหรัฐอเมริกา
บรื้นนนน~
เสียงรถสปอร์ตหรูขับมาจอดที่สนามบินชายหนุ่มสวมใส่สูทสีดำก้าวขาเดินลงจากรถสายตามองไปยังเครื่องบินเจ็ทของตนเองเขาได้รับข่าวด่วนจากคุณอาที่อยู่ประเทศไทยว่าพ่อของเขาถูกลอบสังหารโดยเลขาคนสนิท เขาต้องรีบกลับไปให้ทันงานศพคืนสุดท้ายรวมถึงต้องไปจัดการเรื่องมรดกทุกอย่างที่ต้องเป็นของเขาตามคำสั่งของผู้เป็นแม่
"อาเธอร์ฟังแม่นะลูก ลูกต้องกลับไปจัดการเรื่องมรดกของคุณพ่อแม่รู้ว่าลูกไม่อยากได้แต่มันเป็นสิ่งที่ปู่ของลูกตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อยกให้ลูกเท่านั้น"
"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นผม"
"เรื่องนั้นแม่ก็ไม่รู้ก่อนที่ปู่ของลูกจะเสียแม่มีโอกาสได้เข้าไปกราบลาท่าน ท่านบอกกับแม่ว่าทุกอย่างเป็นของอาเธอร์เพียงคนเดียวส่วนพ่อของลูกแค่รักษาการเพื่อรอวันที่ลูกพร้อม"
อาเธอร์ถอนหายใจเพราะเขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อผู้เป็นแม่จึงเข้ามาสวมกอดลูกชายเพื่อส่งพลังบวกจากนั้นก็หันไปบอกเลขาให้ช่วยดูแลลูกชายอย่าให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอเป็นอะไรไปเด็ดขาด
เมื่ออาเธอร์บินมายังประเทศไทยเขาก็ตรงไปยังงานศพของคุณพ่อท่านเป็นลูกครึ่งงานศพของท่านจึงถูกจัดอยู่ที่วัดเพียงแค่เขาก้าวขาลงจากรถคนของคุณอาก็รีบเข้ามาต้อนรับพาเขาขึ้นมายังศาลาที่จัดงานยิ่งใหญ่สมเกียรติประธานบริษัทAaren
"สวัสดีครับคุณอา"
"เข้าไปกราบศพพ่อก่อนเถอะแล้วค่อยมาคุยกัน" อาร์ซีมองหลานชายอย่างไม่เชื่อสายตาไม่เจอกันร่วม 20 ปีไม่คิดว่าหลานชายจะดูมีความเป็นผู้นำเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่โตอยู่ที่อเมริกานอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาเขายังรู้อีกว่าหลานชายยังไม่มีแฟน
อาเธอร์กราบหน้าศพผู้เป็นพ่อเขามองเพ่งไปยังรูปหน้าศพพร้อมกับคำถามที่ค้างคาใจว่าทำไมวันนั้นพ่อกับแม่ถึงเลิกกันและเขาอยากจะขอโทษที่หลายวันก่อนเขาตัดสายผู้เป็นพ่อทิ้งเพียงเพราะวันนั้นเขากำลังประชุมกับลูกค้าคนสำคัญแต่พอโทรกลับมาก็ไม่สามารถติดต่อได้จนมารู้เรื่องราวว่าวันนั้นเป็นสายสุดท้ายที่ท่านโทรหาและท่านก็เลือกที่จะโทรหาเขาเพียงคนเดียว
"ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้รับสายพ่อแต่พ่อไม่ต้องห่วงผมกลับมาแล้วผมจะดูแลบริษัทของพ่อเอง"
เมื่อกราบศพท่านเสร็จแล้วอาเธอร์ก็เดินกลับมานั่งคุยกับคุณอาจนรู้เรื่องราวว่าเลขาของพ่อเขาเป็นคนวางแผนลอบสังหารเพราะว่าเลขามีพฤติกรรมบางอย่างที่น่าสงสัยมีภาพจากกล้องวงจรที่เหมือนว่าเลขาจะพยายามทำอะไรภายในรถของพ่อเขา
"แล้วตอนนี้เลขาของพ่อผมอยู่ที่ไหนครับ"
"คงจะกลัวความผิดเลยชิ่งผูกคอตายไปแล้วสงสารก็แต่ลูกสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรือไม่ก็คงรู้แต่เลือกที่จะปิดบังพวกเราอยู่"
"ลูกสาว?" อาเธอร์คิ้วขมวดเข้าหากันจนคุณอาส่งรูปที่ได้หยิบมาจากบ้านของเลขาพี่ชายมือหนาแทบอยากจะขยำรูปครอบครัวสุขสันต์นี่ทิ้งแต่เขาก็เลือกที่จะฉีกรูปของคนตายทิ้งลงถังขยะจนเหลือเพียงรูปของหญิงสาวในชุดนักศึกษา
"เด็กคนนี้เรียนดีเคยมาฝึกงานที่บริษัทของเราแถมพ่อของเราก็ยังให้ทุนเรียนมหาวิทยาลัยAaren ด้วยตอนนี้เหลือแค่สามเดือนก็จะจบแล้วพ่อของเราเคยพูดเอาไว้ว่าจะให้เด็กคนนี้มาทำงานที่บริษัทเรื่องนี้อาก็แล้วแต่หลานนะ"
"ผมไม่เอาเสนียดจัญไรเข้ามาในบริษัทเราหรอกครับ"
"งั้นก็ดีมีอีกเรื่องที่อาอยากจะบอกก่อนที่พ่อเราจะเสียท่านเคยปรึกษากับอาหากเรามาบริหารงานที่นี่เมื่อไหร่ท่านอยากให้เราแต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านเลือก"
"ผมไม่ชอบการคลุมถุงชนครับ"
"อาคิดไว้แล้วว่าเราต้องไม่ยอมแต่ถ้าหากทำให้ท่านเป็นการตอบแทนครั้งสุดท้ายได้อาก็คิดว่าเราควรทำนะ"
"ไว้ผมจะเก็บไปคิดทบทวนดูอีกทีครับให้เสร็จงานศพคุณพ่อก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน"
เมื่ออาร์ซีเดินทางกลับไปอาเธอร์ก็เรียกลูกน้องของเขามาคุยเป็นการส่วนตัวเขาต้องการสืบเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้นั่นก็คือลูกสาวของเลขาคนสนิทคุณพ่อต่อให้พ่อของเธอจะตายไปแล้วคนที่อยู่ก็ต้องชดใช้ให้สาสมกับความเลวที่พ่อของเธอได้ทำเอาไว้
"ให้ผมไปเอาตัวเธอมาเลยไหมครับ"
"อืม ถ้าเอาตัวมาแล้วก็เอาไปไว้ที่บ้านเสร็จจากงานศพฉันจะตามไป"
"ครับ"
ด้านมุกดาหลังจากเสร็จงานเผาศพพ่อเธอแล้ววันต่อมาเธอก็มาทำบุญกระดูกของพ่อเมื่อกลับมาถึงบ้านแทนที่เธอจะได้พักให้หายเหนื่อยกับมีชายชุดดำยืนอยู่เต็มบ้านเธอมองพวกเขาด้วยความตกใจไหนว่าเรื่องราวมันจบไปแล้วจะไม่มีการรื้อฟื้นอะไรอีกทำไมจู่ๆ ผู้ชายชุดดำพวกนี้ถึงได้แห่กันมาบ้านของเธอ
"พวกคุณเป็นใครคะเข้ามาบ้านฉันทำไม"
"คุณอาเธอร์ต้องการพบคุณเป็นการส่วนตัวครับ"
"คุณอาเธอร์?"
"ลูกชายของคุณอารอนท่านบินกลับมารับมรดกจากคุณอารอนและต้องการพบคุณตอนนี้"
"แต่คุณอาร์ซีบอกกับฉันว่าเรื่องทุกอย่างมันจบแล้วไงคะ"
"ตอนนี้คำสั่งที่มีอำนาจสูงสุดคือคุณอาเธอร์ครับไม่ใช่คุณอาร์ซี"
เธออยากจะวิ่งหนีคนพวกนี้แต่พอเห็นปืนที่เหน็บไว้ข้างเอวของผู้ชายกลุ่มนี้เธอก็จำใจเดินขึ้นรถอย่างกล้าๆ กลัวๆ และเธอหวังว่าการเจรจาในวันนี้จะจบลงด้วยดีเธออยากมีชีวิตที่ปกติที่สุดเหมือนเดิม
---------------------------------
เรื่องเรื่องเข้มข้นมากกก
กดเพิ่มเข้าชั้นบัดเหนียวนี้นะทุกคน