คนถูกต่อว่าจุดรอยยิ้มแห้งๆ เพราะเป็นความจริงตามที่อีกฝ่ายพูด จึงได้แต่แก้ตัวเสียงอ่อย “ตั้งแต่ผมเรียนจบกลับมาก็ช่วยคุณพ่อทำแต่งาน ไม่ค่อยได้ไปไหนหรอกครับ”
“ได้ข่าวว่ากิจการดีจนหนังสือพิมพ์ติดยอดขายอันดับต้นๆ ของประเทศนี่นา” น้ำเสียงของพ่อเลี้ยงเริ่มสดใสขึ้น
“เป็นเพราะบารมีของคุณปู่มากกว่าครับ”
หนังสือพิมพ์ฟ้าเมืองไทยที่พูดถึง เป็นหนังสือพิมพ์เก่าแก่ที่ก่อตั้งมานานตั้งแต่สมัยผู้เป็นปู่ของภูวดลเป็นที่รู้จัก และเจริญรุ่งเรืองตามยุคสมัยมาเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบัน
“ตกลงแกจะกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรเลยหรือเจ้าลอ” พ่อเลี้ยงพูนลาภถามบุตรชาย ระหว่างเดินไปทรุดนั่งลงบนชุดรับแขกไม้สักลวดลายสลักเสลางดงาม
เจ้าลอ คือคำเรียกขานที่ผู้เป็นพ่อเรียกบุตรชายจนติดปากมาตั้งแต่เยาว์วัย เหมือนที่เรียกภรรยาว่า ‘เจ้าสร้อย’ เพราะพื้นเพของเจ้าสร้อยดาริกาผู้ภรรยานั้น สืบทอดเชื้อสายมาจากเจ้าทางล้านนา
“แล้วพ่อเลี้ยงอยากให้ผมอยู่เมืองไทยหรือเปล่าล่ะ” บุตรชายย้อนถาม ก่อนจะเดินมาทรุดนั่งลงตรงกันข้ามบิดา โดยมีภูวดลตามมาด้วย
“แกรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ยังจะมาย้อนถามพ่ออีกหรือเจ้าลอ เมื่อไหร่แกจะเลิกเรียกพ่อว่าพ่อเลี้ยงซะทีวะ” คนเป็นพ่อถามน้ำเสียงฉุนๆ
“เมื่อไหร่ที่พ่อเลี้ยงเลิกเรียกผมว่าเจ้าลอนั่นแหละ ผมถึงจะหยุดเรียก” ลอราชลอยหน้าตอบหน้าตาย
“ตกลงแกเป็นลูกหรือเป็นพ่อฉันกันแน่เจ้าลอ” เสียงของพ่อเลี้ยงเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เรื่องที่จะให้เขาหยุดเรียกบุตรชายว่า ‘เจ้าลอ’ แล้วหันมาเรียกว่าเรนนั้นคงยาก เพราะเรียกตามภรรยามาตั้งแต่เจ้าตัวยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ
ที่สำคัญเขาอยากเก็บความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับภรรยาผู้ล่วงลับเอาไว้กับตัวเองให้มากที่สุด
“พ่อลูกทุ่มเถียงอะไรกันอีกล่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปียังไม่เลิกเถียงกันอีก”
นวลตองที่ยืนฟังทั้งคู่เถียงกันอยู่พักใหญ่พูดขัดจังหวะขึ้น ก่อนพาตัวเองมาทรุดนั่งนั่งเคียงข้างน้องชาย พลางคิดในใจอย่างเอือมระอา พ่อลูกคู่นี้เจอหน้ากันครั้งใดมักจะเถียงกันอย่างนี้ทุกครั้ง ทั้งๆ ที่คิดถึงกันแทบตาย ถึงแม้ตัวหลานชายไม่ได้อยู่เมืองไทย แต่ก็หมั่นโทร. มาถามข่าวคราวของบิดาจากเธอเสมอมิได้ขาด ไม่แตกต่างไปจากน้องชายที่คอยไต่ถามถึงบุตรชายอยู่เช่นกัน จนนวลตองกลายเป็นสื่อกลางระหว่างพ่อลูกไปโดยปริยาย
ต้องเรียกว่าปากกับใจไม่ตรงกันทั้งพ่อทั้งลูก
“หลานชายพี่นวลแหละพูดกวนอารมณ์ผมก่อน” พ่อเลี้ยงฟ้องพี่สาวราวกับเด็ก และก็ถูกสวนทันควันจากบุตรชาย “เรนไม่ได้พูดกวนน้องชายป้านวลเลยนะครับ เรนพูดความจริงต่างหาก”
นวลตองมองค้อนทั้งคู่ “หยุดเลยทั้งสองคน แล้วหลานชายที่แกว่าก็ลูกชายแกเองไม่ใช่หรือเจ้าลาภ”
ก่อนจะหันไปทางหลานชายคนเดียวแล้วใช้มือจิ้มหน้าผากเบาๆ “แล้วน้องชายป้าไม่ใช่พ่อเราหรือไงนะ เมื่อไหร่จะเลิกเรียกพ่อว่าพ่อเลี้ยงซะทีตาเรน”
คนเป็นหลานทำหูทวนลม นิ่งเฉยไม่ตอบผู้เป็นป้าเสียอย่างนั้น จนนวลตองต้องตีแขนดังเผียะ ภูวดลที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ อดยิ้มขำตามไปด้วยไม่ได้ เขาเห็นบรรยากาศเช่นนี้ตั้งแต่สมัยมาที่นี่ใหม่ๆ แล้ว
“คุณพ่อยังดูเหมือนเดิมเลยนะครับ ดูเผินๆ คล้ายเป็นพี่ไอ้เรนมากกว่าเป็นพ่อซะอีก”
คนถูกชมยิ้มกว้างออกมาทันที “พ่อออกกำลังกายทุกวัน บวกกับอากาศบริสุทธิ์ ไม่ต้องสูดควันพิษเหมือนอยู่ในเมืองด้วยละมั้ง”
“ได้ข่าวว่าสาวแก่แม่ม่ายติดกันเกรียว” ลอราชพูดเปรยขึ้นมาลอยๆ
“ใครบอกแกมิทราบ” พ่อเลี้ยงถามเสียงเขียว เขม้นมองหน้าบุตรชายตาขุ่น
“รับรองว่าแหล่งข่าวผมไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน” บุตรชายตอบเสียงเข้ม คนที่ส่งข่าวความเคลื่อนไหวของบิดาให้ทราบคือดำรงศักดิ์ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าข่าวดังกล่าวต้องถูกคัดกรองมาเป็นอย่างดีแล้ว
“เจ้าศักดิ์ล่ะสิเป็นคนรายงานแก” พ่อเลี้ยงพูดจบก็มองไปยังดำรงศักดิ์ที่เพิ่งเดินขึ้นบันไดตามมาทรุดลงนั่งข้างๆ อย่างเคืองๆ นึกรู้ทันทีว่าคนรายงานความเคลื่อนไหวของเขาให้บุตรชายรับรู้คงไม่พ้นอีกฝ่ายเป็นแน่
“สวัสดีครับลุงศักดิ์”
ลอราชยกมือขึ้นไหว้คนสนิทของบิดาที่เขาเคารพประดุจญาติผู้ใหญ่ เพราะเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย ตามด้วยภูวดลที่คุ้นเคยกับอีกฝ่ายดีด้วยเช่นกัน
“สวัสดีครับคุณลอ คุณเคน” ดำรงศักดิ์เป็นอีกคนที่เรียกชายหนุ่ม ที่เขารักประหนึ่งบุตรชายของตัวเองตามเจ้านาย
“ลุงศักดิ์อีกคน เมื่อไหร่จะหยุดเรียกผมว่าลอซะที ฟังทีไรเหมือนผมกลายเป็นพระลอตามไก่ทุกที” ลอราชพูดน้ำเสียงขัดอกขัดใจ
“ดีออกคุณลอ เป็นพระลอจะได้มีเมียทีเดียวสองคน” ดำรงศักดิ์เอ่ยกระเซ้ายิ้มๆ เพราะเขาเป็นคนเล่านิทานเรื่องพระเพื่อนพระแพงให้ชายหนุ่มฟังมาตั้งแต่เยาว์วัย
“ผมไม่อยากมีจุดจบแบบพระลอในเรื่องนะครับลุงศักดิ์” ลอราชพูดโอดครวญท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน แม้แต่พ่อเลี้ยง จากนั้นผู้เป็นพ่อเลี้ยงก็หันมาเล่นงานคนสนิท
“ศักดิ์ แกนี่มันปากโป้งจริงๆ นะ”
“เปล่านะครับพ่อเลี้ยง ผมก็แค่บอกว่าตอนนี้มีแม่ม่ายระดับกระดังงาลนไฟมาคอยพูดจาออดอ้อนออเซาะ พ่อเลี้ยงคะพ่อเลี้ยงขา คอยมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เท่านั้นเองครับ” คนหน้าเฉยๆ แถมยิ้มยากอย่างดำรงศักดิ์ เมื่อต้องมาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ช่างขัดกับบุคลิกเป็นที่สุด
“เท่านั้นหรือไอ้ศักดิ์!” พ่อเลี้ยงด่าคนสนิทกึ่งญาติด้วยน้ำเสียงดังลั่นอย่างเหลืออด เพราะเท่าที่พูดออกมาทั้งหมดนั่นก็เพียงพอต่อการให้เขากลายเป็นจำเลยของบุตรชาย ดูแววตากล่าวหาที่มองมานั่นสิ ใครๆ ก็รู้ว่าบุตรชายคนเดียวของเขารักมารดาผู้ล่วงลับมากเพียงใด ซึ่งก็คงเช่นเดียวกับตัวเขานั่นแหละ ที่ไม่เคยคิดจะมีใครมาแทนที่เจ้าสร้อยดาริกาได้