บทนำ
รถยนต์สีดำคันหรูที่เลี้ยวปรู๊ดปร๊าด ก่อนจะพุ่งปราดเข้ามาจอดแล้วเบรกดังเอี๊ยด สร้างความตกใจชวนขวัญหนีดีฝ่อให้แก่ เด็กที่ยืนเฝ้ารถอยู่จนต้องกระโดดแผล็วหลบเป็นพัลวัน ไม่นานประตูด้านฝั่งคนขับก็เปิดผางออกโดยชายหนุ่มร่างสูงเพรียว ผิวขาวเนียน หน้าตาหล่อเหลาซึ่งก้าวผลุนผลันลงมา หลังกดล็อกรถด้วยรีโมตในมือเรียบร้อย เท้าทั้งคู่ก็เดินแกมวิ่งตรงไปยังร้านอาหารกึ่งผับที่อยู่ไม่ไกลจากจุดจอดรถ และคงเป็นร้านประจำที่เขามาจนคุ้นเคย เพราะพอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้น พนักงานที่ดูเหมือนจะรอคอยอยู่แล้ว ก็รีบเข้ามารายงานน้ำเสียงละล่ำละลัก
“พี่น้ำอิงสั่งเบียร์สดเป็นแก้วที่สองแล้วนะครับพี่นิก”
“พระเจ้า! แล้วทำไมกรถึงไม่ยับยั้งพี่เขาไว้” อาชวินต่อว่าเด็กหนุ่มตรงหน้า
กรส่ายหน้าหวือก่อนจะบอกคนถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น “ใครจะกล้าพูดล่ะครับพี่นิก เพราะพี่น้ำอิงบอกว่าถ้าไม่เอาเบียร์มาให้ตามที่สั่ง จะอาละวาดให้ร้านพังจนราบเป็นหน้ากลอง”
อาชวินฟังแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะบ่นอย่างหัวเสีย “อะไรกันวะ ผู้หญิงคนเดียวแค่นี้เอาไม่อยู่ ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ขึ้นไปดูเองแล้วกัน” พูดพลางร่างสูงก็ก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดตรงไปยังชั้นสองด้านในสุด ซึ่งมีโต๊ะที่ประจำอันเป็นจุดที่ตัวเขาและกลุ่มเพื่อนๆ มักจะมานั่งสิงสถิตกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยปีแรกจนปีสุดท้าย อีกทั้งปัจจุบันก็ยังมากันอยู่อย่างสม่ำเสมอ และยังมีการสลักชื่อบนโต๊ะเอาไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย
แล้วสายตาทั้งคู่ของอาชวินก็เห็นร่างหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนในชุดกางเกงยีนขาเดฟสีเข้ม สวมเสื้อยืดสกรีนตรงหน้าอกด้วยคำว่า ‘หักอกก็แค่ผิดหวัง แต่หักหลังมันรับไม่ได้’
อาชวินยืนกอดอกพลางส่ายหน้า ทั้งขบขันปะปนสงสาร เพราะสภาพของเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เด็กยามนี้ดูไม่จืด ผิวกายที่เคยขาวอมชมพูนั้นเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยฤทธิ์เบียร์ที่เจ้าตัวยกขึ้นซดราวน้ำเปล่า จนเขาต้องรีบกระชากแก้วดังกล่าวออกมาจากมือเรียว ซึ่งอีกฝ่ายแม้จะนั่งโงนเงนไม่คงที่ ก็ยังพยายามยื้อยุดจะเอาแก้วกลับคืนไปดื่มต่อให้ได้
“เอาแก้วฉานคืนมาเดี๋ยวนี้ ไม่ง้านแม่จะเผาร้านให้สิ้นซากเลยคอยดู”
น้ำเสียงยานคางของเพื่อนฟังแล้วอาชวินอดหัวเราะออกมาไม่ได้ หลังแย่งแก้วมาได้ก็นำไปวางไว้โต๊ะข้างๆ โชคดีที่ยังหัวค่ำอยู่ จึงไม่ค่อยมีใครมาร้านเท่าไร
“น้ำอิง พอได้แล้ว”
“คราย...แกมาแล้วเหรอนิกกี้ ทำมายถึงมาช้านักไอ้เพื่อนเฮงซวย” อิงลดาเงยหน้าสวยกระจ่าง ที่เวลานี้แดงก่ำเพราะฤทธิ์เบียร์ขึ้นต่อว่าเพื่อนสนิท
“อ้าว เดี๋ยวฉันก็ปล่อยให้เมาอยู่ที่นี่คนเดียวซะหรอก”
“ฮือๆ แกไม่ร้ากฉันแล้วหรืออ้ายนิก” คนเมาเริ่มพูดเสียงยานคางมากขึ้น น้ำตาเม็ดโตไหลพรั่งพรูอาบแก้มเนียน
“รักสิ ไม่รักฉันจะแหกขี้หูขี้ตา กระทั่งขับรถฝ่าไฟแดงมาหาแกหรือน้ำอิง”
อาชวินมองเพื่อนสนิทที่ซื่อสัตย์ต่อคนรัก จนไม่เคยชายตามองหรือแยแสผู้ชายคนอื่น ทั้งที่รูปร่างหน้าตาของเจ้าตัวมีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาเข้ามารุมจีบ แต่คนรักเดียวใจเดียวอย่างเพื่อนเขากลับไม่สน
แล้วเป็นไงล่ะ ต้องมานั่งช้ำใจเสียแฟนที่คบกันมาหลายปีให้...ผู้ชายอื่น ก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็น ถ้าเขาเจอตัวต้นเหตุเมื่อไรจะจับมากระชากแล้วต่อยหน้าเสียให้หนำใจเลยทีเดียว อาชวินคิดอย่างโกรธแค้นแทนเพื่อน
“นิก ทำไมแกไม่บอกฉานว่าไอ้แจ๊คมานเป็นเกย์ ปล่อยให้ฉานซื่อสาดกับมันอยู่ได้ตั้งหลายปี” อิงลดาพูดคร่ำครวญ ทั้งน้ำตาก็ยังรินไหลไม่หยุด
“ฉันเคยเตือนแกหลายครั้งแล้วนะน้ำอิง แต่แกไม่ยอมเชื่อฉัน บอกแล้วไงว่าผีย่อมมองผีด้วยกันออก”
อาชวินพูดพลางมองเพื่อนอย่างเห็นอกเห็นใจ จักรพงษ์หรือแจ๊คคบหากับอีกฝ่ายมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ปีหนึ่ง ส่วนเขาแม้จะไม่ได้เรียนที่เดียวกัน แต่ก็รู้จักคุ้นหน้าแฟนเพื่อนคนนี้เป็นอย่างดี ถึงจะไม่สนิทกันนักก็ตาม
อาชวินสงสัยและคอยจับสังเกตพฤติกรรมแปลกๆ ของจักรพงษ์ยามอยู่ลับหลังเพื่อนมาได้สักพัก แต่พูดเตือนสติครั้งใดมักจะได้รับคำตอบเสมอว่า
‘แจ๊คเป็นคนเรียบร้อย ท่าทางเขาก็เลยเป็นแบบนั้นแหละนิก’
“ไอ้บ้า...ไอ้คนเฮงซวย ไอ้คนตอแหล ถ้ามันมีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงฉานจะไม่เสียใจเท่านี้เลย แล้วแฟนใหม่มานยางพาพี่สาวมานมาร่วมเยาะเย้ยฉานด้วย เจ็บใจนัก แกต้องไปตบมานให้ฉานนะนิก ไม่ง้านฉานไม่ยอม”
อิงลดาพร่ำรำพันออกมาด้วยความเจ็บใจแกมผิดหวัง เมื่อถูกจักรพงษ์ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นกัปตันสายการบินชื่อดังมาบอกเลิก เพราะมีแฟนใหม่เป็นสจ๊วดซึ่งทำงานที่เดียวกันนั่นเอง
“น้ำอิง แกน่าจะรู้นะ กัปตันเครื่องบินส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้กันแทบทั้งนั้น ฉันเคยเตือนแกไม่รู้กี่ครั้ง แต่แกก็ยังไปหลงคำพูดจอมปลอมของมันอีก” อาชวินพูดด้วยน้ำเสียงโมโห เขาสืบเสาะจนรู้เรื่องของอีกฝ่ายจากเพื่อนในวงการที่เชื่อถือได้ ทว่ายังไม่ทันบอกเรื่องก็เกิดแดงขึ้นมาเสียก่อน
“มานบอกฉานว่าเราเข้ากานไม่ได้ แต่ก็จริงของมานนะ จะเข้ากานไปได้ยางงายเพราะมานเป็นเกย์” อิงลดาพูดเองเออเองเสร็จสรรพ แสดงว่าสติสัมปชัญญะยังคงมีอยู่ครบถ้วนบริบูรณ์
“แกเลิกนึกถึงมันได้แล้ว รู้เรื่องตอนนี้ดีกว่าไปรู้ทีหลังนะน้ำอิง” อาชวินปลอบเพื่อน แม้จะรู้ว่าคำพูดนี้สะเทือนความรู้สึกคนฟังมากมายเพียงใดก็ตาม เพราะทั้งสองสัญญากันตั้งแต่ยังเรียนปีแรกแล้วว่าเรียนจบเมื่อไรจะแต่งงานกันทันที
“แกคอยดูนะนิก ขอวานนี้อีกวานเดียวเท่าน้านที่จะเสียใจกับเรื่องบ้าๆ นี่ พรุ่งนี้ฉานจะลบภาพมานออกไปให้หมดไปจากสมอง ไอ้คนลวงโลก ไอ้คนเลว ไอ้คนรายำ” อิงลดาผู้ไม่เคยด่าใครนอกจากอาชวินเพียงคนเดียว แต่เวลานี้กลับด่าฉอดๆ จนเพื่อนสนิทยังอดหัวเราะไม่ได้
“มานแอ๊บแมนหลอกฉานมานานเท่าไหร่วะเนี่ย ฉานเคยสงสัยเหมือนกันว่าทามมายมันไม่นึกอยากกอด อยากจูบฉานบ้าง ไอ้เส็งเคร็ง หักอกมันแค่ผิดหวัง แต่หักหลังมันรับไม่ได้จริงๆ เจอมานเมื่อไหร่จะขอตั๊นหน้าหล่อๆ ของมานให้เสียโฉมเลยคอยดู”
อิงลดาระบายความรู้สึกเจ็บช้ำออกมาเป็นคำพูด และสัญญากับตัวเองว่าพรุ่งนี้จะไม่มีวันเสียน้ำตาให้เรื่องนี้อีกเป็นอันขาด