ตอนที่ 5 ความรู้สึก

1818 คำ
“แวะหาอะไรทานมั้ย หรือกลับไปทานที่บ้าน” วัชระถามฟางข้าว หลังจากเลี้ยวรถออกมาพ้นจากรั้วของมหาวิทยาลัย “พี่เฟรมจะเลี้ยงข้าวเหรอคะ” ฟางข้าวถามเขาหน้าทะเล้น “แน่นอนครับคุณหนู” เขาหัวเราะเธอเบาๆ ด้วยความเอ็นดู “ล้อเล่นค่ะ กลับไปทานที่บ้านดีกว่าค่ะ” “รับทราบครับผม งั้นพี่ตรงกลับบ้านเลยนะ” “ค่า” ฟางข้าวตอบรับเขา ในขณะที่กำลังวุ่นวายกับการกดเชื่อมบลูทูธกับรถ ก่อนจะกดเลือกเพลงที่จะฟัง หลังจากที่เลือกเพลงที่ถูกใจได้แล้ว เธอก็เอนหลังพิงเบาะรถ พลางฮัมเพลงเบาๆ ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองการกระทำของเธอสักพัก ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างอารมณ์ดี เขาเองก็รู้สึกว่าตัวเขาไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะอย่างผ่อนคลายแบบนี้มานาน จนบางทีเขาก็รู้สึกว่า รอยยิ้มของเขาอาจจะมีไว้สำหรับเจ้าตัวแสบของเขาเพียงคนเดียว ฟางข้าวนั่งมองข้างทางเพลิน เธอค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทราไป จนวัชระขับรถมาถึงบ้าน เขาถึงได้เรียกให้เธอรู้สึกตัว เธอคว้ากระเป๋าแล้วลงจากรถไป โดยไม่รู้เลยว่า เธอได้ลืมโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้ ซึ่งมันจะก่อปัญหาให้เธอในภายหลัง หลังจากฟางข้าวลงจากรถไป วัชระก็มองสำรวจภายในรถ ว่าได้ลืมอะไรไว้หรือไม่ ก่อนจะเห็นโทรศัพท์ที่ไม่ใช่ของตนเองวางอยู่ที่ข้างประตูฝั่งที่ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวแสบของเขานั่งอยู่ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์และหย่อนลงในกระเป๋ากางเกง ตั้งใจว่าจะเอาไปให้เจ้าของโทรศัพท์ ที่ก่อนหน้านี้ได้ลงจากรถ และเดินสะลึมสะลือเข้าไปภายในบ้าน ก่อนจะปิดล็อกรถแล้วเดินเข้าบ้านไป “ข้าวขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ เดี๋ยวข้าวลงมาค่ะ” ฟางข้าวบอกหัวหน้าแม่บ้าน หลังจากเดินเข้ามาภายในบ้าน และเดินตรงขึ้นบันไดไปโดยไม่ได้แวะห้องนั่งเล่นเหมือนทุกครั้ง “ข้าวล่ะครับป้าตา” พ้นหลังฟางข้าวไป ชายหนุ่มเพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน หันซ้ายหันขวาไม่เห็นฟางข้าว จึงหันไปถามผู้ที่อายุอาวุโสกว่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “ขึ้นไปสักครู่นี่เองค่ะ บอกจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สักพักคงลงมาค่ะ จะให้ป้าจัดโต๊ะอาหารเลยมั้ยคะ” “จัดเลยก็ได้ครับ” วัชระตอบก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้ และเดินไปหย่อนตัวนั่งรอหญิงสาวที่ห้องนั่งเล่น หลังจากนั่งรอเพียงไม่นาน หญิงสาวที่เขากำลังรอก็เดินเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น ก่อนจะดึงแขนเขาให้ลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร ที่บนโต๊ะได้จัดเตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว ทั้งคู่ใช้เวลาไม่นานในการรับประมาณอาหารมื้อนี้ เนื่องจากฟางข้าวต้องรีบไปทำวิทยานิพนธ์ต่อ เพราะใกล้ถึงกำหนดส่งเต็มที เธอจึงไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก ครืด ครืด “สวัสดีครับ” วัชระที่เพิ่งขึ้นมาบนห้องนอน กำลังเตรียมตัวจะเข้าห้องน้ำ หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมารับสาย หลังจากที่มีสายเรียกเข้า ก่อนจะคิดได้ว่า เขาลืมเอาโทรศัพท์ คืนให้ฟางข้าวไป “อ้อ ขอโทษทีครับ เพื่อนข้าวใช่มั้ย รอสักครู่นะครับ” เขาพูดกับปลายสาย หลังจากที่รับโทรศัพท์แล้วปลายสายเงียบไป ก่อนจะเปิดประตูห้องและเดินไปทางฝั่งห้องของฟางข้าว ก๊อก ก๊อก “คะ เปิดเลยค่ะ ข้าวไม่ได้ล็อก” ฟางข้าวเอ่ยบอกผู้ที่มาเคาะประตูห้องของเธอ ก่อนจะก้มหน้าทำวิทยานิพนธ์ต่อ โดยไม่รู้เลยว่า เสียงของเธอ ได้เล็ดลอดเข้าไปในโทรศัพท์ ที่ปลายสายกำลังถือสายรออยู่ “ข้าว” วัชระเปิดประตูเข้าไปภายในห้องส่วนตัวของฟางข้าว หลังจากที่เจ้าของห้องได้อนุญาตแล้ว “อ้าว พี่เฟรม มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเธอ หันไปทักผู้เป็นพี่ ที่เข้ามาในห้องของเธอ “พี่เอาโทรศัพท์มาให้ ข้าวลืมไว้ในรถ พี่เอาลงจากรถว่าจะเอามาให้ก็ลืมเลย” เขาบอกก่อนจะวางโทรศัพท์ให้เธอบนโต๊ะตรงหน้าเธอ “ข้าวลืมสนิทเลยค่ะ” ฟางข้าวเห็นโทรศัพท์ของเธอที่วัชระเอามาวางให้ ก็พลันคิดได้ ว่าเธอลืมเอาไว้จริงๆ “อย่าลืมนักสิ ยังไม่ทันแก่เลยนะ งั้นพี่กลับห้องก่อนนะ ข้าวจะได้ทำงานต่อ” “ขอบคุณนะคะ” เขายิ้มให้ฟางข้าวก่อนจะจับศีรษะเธอโยกเบาๆ และหันหลังเดินออกจากห้องไป ทางด้านปลายสายที่โทรมา หลังจากที่การสนทนาที่เขากำลังฟังอยู่เงียบหายไป เขากำหมัดแน่นจนมือสั่น ก่อนจะกดวางสายไป “วันนี้พี่ไปส่งนะข้าว วันนี้พี่เข้าบริษัทช่วงเช้าพอดี” วัชระที่บังเอิญเปิดประตูห้องออกมาเจอกับฟางข้าว ที่เพิ่งจะปิดประตูห้องพอดี บอกกับฟางข้าวขณะที่เร่งฝีเท้าเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ “รับทราบค่ะ” เธอตอบรับเขา เขาจึงแกล้งผายมือให้เธอเดินนำหน้าไป ฟางข้าวเองก็ทำเป็นเชิดหน้าขึ้น และเดินนำออกไป ก่อนจะหันมาหัวเราะให้กัน ฟางข้าวมาถึงมหาวิทยาลัยก่อนลลัลนาเหมือนดังเช่นปกติของทุกวัน เธอตรงไปนั่งที่โต๊ะ ที่ประจำของเธอกับลลัลนา ก่อนจะเปิดกระเป๋า หยิบหนังสือออกมาเปิดอ่าน หญิงสาวมักจะพกหนังสือเล่มเล็กๆ ติดกระเป๋าของเธอไว้เสมอ ไม่ว่าเธอจะไปไหน เปรียบเสมือนว่าหนังสือเป็นเพื่อนสนิทของเธออีกคนหนึ่ง เวลาที่เธอไม่มีอะไรทำ หรือต้องอยู่คนเดียว เธอก็จะหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน ที่ฟางข้าวชอบอ่านหนังสือ อาจจะเป็นเพราะว่าเธอต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ เวลาที่มารดาของเธอทำงานหนักจนไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ การอยู่บ้านคนเดียวมันเหงามากสำหรับเธอ ฟางข้าวไม่ใช่คนชอบเที่ยว หรือออกไปสังสรรค์เท่าไหร่นัก เธอจึงเลือกที่จะหาหนังสือมาอ่าน จากที่อ่านเพื่อแก้เหงา ก็กลายเป็นอ่านเพราะชอบ จนตอนนี้เธอมีห้องหนังสือส่วนตัวของเธอ หนังสือในห้อง เธอเป็นคนไปเลือกซื้อไปหามาเองทั้งหมด นั่นคงเป็นเหตุผลอีกอย่างหนึ่งว่าทำไมฟางข้าวถึงมีหนังสือติดตัวตลอดเวลา “มาแล้ว” ลลัลนาทักฟางข้าวทันทีที่เธอนั่งลง “แก วันนี้ฉันไปนอนกับแกนะ” ฟางข้าวหันมาบอกลลัลนา “เอาสิ เบื่อๆ อยู่พอดี ทำชาบูกินกัน” “โอเค” “กินชาบูเหรอ ไปด้วยสิ” ระหว่างที่สองสาวกำลังนัดแนะกันอยู่ ณดลได้เข้ามาได้ยินพอดี “ได้สิ หลายๆ คนสนุกดี” ลลัลนาไม่ทันได้คิดอะไร แต่กลับกัน ฟางข้าวหน้าเจื่อนไปชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนจะปรับให้เป็นปกติโดยที่ลลัลนาไม่ทันได้สังเกต หลังเลิกเรียน ฟางข้าว ลลัลนา และ ณดล แวะไปห้างใกล้ๆ เพื่อไปซื้อของมาทำชาบูทานกันที่คอนโดของลลัลนา เมื่อซื้อของเสร็จ ก็พากันมาที่ห้องของลลัลนา ระหว่างที่ช่วยกันจัดเตรียมของ นัทธีก็มาพอดี “ทำอะไรกันอยู่” เขาเข้ามาก็ตรงมาหาลลัลนา หอมแก้มเธอเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากถาม “ทำชาบูทานกันค่ะ พี่นัททานด้วยมั้ยคะ” “หืม ปาร์ตี้เหรอ ทานกันไปเถอะ งั้นวันนี้พี่นอนห้องฝั่งนู้นนะ” “ค่ะ” ลลัลนายิ้มให้เขา เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอ ก่อนจะออกจากห้องของเธอไป “ดีจัง อาจารย์ตามใจแกน่าดู” ฟางข้าวพูดแซวเพื่อนรักสีหน้าหม่นลงเล็กน้อย “ก็ไม่เชิงนะ เขาก็เอาแต่ใจตัวเองนิดๆ เหมือนกันแต่เขาแค่ไม่พูดน่ะ” หลังเตรียมของเสร็จ สองสาวช่วยกันจัดโต๊ะ ส่วนณดลเตรียมเครื่องดื่ม วันนี้มีปาร์ตี้ เลยได้มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นิดหน่อย “แก ฉันยืมเสื้อเปลี่ยนหน่อยนะ” ฟางข้าวชี้เสื้อนักศึกษาของตัวเอง แล้วเดินเข้าห้องนอนลลัลนาไป “ดล เราถามอะไรหน่อยสิ” ลลัลนาเอ่ยปากขึ้น หลังจากที่ฟางข้าวเดินเข้าห้องเธอไปแล้วณดลมองตาม “อะไรเหรอ” “ดลชอบข้าวเหรอ” ณดลชะงัก นิ่งไปสักพัก “เราก็ยังไม่แน่ใจ ว่าแค่ชอบ หรือมากกว่านั้น” “แล้วข้าวรู้มั้ย” “ไม่รู้สิ เราดูไม่ออก” “แล้วเคยบอกข้าวมั้ย” เพียงคำถามเดียว ณดลถึงกับนิ่งอึ้งไป พอดีกับที่ฟางข้าวเปิดประตูออกมา “มีอะไรกันเหรอ ทำไมหน้าเครียดจัง” ฟางข้าวถามเพื่อนพลางมองหน้าลลัลนากับณดล “ไม่มีอะไร ลงมือกันเถอะ หิวละ” ลลัลนาตัดบท และเดินนำไปที่โต๊ะ ฟางข้าวจึงเดินตามไป ระหว่างที่ลงมือทานกัน ฟางข้าว ลลัลนา ณดล ทานกันไปคุยกันไปจนดึก ฟางข้าวที่ดื่มไปเยอะพอสมควรเริ่มมึนๆ พอดีกับที่นัทธีเข้ามาในห้องพอดี ณดลเลยอาสาไปส่งฟางข้าว เพราะไม่อยากรบกวนความเป็นส่วนตัวของนัทธีกับลลัลนา “ข้าว เดินไหวมั้ย” ณดลถามฟางข้าวให้แน่ใจ เพราะหลังจากออกจากลิฟต์ ฟางข้าวเดินไปหยุดไป จนเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าเธอจะเดินไปถึงรถไหม “ไหวๆ แค่มึนๆ” ฟางข้าวบอกเขา ก่อนจะนั่งลงไปที่พื้น “แบบนี้ไม่ใช่แค่มึนแล้วข้าว” ณดลหัวเราะเบาๆ ก่อนจะย่อตัวลงอุ้มฟางข้าวขึ้นมาในอ้อมแขน และเดินตรงไปที่รถ ฟางข้าวดิ้นขลุกขลักเล็กน้อย ณดลวางฟางข้าวที่เบาะข้างคนขับ ปรับเบาะเอนให้เธอ เอื้อมตัวไปคาดเข็มขัดให้และปิดประตูรถ ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นรถ และขับออกไป ฟางข้าวเอง หลังจากที่ณดลอุ้มเธอขึ้น เธอเขินอายจนไม่กล้าสบตาเขา ได้แต่เกร็งตัวปล่อยให้เขาอุ้มเธอมาวางที่เบาะรถ หลังจากณดลขับรถออกจากคอนโด ฟางข้าวก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป ณดลขับรถไปสักพักก็หันมามองคนข้างตัวเขา ทำให้เขาได้เห็นว่า ฟางข้าวได้ปล่อยให้เขาขับรถคนเดียว เพราะตัวเธอเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วนั่นเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม