“ อันเถาวัลย์พันธ์เกี่ยวที่เลี้ยวลด ยังไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน “
พ่อภู่กล่าวเสียงแผ่วสบายอารมณ์ พลางยกคอนโทน้ำขึ้นมากระดกดื่ม ไม่ สะทกสะท้านต่อการถูกคุมขังในกรงเหล็ก ที่มีจอมสลัดเจ้าเล่ห์ยืนปนะจันหน้ากรง
“ เจ้าร่ายกลอนแดกดันข้ากระนั้นฤาอารักษ์ภู่ ? ”
โจรสลัดหนุ่มแย้มยิ้มยั้งเชิง ในมือยังถือพัดจีบของผิงซีเคาะกับซีกกรงเหล็กไป เหลียวมองแม่หญิงที่ถูกโซ่ล่ามอยู่ห่างไปไม่ไกล
“ หาได้แดกดันแต่ประการใด ที่กล่าวไปล้วนเป็นความจริงหมดสิ้น “
พ่อภู่พูดขยายความตามต่อ กวักเรียกจอมสลัดให้คลายตาจากการจ้องมองผิงซี หันมามองพ่อภู่แน่นิ่ง
“ หัวใจคนจะคดเคี้ยวเช่นเถาวัลย์ได้เช่นไร เจ้ากล่าวเหลวไหลเช่นนี้ ยังจะว่าเป็นความจริงอันใด ? “
“ ย่อมต้องจริงแท้อยู่แล้วพ่อเอ๋ย ! …เพียงสมบัติทรัพย์สิน ไหนเลยจะทรงพลังผลักดันให้โจรสลัดทิ้งท้องทะเลมาถึงบางกอกได้ !..ขุมทัพย์ชนิดใดจึงต้องนำไปซุกซ่อนในกลไกแปลกประหลาด ซ้ายังต้องนำไปฝังปกปิดไว้ในวังเจ้าฟ้า !....ที่เจ้าว่าเป็นขุมทรัพย์มหาศาลออกจะล่อลวงไปกระมั้ง ?...หากให้ข้าคาดเดาที่พวกเจ้าเสาแสวงหากัน คือบางสิ่งที่จะบันดาลให้พวกเจ้ามีอำนาจ จนสามารถขึ้นครองแดนดินใช่หรือไม่ ?...”
ถ้อยวาจาของพ่อภู่สกดให้อูซาเรเน่แน่นิ่ง เขม้นมองมันอย่างประหลาดใจ มิคาดว่านัเลงกลอนเมามายจะคาดเดาเหตุการณ์ได้แจ่มแจ้งเช่นนี้
แม้แต่ผิงซียังรู้สึกตื่นตกใจ ที่พ่อภู่รู้เหตุความนัยที่พวกนางวางแผนมาแรมปี ถึงกระนั้นนางยังสอดสายตาไปรอบๆ หาทางรอดจากสถานการณ์ที่บีบรัด
“ ภาษาสยามมีอยู่คำหนึ่งว่า ‘ สู่รู้ ‘ !...เจ้าจัดเป็นผู้สู่รู้เดาสุ่มยิ่ง โลกนี้จะมีของวิเศษที่ทำให้คนกลายเป็นราชาได้อย่างไร มีแต่นิทานหลอกลวงทารกกระมั้ง ! “
อูซาเรเน่กล่าวแก้เก้อ ทั้งที่สายตายังจับจ้องมองกระถางแปดมังกรไม่วางตา
“ เจ้านี่สมเป็นจอมโจรโดยแท้พ่ออุศเรน หากไม่จับคาหนังคาเขา เจ้าคงไม่รับใช่หรือไม่ ? ”
“ หมายความว่าเจ้ามีหลักฐานมายืนยันสิ่งที่เจ้าพูออย่างรั้นฤา ? ”
อูซาเรเน่เน้นเสียงเฉียบคม คิดจะทะลวงแทงเข้าไปถึงใจมันเสียให้ได้
ทว่าพ่อภู่ยังวางท่าสบายอารมณ์ หยิบขนมปังส่งเข้าปากไป กล่าววาจาไป โดยไร้ทุกข์กังวลใด
“ หลักฐานมีทนโท่อยู่ตรงบันทึกปูมเรือที่เข้าสู่บางกอกนั่นประไร …หกเดือนก่อนสำเภาฝรั่งเศสจากเมืองเหวียดห้าลำพาเจ้ามาส่งยังบางกอกใช่ฤาไม่ ?...กองทัพฝรั่งเศสเคยช่วย ‘ จ้าวอนัมก๊ก ‘ ยึดไซง่อน สถาปนาราชวงศ์เหงียนขึ้นเมื่อหกปีก่อน … โดยคนอุษาคเนย์อย่างพวกเราไม่เคย เฉลียวใจเลยว่านั้นคือจุดแรกของลัทธิล่าอณานิคม ”
พอคำว่าล่าอณานิคมหลุดออกจากปากพ่อภู่ ผิงซีพลันสะดุ้งเฮือก รู้สึกว่ายุคแห่งสงครามกำลังก่อตัวโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“ อารักษ์ทุกผู้คนล้วนล่วงรู้ในสัญญาของเมืองอังกฤษกับเมืองฝรั่งเศส ที่แบ่งปันการเดินเรือขยายอำนาจ บริษัทอิสอินเดียของอังกฤษครอบครองน่านสมุทรอันดามัน ยึดครองทั้งอินเดียทั้งศรีลังเบนหน้ามายังพม่า ซึ่งคงมีผลต่อการปล้นสดมของเจ้ามิใช่น้อย เลยใช่มั้ยพ่อเอ๋ย “
พ่อภู่หันมาถามอูซาเรเน่คล้ายหยั่งเชิง ซึ่งจอมสลัดเพียงยักไหล่เลิกคิ่ว ไม่ปฏิเสธและยอมรับแต่อย่างใด
“ ท่านมิสู้ข้ามมาอีกฝั่งคาบสมุทร ที่ฝรั่งเศสเริ่มแผ่อำนาจมาในทะเลอินโดจีน ยินยอมร่วมมือกับกองทัพบ้านเกิด กระทำการใหญ่ลบล้างความผิด อาจมุ่งมาดยึดดินแดนสยามไว้ครอบครองกระมั้ง “
เพียงสิ้นวาจาพ่อภู่ไปอึดใจ กลับบังเกิดเสียงกระแอมไออยู่หลังประตูห้องในทันใด หนำซ้ำยังบังเกิดแรงเปิดประตูมาพร้อมกลุ่มบริวาณห้า- หกนาย เดินเท้าเข้ามาโดยไว
โดยด้านหน้าสุดมีชายสูงวัยร่างท่วมผิวคล้ำ ศรีษะล้านเลี่ยนดั่งหัวนกแร้ง ดวงตามันเหลือกโปนมองมาหาพ่อภู่ด้วยอารมณ์หงุดหงิดโดยไม่อาจปกปิด ในมือชายอ้วนยังถือไม้เท้ายันพื้น เดินกระแทกพึ้นเข้ามาราวพายุโทสะโหมกระพือใส่
“ ไอ้โจรฝรั่ง !...จะปล่อยให้มันพูดพร่ำไปใย รีบนำตัวมันออกมา หากมันไม่ยอมแก้กลเปิดรหัส ข้าจะทุบกระดูกมันให้แหลกละเอียดทั้งตัว “
เสียงสั่งกัมปนาทคำรามลั่นสะท้านสะเทือนห้อง บันดาลให้เหล่าชายฉกรรจ์ที่ด้านหลังวิ่งเข้าไปไขกุญแจเปิดกรง แล้วลากตัวพ่อภู่ออกไปกระแทกนั่งกองไว้เบื้องหน้าผู้ออกคำสั่ง
“ ช้าก่อนเถิดท่านพระยา หากกระดูกกระเดี้ยมันแหลกลาญสิ้น จะไม่เกิดประโยชน์อันใดดอกหนา ! ”
อูซาเรเน่รีบก้าวเข้ามาห้ามปราม คล้ายจะรู้สึกห่วงใยพ่อภู่ขึ้นมาอยู่ครามครัน
“ อืม !...ถ้าเช่นนั้นทุบขามันให้หักสักข้างเป็นไร ? “
พระยาร่างอ้วนกระทุ้งไม้เท้าลงพื้น รู้สึกสาสมใจที่จะได้หักขาใครสักคนให้พิการตกตามมัน
โดยชายฉกรรจ์ที่จับตัวพ่อภู่ต่างช่วยกันยื้อยุดมันให้นอนคว่ำ อีกคนเตรียมฆ้อนไม้ขนาดเขื่องไว้ในอุ้งมือ
“ ช้าก่อน !..ช้าก่อน !...มันเป็นเพียงอารักษ์อ่อนแอ ซ้ำยังดื่มสุราอยู่เป็นนิจ หากแข้งขาหัก อาจใจเสาะถึงตายได้ !...แล้วจะมีใครแก้กลเปิดรหัสให้เราเล่า ? “
อูซาเรเน่ยังร้องทัดทาน พลางวิ่งเข้าไปจับฆ้อนของชายกำยำ จนมันต้องหันไปมองพระยาร่างอ้วนด้วยแววตาตั้งคำถาม
โดยท่านพระยายังไม่ทันได้ออกคำสั่งใด เสียงแทรกของพ่อภู่พลันกระจายเข้ามาเกลื่อนอากาศ
“ พระยาไทรบุรี !...ท่านคือพระยาไทรบุรีแน่แท้แล้ว…ฮ่า ฮ่า ฮ่า …ข้าเข้าใจแล้ว เข้าใจสิ้นแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า …”
เสียงหัวร่อเย้ยหยันกระตุ้นให้พระยาร่างอ้วนมีสีหน้าดุดันแดงกร่ำกว่าเก่า
“ เจ้าเข้าใจอันใด ไอ้อารักษ์สารเลว ! “
เหมือนพระยาร่างอ้วนจะตกหลุมพรางพ่อภู่เข้าให้ จึงยกไม้เท้าห้ามปรามไม่ให้บ่าวทุบกระดูกมันแหลกเหลวในชั่วอึดใจ
“ ย่อมต้องเข้าใจอยู่แล้วท่านพระยา ….ท่านระบือลือนามมาตั้งแต่ข้ายังไม่เกิดด้วยซ้ำ !....ชื่อของท่านถูกจาลึกไว้ว่าคือผู้ที่ทำให้สยามสูญเสียดินแดนเป็นคราแรก ผู้ใดจะจดจำท่านไม่ได้เล่า ? ”
ถ้อยคำไหลรื่นของพ่อภู่ทำให้พระยาร่างอ้วนกระเพื่อมไหวไปทั้งกาย พุงใหญ่โตสั่นระรอกขึ้นลงด้วยโทสะ ใบหน้าบูดเบี้ยวมองมันดั่งจะกินเลือดกินเนื้อ
ถึงกระนั้นพ่อภู่ยังคงเอ่ยวาจาตามต่อไม่หยุดหย่อน
“ เมื่อยี่สิบสองปีก่อนท่านสมรู้ร่วมคิดกับกับกัปปิตัน ฟรานซิส ไรท์ ยอมเซ็นสัญญาให้อังกฤษเช่าเกาะหมาก ( ปีนัง ) ซึ่งท่านก็เสียทีมันมิใช่ฤา ?...เพราะอังกฤษได้เช่าผูกขาด กลายเป็นอณานิคมของอณาจักรบริเตนไปในที่สุด…ถึงจะมีกลุ่มคนบางจำพวกสรรเสริฐ ว่าท่านจงรักภักดีต่อพระจ้ากรุงธน ฯ คิดให้พวกอังกฤษช่วยหนุ่นหลังทายาทให้ได้ครอบครองแผ่นดิน แต่ความเป็นจริงคือท่านถูกหลอกลวงให้กลายเป็นกบฏไร้แผ่นดินอยู่ ไม่อาจอยู่ทั้งเกาะหมาก จะกลับมาสยามยังต้องหลบๆซ่อนๆมิใช่ฤา “
“ ไอ้อารักษ์ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้ากล้าดีอย่างไรมาพิพากษ์ข้า ! “
พระยาไทรบุรีคำรามลั่น ไม้เท้าในมือกระแทกพื้นดังสนั่น เหงื่อกาฬไหลโทรมกาย ใบหน้าอ้วนฉุเกร็งกระตุก แสดงความเจ็บปวดอึดอัดอย่างไม่อาจปกปิด
“ ที่ท่านมากับพวกฝรั่งเศสนั้นก็แจ้งชัดอยู่แล้ว ว่าท่านย้ายฝักย้ายฝ่ายอีกครา เจ้าพวกฝรั่งเศสที่แผ่อำนาจมาทางทะเลจีน ได้ญวนเป็นพวก รุกคืบเข้าเขมรเข้าลาว หากได้อ่าวสยามไปก็เกรียงไกรพอๆกับพวกอังกฤษแล้วกระมั้ง ….ท่านนี่หนาช่างไม่รู้เจ็บรู้จำเสียเลย ชะตาของคนหลายจ้าว บ่าวหลายนาย เหมือนเป็นลิโป้ลูกสามพ่อ บั้นปลายจบลงไม่งามดอกหนาท่านพระยา ! “
“ ไอ้อารักษ์ชั่วชะ ..ชะ..โอ๊ะ !..โอ๊ะ !...”
ท่านพระยาแผดเสียงค้าง ตะกุกตะกักคำรุนแรง เมื่อเกิดอาการเจ็บแปลบเสียดที่ใจ จนต้องยกมือขึ้นกุมอกซ้าย รู้สึกปวดแน่นหนักหน่วง กระตุกกายสั่นสะท้านแทบล้มทั้งยืน
บันดาลให้เหล่าชายฉกรรจ์ที่ติดตาม ต้องช่วยกันเข้าประคอง พยุงร่างอ้วนใหญ่ค่อยขยับเดิน
“ รีบพาท่านพระยาไปหา ‘บาทหลวงกูร์เดย์ ‘ โดยไว ! ”
อูซาเรเน่ร้องเตือนสติด้วยพลัน จนพวกชายฉกรรจ์พากันประคองท่านพระยาอย่างทุลักทุเล ส่วนพ่อภู่ถูกบ่าวกำยำสองนายพากลับเข้ากรงเหล็ก โดยไม่ทันได้ขัดขืนสักนิด
“ ไอ้ ไอ้ อารักษ์ สา ระ เลว … อ๊าก !...อ๊าก !.. “
เสียงพระยาร่างอ้วนแผดระส่ำไม่เป็นคำ ทั้งที่กำลังถูกพาออกจากห้องไปไกล
ปล่อยทิ้งให้อูซาเรเน่เกาหัวแก๊กกาก พลางเดินตรงไปยังผืงซี แล้ววางพัดจีบของนางไว้บนสำรับอาหาร คืนทรัพย์สินสู่เจ้าของเดิม ซ้ำยังมองนางตาเชื่อม โปรยยิ้มหวานหว่านเสน่ห์
“ แม่ทัพจิวยี่กำลังจะกะอักเลือดตายอยู่แล้วหนา เจ้ายังจะมาก้อล่อก้อติกแม่หญิงอยู่อีกฤา ? “
พ่อภู่รีบร้อนกล่าวเรียกร้องความสนใจ ก่อนอูซาเรเน่จะเข้าใกล้แม่หญิงในดวงใจมันมากไปกว่านี้
“ ชะ ช่า !...พ่อชายชาวสยามนี่ช่างหึงหวงเสียจริง !...”
จอมสลัดกล่าวแย้มยิ้มอย่างรู้ทัน ขณะเปิดหมวกน้อมศรีษะให้ผิงซี แล้วค่อยเดินเชื่องช้าไปทางประตูทางออก
โดยพ่อภู่ยังไม่วายกู่ร้องไล่หลังตามติดไป…
“ อย่าหลงลืมเหล้าองุ่นข้าเสียเล่า พ่อสลัดอุศเรน !...”
ดวงตาจอมสลัดลุกโชน ยกยิ้มเจ้าเล่ห์แสนกล พลางเอื้อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแฝงเร้นลึกลับมิใช่น้อย
“ อา - เบียง -โต เมอซิเออ ภู่ !...( เจอกันอีกในไม่ช้านี่แน่พ่อภู่ )...