พ่อภู่กล่าวพลางเดินเข้าไปพินิจตารางอักษรด้านบนหน้าตัดไข่มังกร ครุ่นคิดพลางกระดกดื่มสุราไปพลาง
ทั่วบริเวณเงียบงัน ดั่งว่าไม่มีใครกล้าแพร่งพรายส่งเสียงรบกวนพ่อภู่ให้ระคาย … มีเพียงกลิ่นลูกจันละเหยหอมแทรกแซงมาในอากาศเท่านั้น
กระทั้งผ่านไปเนินนาน แม่หญิงจันจีนที่อดรนทนไม่ไหว จึงเขยิบเข้ามาใกล้พี่สาว กล่าวไปอย่างหงุดหงิดรำคาญใจ
“ พี่ซีไว้ใจมันได้ฤา หากปล่อยให้เนินช้าไป เหล่านายตระเวนจะกลับจากพระราชพิธีจองเปรียงเสียก่อนกระมั้ง ? “
แม่หญิงจันจีนกระซิบกระซาบถามพี่สาว สีหน้ายังคงขุ่นเคืองไม่วายเว้น เมื่อปรายตาเห็นความไม่รู้ทุกข์รู้ร้อนของชายมึนเมาเข้าเต็มตา
แตกต่างจากสีหน้ารวยรื่นของผิงซี ที่เบิกตามองพ่อภู่ด้วยแววตาหฤหรรษ์มิใช่น้อย
“ หากแก้กลได้ง่ายดาย เหล่าปราชญ์นักประดิษฐ์ของเราคงไขปริศนาได้ตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อนแล้ว คงไม่ต้องเปล่าเปลืองเรี่ยวแรงจับนักเลงกลอนผู้นี้มาดอก ”
“ น้องว่าเปลืองเวลาสูญเปล่าเสียแล้วกระมั้ง ! ”
แม่หญิงจันจีนย่นจมูกมองรังเกียจ สวนทางกับประกายตาวับวาวของพ่อภู่ ที่ส่องต้องมายังทั้งสองนาง ด้วยรอยยิ้มแผ่วบาง
“ ยี่สิบปียังนับว่าเป็นเพลาน้อยนิดยิ่งนัก หากพี่มิใช่คนคลุกคลีกับคนต่างชาติต่างภาษามานาน คงแก้กลภาษานี้ไม่ได้เช่นกัน ”
“ หือ !...นี่เจ้าแก้กลเปิดรหัสได้จริงๆฤา ? ”
ผิงซีโพลงถามเสียงดัง พร้อมทั้งเร่งฝีเท้าเข้าใกล้มันด้วยความสนอกสนใจ
“ แก้ได้หรือเปล่าไม่ประจักษ์นัก พี่รู้เพียงอักษรที่สลักบนตารางเหลี่ยมดั่งเกมกระดานของพวกฝารั่ง เป็นภาษาบาลีที่สามารถออกเสียงเป็นคำแบบชาวสยามได้ ซึ่งคำเหล่านั้นสามารถเรียงเป็นกลบท อย่างที่กวีชาวอยุธยาเคยประลองเล่นกัน “
“ กลบทอย่างนั้นฤา ? “
ผิงซีเบิกตากว้าง ทวนคำชายหนุ่มซ้ำด้วยความตื่นเต้นระคลใจ
พ่อภู่ยักคิ้วทะเล้น พร้อมผุดร้อยยิ้มภาคภูมิใจก่อนจะนั่งคุกเข่าข้างๆไข่มังกรทองเหลือง พลางเอ่ยด้วยเสียงใส่กระจ่างดั่งนกขุนทองกู่หาคู่
“ กลบทมีหลายประเภท ใช้กลอักษรเสียงซ้ำบ้าง ใช้อักษรเรียงไปตามทิศทางที่กำหนดเรียกกลแบบ เหมือนเป็นการเดินตามแผนที่ จึงจะอ่านได้ใจความของกวี ”
“ แผนที่หาขุมทรัพย์อย่างนั้นฤา ? “
แม่หญิงจันจีนร้องขึ้นอีกคน พลางเข้ามาสมทบจ้องมองด้วยอารมณ์ตื่นเต้นกว่าคราใด
ทว่าพ่อภู่หาได้เหลือบมองทั้งสองนางแม้แต่น้อย มันยังจับจ้องมองตารางอักษรไม่วางตา
“ อักษรที่สลักมีหลากหลายนัก แต่ถ้าจะใช้ตำแหน่งของการอ่าน ‘ กลโคลงดาวล้อมเดือน ’ เรียงอ่านที่ละตัวจะได้ใจความว่า… ”
พ่อภู่กล่าวพลางกดนิ้วลงไปในตารางช่องหนึ่ง ช่องนั้นพลันถูกกดลึกลงไปครึ่งนิ้ว กดช่องหนึ่งก็ออกเสียงอ่านหนึ่งคำ กดเรียงตามทิศทางกลบทดาวล้อมเดือนครบทั้งสี่ทิศ จนอ่านได้ใจความว่า
…” ผลบุญบุญเกื้อกอบ ยศศักดิ์
. ผลบาปบาปชวนชัก ชั่วให้
ผลสัตย์สัตย์ประจักษ์ คุณแน่ นาพ่อ
ผลเท็จเท็จโทษได้ เที่ยงแท้ แก่ตน ”...
พอกดถึงตัวสุดท้ายครบถ้วน แท่นแผ่นเรียบกลับหมุนวนเชื่องช้า แล้วเปิดแยกออกเป็นสี่ทาง เผยให้เห็นแผ่นทองคำอันถูกสลักเป็นแผนที่เดินเส้นสีแดงสด
“ คุณพระช่วย !...แผนที่ขุมทรัพย์พระสุรีย์ !...”
ผิงซีร้องร่ำเสียงหลง สีหน้าแตกตื่นยินดี นัยน์ตาเรืองโรจน์สะท้อนกับแสงวับวาวบนฟ้า ที่ระเบิดสว่างไสวจากดอกไม้ไฟหลากสี ที่กำลังเฉลิมฉลองเทศการลอยโคม…
…แสงไฟพราวพรายในห้วงนภา งามตระการตาราวเทพธิดานางฟ้าประสิทธิประสาท
พลุไฟสว่างวาบสะท้อนใบหน้าพ่อภู่ จนมีหลายสีสลับเปลี่ยนดั่งภาพฝัน
ดอกไม้ไฟระเบิดดัง ปัง ปัง ปัง !...ยังไม่ทำให้ใจผิงซีตื่นตระหนก เท่าแผนที่แผ่นทองที่อยู่เบื้องหน้า
มือสั่นเทาของนางเอื้อมช้าๆตรงไปหาแผ่นทองด้วยใจระทึก
แต่แล้วหญิงสาวกลับต้องรีบชักมือมากำพัดจีบของนางแน่น เมื่อปรากฏนายตระเวนหลายสิบนายกำดาบถาโถมเข้ามาล้อมรอบผู้คนทั้งหมดไว้
“ ชิชะ !...แม่หญิงจันจีนเจ้าชักศึกเข้าบ้านกระนั้นฤา ?...รีบบอกให้พวกเจ้าวางอาวุธมอบตัวบัดเดี๋ยวนี้ ! “
หัวหน้านายตระเวนไว้หนวดหนาโง้งดั่งเขาควาย เรียกรัองตระโกนดุดัน ในมือมีดาบทรงใบข้าวคมกริบชักตรงข่มขู่มา
ทันทีนั้นเหล่าชายกำยาชาวจีนต่างกระโดดขึ้นตั้งท่าเตรียมต่อกร โดยคนสนิทร่างใหญ่กระโดดเข้าเผชิญหน้ากับนายกองโดยไม่ครั่นคร้าม
ส่วนคนสนิทร่างผอมสูงผิวเหลืองซีด ได้กระโดดเข้าดึงไม้คานที้หาบหีบเหล็ก มาควงหมุนดั่งกงจักรหมายโรมรัน
เลวร้ายที่สุดเห็นจะเป็นพ่อภู่ที่มึนเมาไม่ได้สติ กลับถูกบ่าวกำยำชนจนเซถลาไปชนกับกระถางแปดมังกร
ทันทีที่มือพ่อภู่แตะสัมผัสผิวโลหะทรงกลม แท่นพื้นที่เปิดอ้าพลันปิดลงดั่งเดิม แต่พอพ่อภู่จะชักมือออก หัวมังกรทองเหลืองสองหัวที่ใกล้มือมัน ได้ยืดยาวออกมาเป็นสายโลหะทองเหลือง ตรงเข้าม้วนตวัดใส่ข้อมือชายหนุ่ม กลายเป็นสายโซ่ทองเหลืองพันธนาการมันไว้กับกระถางแปดมังกรไว้แน่น
“ โอ้ว !..นี่มันอันใดกัน ! “
พ่อภู่ตะเบ้งเสียงตื่นตระหนกตกใจ ชักพาให้สถานการณ์เพิ่มความตึงเครียดมากว่าเก่า จนผิงซีต้องก้มลงไปจับไหล่ห้ามปราม ไม่ให้มันร้องแรกแหกกระเจิงเกินไป
“ เจ้าทัดหูดอกพู่ระหงมาเพื่อแพร้อมตายมิใช่ฤา !...จะหวาดกลัวไปใยเล่า ! “
ผิงซีกล่าวเคร่งเครียด พลางกดไหล่ให้มันนั่งนิ่งๆ ส่วนในมือนางคลี่พัดจีบสีเงินยวงเผยให้เห็นลายผีเสื้อปักจากไพรินสีน้ำเงินสดใส ดั่งตระเตรียมเข้าหาศึกสงคราม
แต่แล้วแม่หญิงจันจีนในคราบของคหบดีหล่อเหลา ได้รุดหน้าเข้ามายืนเคียงข้างคนสนิทร่างยักษ์ เผชิญหน้ากับนายกองตระเวนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ นายกองชมพวกเราคนกันเองทั้งนั้น ใยต้องใช้กำลังหักหาญกันเล่า ? “
ความพยายามไกร่เกรี่ยของแม่หญิงจันจีน เหมือนจะไม่เป็นผลใดกับนายกองหนวดโง้ง มันยังคงกระชับดาบ นัยน์ตาลุกโพลงเดือดดาล
“ เจ้าอย่ามาโยกโย้เฉไฉ ค่ำมืดดึกดื่นปานนี้ ใยพาคนมาล้วงล้ำเขตพระราชฐาน มีเจตนาเลวร้ายอันใด ? “
เสียงตวาดเลื่อนลั่นของมัน สอดผสานไปกับเสียงระเบิดของดอกไม้ไฟในราตรี แสงจากเปลวระเบิดสีแดงสดกลางฟ้า สาดซัดจับใบหน้านายกองให้ดูน่ากลัวขึงขัง ดั่งมัจจุราชจากโลกันต์
แรงระเบิดบนฟ้าประทุขึ้นอีกสามครั้งครา จนสนั่นอึงอลไปทั่ว
ตราบเมื่อสะเก็ดพลุได้ล่วงพราวลงจากฟ้า ทุกสายตาพลันต้องตะลึงตาค้าง มองตรงไปยังนายกองหนวดโง้งที่กระเด็ดร่วง ตามพลุไฟลงไปกระแทกพื้นดัง..โครม !
ตรงหน้าผากนายกองกลับปรากฏรูกระสุนปืนยิงทะลวง จนเลือดทะลักไหลเป็นสาย สร้างความสยดสยองพองขนขึ้นมาในบัดดล
“ นายกองชม !...”
เหล่านายตระเวนหนุ่มส่งเสียงเรียกระงม ไปกับความรวดเร็วของรูปเงาแห่งความอลหม่าน ที่โจนเข้ามาราวภูตพรายหมายชีวิต
เพียงอึดใจพลันปรากฏกลุ่มชายชุดดำปิดบังหน้าตา วิ่งเข้ามาใช้ปืนคาบศิลาสั้นยิงใส่ผู้คนไม่เลือกหน้า
ปัง !...ปัง !...ปัง !...
ปืนไฟระเบิดก้องไปกับร่างนายตระเวน7-8นายล้มขมำลงกับพื้น เกิดเป็นเสียงร้องระงม
พอชายชุดดำสิบกว่าคนที่รัวปืนยิง หมดสิ้นกระสุน ก็ชักดาบที่หว่างเอว พุ่งตรงเข้าใส่พวกของผิงซีในทันใด
“ คุณหนูระวัง ! “
คนสนิทร่างผอมตะโกนเตือนด้วยความห่วงใย พลางควงไม้พลองเข้าปัดป่ายดาบของเหล่าชายชุดดำที่ถาโถมมา
เช่นเดียวกับคนสนิทร่างยักษ์ที่กำหมัดแน่น ตรงเข้าปะทะกับมือดาบชุดดำโดยไม่ครั่นคร้ามใด
ผิงซีตรงเข้าคว้าข้อมือน้องสาวที่ตัวสั่นเทา ให้เลี่ยงหลบดาบที่ฟาดฟันใส่ ส่วนอีกมือของผิงซีกำพัดจีบปัดป่ายดาบไม่ให้กร่ำกราย
จะอย่างไรผิงซีผาดโผนในแดนดินกว้างใหญ่มาตั้งแต่สิบขวบ การต่อสู้โรมรันหาใช่เรื่องแปลกใหม่เกินรับมือ ยังไม่นับที่นางได้รับการถ่ายทอดเชิงมวยมาจากอาจารย์สายพรตอันเลื่องลือ ท่วงท่าต้านรับต่อกรจึงแคล้วคล่องเพลิดแพร้วยิ่ง
เพียงไม้กี่กระบวนท่าที่เคลื่อนขยับหยั่งเชิงดาบ ผิงซีจึงเห็นช่องว่างรอยโหว่อยู่หลายจุดในกายคู่มือ ยิ่งเห็นว่าดาบที่มันใช้เป็นดาบสองคมเรียวบาง มีโกร่งโค้งตรงด้ามดาบ ลักษณะเป็นดาบฝารั่งมั่งค่าโดยไม่ต้องสงสัย
“ พวกมันเป็นฝารั่งดั้งขอ อย่าได้พัวพันกับดาบมัน ให้จู่โจมท่อนล่างช่วงขาโดยไว้ ! “
ผิงซีตะโกนเตือนพวกพ้อง พลางพวยพุ่งเข้าหาชายชุดดำ ทั้งที่ในมือนางมีเพียงพัดจีบจับกวัดแกว่งต่างอาวุธ บันดาลให้ชายชุดดำแตกตื่นตะลึงงัน
มิคาดว่าแม่หญิงชาววังผู้สวมสไบอ่อนหวาน จะห้าวหาญถึงเพียงนี้…
ขายชุดดำลังเลกับการฟาดฟันเพียงครู่ ก็ต้องถูกด้ามพัดเงินพุ่งเข้าใส่ที่คอหอย จนมันปวดระบมสำรักไอด้วยความอึดอัด
หากความเจ็บปวดของมันหาได้สงบลงง่ายดาย เพราะผิงซียังใช้มืออีกข้างออกด้วยวิชาคว้าจับ ตะปบเข้าที่ข้อมือมันแล้วบิดสะบัดจนข้อมือมันหัก ปล่อยดาบเรียวบางให้ร่วงหลุด ซ้ำผิงซียังพลิกข้อศอกกระแทกท้อง แล้วหมุนตัวปล่อยหมัดตรงเข้ากระแทกหน้าอก ผลักส่งร่างชายชุดดำปลิวกระเด็นไป
ชั่วอึดใจผิงซีก้มหยิบดาบมากุมไว้ในมือ แล้วเผ่นโผนตวัดดาบเข้าช่วยเหลือพวกพ้อง
แต่แล้วการรุกไล่อันดุเดือด กลับต้องชะงักหันสายตามองไปยังพ่อภู่ เมื่อได้ยินเสียงร้องโวกเวกไม่เป็นศัพย์
“ โอ้ย !.. โอ้ย !..นี่พวกเจ้าจะทำอันใดกัน ! “...
พ่อภู่ร้องลั่น ขณะสองชายชุดดำยื้อยุดฉุดกระชากกระถางแปดมังกรไปมา แต่ด้วยท่อนแขนของพ่อภู่ที่ถูกโซ่ทองเหลืองล่ามติดไว้ถึงสองเส้น จึงมีสภาพทุลักทุเล ยื้อยุดกันชุลมุน
กระทั้งหนึ่งในชายชุดดำที่ขุ่นเคืองเต็มประดา ได้เงื้อง่าดาบหมายฟันแขนพ่อภู่ให้ขาดกระเด็นในดาบเดียว
“ พ่อภู่ ร ะ วั ง !...”
มิคาดว่าคู่ฝาดจะกู่ร้องประสานเสียงเป็นคำเดียว จนทั้งคู่ต้องหันมามองหน้ากันด้วยความสนเท่ …
แต่แล้วความห่วงใยทำให้ทั้งสองนางหันมามองพ่อภู่เป็นตาเดียว
“ แ ก๊ ก ! ! !...”
ดาบที่หมายสะบั่นแขนพ่อภู่ กลับถูกดาบอีกเล่มกั้นขวาง จนเกิดเสียงสะท้าน
“ หากฆ่ามันทิ้งแล้ว จะมีผู้ใดแก้กระดานกลให้เราเล่า ? “
ชายชุดดำอีกผู้ยืนขวางดาบ กล่าวราบเรียบ แต่ทำให้ทั้งสองชายชุดดำลดดาบ ควบคุมท่าทีในบัดดล
“ พวกเจ้าต้องแบกมันไปกับกระถางโดยพร้อมกัน ! “...
ไม่ทันขาดคำ ด้ามดาบในมือผู้สั่งการพลันกระแทกเข้าที่ท้ายทอยพ่อภู่ จนร่างกวีผีสุราร่วงฟุบ สิ้นสติไม่สมประดีในพริบตา…