กลบท กับดอกไม้ไฟ

1959 คำ
พ่อภู่กล่าวพลางเดินเข้าไปพินิจตารางอักษรด้านบนหน้าตัดไข่มังกร ครุ่นคิดพลางกระดกดื่มสุราไปพลาง ทั่วบริเวณเงียบงัน ดั่งว่าไม่มีใครกล้าแพร่งพรายส่งเสียงรบกวนพ่อภู่ให้ระคาย … มีเพียงกลิ่นลูกจันละเหยหอมแทรกแซงมาในอากาศเท่านั้น กระทั้งผ่านไปเนินนาน แม่หญิงจันจีนที่อดรนทนไม่ไหว จึงเขยิบเข้ามาใกล้พี่สาว กล่าวไปอย่างหงุดหงิดรำคาญใจ “ พี่ซีไว้ใจมันได้ฤา หากปล่อยให้เนินช้าไป เหล่านายตระเวนจะกลับจากพระราชพิธีจองเปรียงเสียก่อนกระมั้ง ? “ แม่หญิงจันจีนกระซิบกระซาบถามพี่สาว สีหน้ายังคงขุ่นเคืองไม่วายเว้น เมื่อปรายตาเห็นความไม่รู้ทุกข์รู้ร้อนของชายมึนเมาเข้าเต็มตา แตกต่างจากสีหน้ารวยรื่นของผิงซี ที่เบิกตามองพ่อภู่ด้วยแววตาหฤหรรษ์มิใช่น้อย “ หากแก้กลได้ง่ายดาย เหล่าปราชญ์นักประดิษฐ์ของเราคงไขปริศนาได้ตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อนแล้ว คงไม่ต้องเปล่าเปลืองเรี่ยวแรงจับนักเลงกลอนผู้นี้มาดอก ” “ น้องว่าเปลืองเวลาสูญเปล่าเสียแล้วกระมั้ง ! ” แม่หญิงจันจีนย่นจมูกมองรังเกียจ สวนทางกับประกายตาวับวาวของพ่อภู่ ที่ส่องต้องมายังทั้งสองนาง ด้วยรอยยิ้มแผ่วบาง “ ยี่สิบปียังนับว่าเป็นเพลาน้อยนิดยิ่งนัก หากพี่มิใช่คนคลุกคลีกับคนต่างชาติต่างภาษามานาน คงแก้กลภาษานี้ไม่ได้เช่นกัน ” “ หือ !...นี่เจ้าแก้กลเปิดรหัสได้จริงๆฤา ? ” ผิงซีโพลงถามเสียงดัง พร้อมทั้งเร่งฝีเท้าเข้าใกล้มันด้วยความสนอกสนใจ “ แก้ได้หรือเปล่าไม่ประจักษ์นัก พี่รู้เพียงอักษรที่สลักบนตารางเหลี่ยมดั่งเกมกระดานของพวกฝารั่ง เป็นภาษาบาลีที่สามารถออกเสียงเป็นคำแบบชาวสยามได้ ซึ่งคำเหล่านั้นสามารถเรียงเป็นกลบท อย่างที่กวีชาวอยุธยาเคยประลองเล่นกัน “ “ กลบทอย่างนั้นฤา ? “ ผิงซีเบิกตากว้าง ทวนคำชายหนุ่มซ้ำด้วยความตื่นเต้นระคลใจ พ่อภู่ยักคิ้วทะเล้น พร้อมผุดร้อยยิ้มภาคภูมิใจก่อนจะนั่งคุกเข่าข้างๆไข่มังกรทองเหลือง พลางเอ่ยด้วยเสียงใส่กระจ่างดั่งนกขุนทองกู่หาคู่ “ กลบทมีหลายประเภท ใช้กลอักษรเสียงซ้ำบ้าง ใช้อักษรเรียงไปตามทิศทางที่กำหนดเรียกกลแบบ เหมือนเป็นการเดินตามแผนที่ จึงจะอ่านได้ใจความของกวี ” “ แผนที่หาขุมทรัพย์อย่างนั้นฤา ? “ แม่หญิงจันจีนร้องขึ้นอีกคน พลางเข้ามาสมทบจ้องมองด้วยอารมณ์ตื่นเต้นกว่าคราใด ทว่าพ่อภู่หาได้เหลือบมองทั้งสองนางแม้แต่น้อย มันยังจับจ้องมองตารางอักษรไม่วางตา “ อักษรที่สลักมีหลากหลายนัก แต่ถ้าจะใช้ตำแหน่งของการอ่าน ‘ กลโคลงดาวล้อมเดือน ’ เรียงอ่านที่ละตัวจะได้ใจความว่า… ” พ่อภู่กล่าวพลางกดนิ้วลงไปในตารางช่องหนึ่ง ช่องนั้นพลันถูกกดลึกลงไปครึ่งนิ้ว กดช่องหนึ่งก็ออกเสียงอ่านหนึ่งคำ กดเรียงตามทิศทางกลบทดาวล้อมเดือนครบทั้งสี่ทิศ จนอ่านได้ใจความว่า …” ผลบุญบุญเกื้อกอบ ยศศักดิ์ . ผลบาปบาปชวนชัก ชั่วให้ ผลสัตย์สัตย์ประจักษ์ คุณแน่ นาพ่อ ผลเท็จเท็จโทษได้ เที่ยงแท้ แก่ตน ”... พอกดถึงตัวสุดท้ายครบถ้วน แท่นแผ่นเรียบกลับหมุนวนเชื่องช้า แล้วเปิดแยกออกเป็นสี่ทาง เผยให้เห็นแผ่นทองคำอันถูกสลักเป็นแผนที่เดินเส้นสีแดงสด “ คุณพระช่วย !...แผนที่ขุมทรัพย์พระสุรีย์ !...” ผิงซีร้องร่ำเสียงหลง สีหน้าแตกตื่นยินดี นัยน์ตาเรืองโรจน์สะท้อนกับแสงวับวาวบนฟ้า ที่ระเบิดสว่างไสวจากดอกไม้ไฟหลากสี ที่กำลังเฉลิมฉลองเทศการลอยโคม… …แสงไฟพราวพรายในห้วงนภา งามตระการตาราวเทพธิดานางฟ้าประสิทธิประสาท พลุไฟสว่างวาบสะท้อนใบหน้าพ่อภู่ จนมีหลายสีสลับเปลี่ยนดั่งภาพฝัน ดอกไม้ไฟระเบิดดัง ปัง ปัง ปัง !...ยังไม่ทำให้ใจผิงซีตื่นตระหนก เท่าแผนที่แผ่นทองที่อยู่เบื้องหน้า มือสั่นเทาของนางเอื้อมช้าๆตรงไปหาแผ่นทองด้วยใจระทึก แต่แล้วหญิงสาวกลับต้องรีบชักมือมากำพัดจีบของนางแน่น เมื่อปรากฏนายตระเวนหลายสิบนายกำดาบถาโถมเข้ามาล้อมรอบผู้คนทั้งหมดไว้ “ ชิชะ !...แม่หญิงจันจีนเจ้าชักศึกเข้าบ้านกระนั้นฤา ?...รีบบอกให้พวกเจ้าวางอาวุธมอบตัวบัดเดี๋ยวนี้ ! “ หัวหน้านายตระเวนไว้หนวดหนาโง้งดั่งเขาควาย เรียกรัองตระโกนดุดัน ในมือมีดาบทรงใบข้าวคมกริบชักตรงข่มขู่มา ทันทีนั้นเหล่าชายกำยาชาวจีนต่างกระโดดขึ้นตั้งท่าเตรียมต่อกร โดยคนสนิทร่างใหญ่กระโดดเข้าเผชิญหน้ากับนายกองโดยไม่ครั่นคร้าม ส่วนคนสนิทร่างผอมสูงผิวเหลืองซีด ได้กระโดดเข้าดึงไม้คานที้หาบหีบเหล็ก มาควงหมุนดั่งกงจักรหมายโรมรัน เลวร้ายที่สุดเห็นจะเป็นพ่อภู่ที่มึนเมาไม่ได้สติ กลับถูกบ่าวกำยำชนจนเซถลาไปชนกับกระถางแปดมังกร ทันทีที่มือพ่อภู่แตะสัมผัสผิวโลหะทรงกลม แท่นพื้นที่เปิดอ้าพลันปิดลงดั่งเดิม แต่พอพ่อภู่จะชักมือออก หัวมังกรทองเหลืองสองหัวที่ใกล้มือมัน ได้ยืดยาวออกมาเป็นสายโลหะทองเหลือง ตรงเข้าม้วนตวัดใส่ข้อมือชายหนุ่ม กลายเป็นสายโซ่ทองเหลืองพันธนาการมันไว้กับกระถางแปดมังกรไว้แน่น “ โอ้ว !..นี่มันอันใดกัน ! “ พ่อภู่ตะเบ้งเสียงตื่นตระหนกตกใจ ชักพาให้สถานการณ์เพิ่มความตึงเครียดมากว่าเก่า จนผิงซีต้องก้มลงไปจับไหล่ห้ามปราม ไม่ให้มันร้องแรกแหกกระเจิงเกินไป “ เจ้าทัดหูดอกพู่ระหงมาเพื่อแพร้อมตายมิใช่ฤา !...จะหวาดกลัวไปใยเล่า ! “ ผิงซีกล่าวเคร่งเครียด พลางกดไหล่ให้มันนั่งนิ่งๆ ส่วนในมือนางคลี่พัดจีบสีเงินยวงเผยให้เห็นลายผีเสื้อปักจากไพรินสีน้ำเงินสดใส ดั่งตระเตรียมเข้าหาศึกสงคราม แต่แล้วแม่หญิงจันจีนในคราบของคหบดีหล่อเหลา ได้รุดหน้าเข้ามายืนเคียงข้างคนสนิทร่างยักษ์ เผชิญหน้ากับนายกองตระเวนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ นายกองชมพวกเราคนกันเองทั้งนั้น ใยต้องใช้กำลังหักหาญกันเล่า ? “ ความพยายามไกร่เกรี่ยของแม่หญิงจันจีน เหมือนจะไม่เป็นผลใดกับนายกองหนวดโง้ง มันยังคงกระชับดาบ นัยน์ตาลุกโพลงเดือดดาล “ เจ้าอย่ามาโยกโย้เฉไฉ ค่ำมืดดึกดื่นปานนี้ ใยพาคนมาล้วงล้ำเขตพระราชฐาน มีเจตนาเลวร้ายอันใด ? “ เสียงตวาดเลื่อนลั่นของมัน สอดผสานไปกับเสียงระเบิดของดอกไม้ไฟในราตรี แสงจากเปลวระเบิดสีแดงสดกลางฟ้า สาดซัดจับใบหน้านายกองให้ดูน่ากลัวขึงขัง ดั่งมัจจุราชจากโลกันต์ แรงระเบิดบนฟ้าประทุขึ้นอีกสามครั้งครา จนสนั่นอึงอลไปทั่ว ตราบเมื่อสะเก็ดพลุได้ล่วงพราวลงจากฟ้า ทุกสายตาพลันต้องตะลึงตาค้าง มองตรงไปยังนายกองหนวดโง้งที่กระเด็ดร่วง ตามพลุไฟลงไปกระแทกพื้นดัง..โครม ! ตรงหน้าผากนายกองกลับปรากฏรูกระสุนปืนยิงทะลวง จนเลือดทะลักไหลเป็นสาย สร้างความสยดสยองพองขนขึ้นมาในบัดดล “ นายกองชม !...” เหล่านายตระเวนหนุ่มส่งเสียงเรียกระงม ไปกับความรวดเร็วของรูปเงาแห่งความอลหม่าน ที่โจนเข้ามาราวภูตพรายหมายชีวิต เพียงอึดใจพลันปรากฏกลุ่มชายชุดดำปิดบังหน้าตา วิ่งเข้ามาใช้ปืนคาบศิลาสั้นยิงใส่ผู้คนไม่เลือกหน้า ปัง !...ปัง !...ปัง !... ปืนไฟระเบิดก้องไปกับร่างนายตระเวน7-8นายล้มขมำลงกับพื้น เกิดเป็นเสียงร้องระงม พอชายชุดดำสิบกว่าคนที่รัวปืนยิง หมดสิ้นกระสุน ก็ชักดาบที่หว่างเอว พุ่งตรงเข้าใส่พวกของผิงซีในทันใด “ คุณหนูระวัง ! “ คนสนิทร่างผอมตะโกนเตือนด้วยความห่วงใย พลางควงไม้พลองเข้าปัดป่ายดาบของเหล่าชายชุดดำที่ถาโถมมา เช่นเดียวกับคนสนิทร่างยักษ์ที่กำหมัดแน่น ตรงเข้าปะทะกับมือดาบชุดดำโดยไม่ครั่นคร้ามใด ผิงซีตรงเข้าคว้าข้อมือน้องสาวที่ตัวสั่นเทา ให้เลี่ยงหลบดาบที่ฟาดฟันใส่ ส่วนอีกมือของผิงซีกำพัดจีบปัดป่ายดาบไม่ให้กร่ำกราย จะอย่างไรผิงซีผาดโผนในแดนดินกว้างใหญ่มาตั้งแต่สิบขวบ การต่อสู้โรมรันหาใช่เรื่องแปลกใหม่เกินรับมือ ยังไม่นับที่นางได้รับการถ่ายทอดเชิงมวยมาจากอาจารย์สายพรตอันเลื่องลือ ท่วงท่าต้านรับต่อกรจึงแคล้วคล่องเพลิดแพร้วยิ่ง เพียงไม้กี่กระบวนท่าที่เคลื่อนขยับหยั่งเชิงดาบ ผิงซีจึงเห็นช่องว่างรอยโหว่อยู่หลายจุดในกายคู่มือ ยิ่งเห็นว่าดาบที่มันใช้เป็นดาบสองคมเรียวบาง มีโกร่งโค้งตรงด้ามดาบ ลักษณะเป็นดาบฝารั่งมั่งค่าโดยไม่ต้องสงสัย “ พวกมันเป็นฝารั่งดั้งขอ อย่าได้พัวพันกับดาบมัน ให้จู่โจมท่อนล่างช่วงขาโดยไว้ ! “ ผิงซีตะโกนเตือนพวกพ้อง พลางพวยพุ่งเข้าหาชายชุดดำ ทั้งที่ในมือนางมีเพียงพัดจีบจับกวัดแกว่งต่างอาวุธ บันดาลให้ชายชุดดำแตกตื่นตะลึงงัน มิคาดว่าแม่หญิงชาววังผู้สวมสไบอ่อนหวาน จะห้าวหาญถึงเพียงนี้… ขายชุดดำลังเลกับการฟาดฟันเพียงครู่ ก็ต้องถูกด้ามพัดเงินพุ่งเข้าใส่ที่คอหอย จนมันปวดระบมสำรักไอด้วยความอึดอัด หากความเจ็บปวดของมันหาได้สงบลงง่ายดาย เพราะผิงซียังใช้มืออีกข้างออกด้วยวิชาคว้าจับ ตะปบเข้าที่ข้อมือมันแล้วบิดสะบัดจนข้อมือมันหัก ปล่อยดาบเรียวบางให้ร่วงหลุด ซ้ำผิงซียังพลิกข้อศอกกระแทกท้อง แล้วหมุนตัวปล่อยหมัดตรงเข้ากระแทกหน้าอก ผลักส่งร่างชายชุดดำปลิวกระเด็นไป ชั่วอึดใจผิงซีก้มหยิบดาบมากุมไว้ในมือ แล้วเผ่นโผนตวัดดาบเข้าช่วยเหลือพวกพ้อง แต่แล้วการรุกไล่อันดุเดือด กลับต้องชะงักหันสายตามองไปยังพ่อภู่ เมื่อได้ยินเสียงร้องโวกเวกไม่เป็นศัพย์ “ โอ้ย !.. โอ้ย !..นี่พวกเจ้าจะทำอันใดกัน ! “... พ่อภู่ร้องลั่น ขณะสองชายชุดดำยื้อยุดฉุดกระชากกระถางแปดมังกรไปมา แต่ด้วยท่อนแขนของพ่อภู่ที่ถูกโซ่ทองเหลืองล่ามติดไว้ถึงสองเส้น จึงมีสภาพทุลักทุเล ยื้อยุดกันชุลมุน กระทั้งหนึ่งในชายชุดดำที่ขุ่นเคืองเต็มประดา ได้เงื้อง่าดาบหมายฟันแขนพ่อภู่ให้ขาดกระเด็นในดาบเดียว “ พ่อภู่ ร ะ วั ง !...” มิคาดว่าคู่ฝาดจะกู่ร้องประสานเสียงเป็นคำเดียว จนทั้งคู่ต้องหันมามองหน้ากันด้วยความสนเท่ … แต่แล้วความห่วงใยทำให้ทั้งสองนางหันมามองพ่อภู่เป็นตาเดียว “ แ ก๊ ก ! ! !...” ดาบที่หมายสะบั่นแขนพ่อภู่ กลับถูกดาบอีกเล่มกั้นขวาง จนเกิดเสียงสะท้าน “ หากฆ่ามันทิ้งแล้ว จะมีผู้ใดแก้กระดานกลให้เราเล่า ? “ ชายชุดดำอีกผู้ยืนขวางดาบ กล่าวราบเรียบ แต่ทำให้ทั้งสองชายชุดดำลดดาบ ควบคุมท่าทีในบัดดล “ พวกเจ้าต้องแบกมันไปกับกระถางโดยพร้อมกัน ! “... ไม่ทันขาดคำ ด้ามดาบในมือผู้สั่งการพลันกระแทกเข้าที่ท้ายทอยพ่อภู่ จนร่างกวีผีสุราร่วงฟุบ สิ้นสติไม่สมประดีในพริบตา…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม